ประเทศอุรุกวัย
อุรุกวัย (สเปน: Uruguay, ออกเสียง: [uɾuˈɣwaj]) หรือชื่อทางการว่า สาธารณรัฐโอเรียนทัลอุรุกวัย[8] (República Oriental del Uruguay) เป็นประเทศในทวีปอเมริกาใต้ มีอาณาเขตจรดประเทศอาร์เจนตินาทางทิศตะวันตกและทิศตะวันตกเฉียงใต้ จรดประเทศบราซิลทางทิศเหนือและทิศตะวันออกเฉียงเหนือ จรดริโอเดลาปลาตาทางทิศใต้ และจรดมหาสมุทรแอตแลนติกทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ อุรุกวัยมีเนื้อที่ประมาณ 176,000 ตารางกิโลเมตร (68,000 ตารางไมล์) และมีประชากรประมาณ 3.51 ล้านคน โดย 2 ล้านคนในจำนวนนี้อาศัยอยู่ในเขตมหานครของเมืองหลวงและเมืองที่ใหญ่ที่สุดของประเทศ คือกรุงมอนเตวิเดโอ บริเวณที่เป็นประเทศอุรุกวัยมีกลุ่มคนเก็บของป่าล่าสัตว์เข้ามาอาศัยอยู่เป็นครั้งแรกเมื่อ 13,000 ปีก่อน[9] ชนเผ่าที่มีอำนาจเด่นในช่วงเวลาที่ชาวยุโรปมาถึงคือชาวชาร์รูอา อุรุกวัยตกเป็นอาณานิคมของชาวยุโรปค่อนข้างช้าเมื่อเทียบกับประเทศเพื่อนบ้าน โปรตุเกสก่อตั้งกูลอเนียดูซากราเม็งตูขึ้นใน ค.ศ. 1680 สเปนก่อตั้งมอนเตวิเดโอเป็นฐานที่มั่นทางทหารในช่วงต้นคริสต์ศตวรรษที่ 18 เนื่องจากการแข่งขันเพื่ออ้างกรรมสิทธิ์เหนือภูมิภาคนี้ อุรุกวัยได้รับเอกราชใน ค.ศ. 1811 และใน ค.ศ. 1828 หลังการแย่งชิงจากสี่ฝ่ายระหว่างโปรตุเกสกับสเปนและระหว่างอาร์เจนตินากับบราซิลในเวลาต่อมา และยังคงอยู่ภายใต้อิทธิพลและการแทรกแซงจากต่างประเทศตลอดคริสต์ศตวรรษที่ 19 โดยทหารเข้ามามีบทบาทซ้ำ ๆ ในการเมืองภายในประเทศ วิกฤตการณ์ทางเศรษฐกิจหลายครั้งและการต่อสู้กับกิจกรรมกองโจรฝ่ายซ้ายในปลายคริสต์ทศวรรษ 1960 และต้นคริสต์ทศวรรษ 1970 ได้ยุติช่วงเวลาแห่งประชาธิปไตยที่เริ่มมาตั้งแต่ต้นคริสต์ศตวรรษที่ 20[โปรดขยายความ] โดยนำไปสู่รัฐประหารใน ค.ศ. 1973 ซึ่งสถาปนาระบอบเผด็จการพลเรือน-ทหาร รัฐบาลทหารไล่ล่าฝ่ายซ้าย ฝ่ายสังคมนิยม และฝ่ายตรงข้ามทางการเมือง ส่งผลให้มีผู้ถูกทรมานและผู้เสียชีวิตจำนวนมาก จนกระทั่งทหารได้มอบอำนาจให้แก่รัฐบาลพลเรือนใน ค.ศ. 1985 ปัจจุบันอุรุกวัยเป็นสาธารณรัฐรัฐธรรมนูญในระบอบประชาธิปไตย โดยมีประธานาธิบดีเป็นทั้งประมุขแห่งรัฐและหัวหน้ารัฐบาล อุรุกวัยเป็นประเทศที่มีเศรษฐกิจรายได้สูงและติดอันดับหนึ่งในลาตินอเมริกาในด้านประชาธิปไตย สันติภาพ ภาพลักษณ์คอร์รัปชันต่ำ[10] และรัฐบาลอิเล็กทรอนิกส์[11][12] ประเทศนี้อยู่ในอันดับแรกในอเมริกาใต้ในด้านเสรีภาพสื่อ ขนาดชนชั้นกลาง และภาวะเศรษฐกิจรุ่งเรือง[10] บนพื้นฐานต่อหัว อุรุกวัยส่งกำลังทหารไปปฏิบัติภารกิจรักษาสันติภาพของสหประชาชาติมากกว่าประเทศอื่น ๆ[10] และเป็นประเทศที่มีดัชนีการก่อการร้ายทั่วโลกอยู่ในอันดับต่ำที่สุดในอเมริกาใต้ เป็นอันดับสองของทวีปในด้านเสรีภาพทางเศรษฐกิจ ความเท่าเทียมกันของรายได้ รายได้ต่อหัว และการไหลเข้าของการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ[10] และเป็นประเทศที่ดีที่สุดอันดับสามของทวีปในด้านดัชนีการพัฒนามนุษย์ การเติบโตของผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ[13] นวัตกรรม และโครงสร้างพื้นฐาน[10] อุรุกวัยถือเป็นหนึ่งในประเทศที่มีความก้าวหน้าทางสังคมมากที่สุดในลาตินอเมริกา โดยติดอันดับสูงในการจัดอันดับด้านสิทธิส่วนบุคคล การยอมรับความต่าง และการนับรวมทุกกลุ่มคน[14] รวมถึงการยอมรับประชาคมบุคคลที่มีความหลากหลายทางเพศ[15] กัญชา การสมรสเพศเดียวกัน และการทำแท้งได้รับการรับรองให้ถูกกฎหมายในประเทศนี้ อุรุกวัยเป็นสมาชิกก่อตั้งของสหประชาชาติ องค์การนานารัฐอเมริกา และตลาดร่วมอเมริกาใต้ตอนล่าง การเมืองการปกครองฝ่ายบริหารประธานาธิบดีดำรงตำแหน่งทั้งประมุขของรัฐและหัวหน้าคณะรัฐบาล รวมถึงเป็นผู้แต่งตั้งคณะรัฐมนตรี (ต้องได้รับการรับรองจากรัฐสภา) ประธานาธิบดีและรองประธานาธิบดีมาจากการเลือกตั้งในคราวเดียวในระบบคะแนนนิยม วาระการดำรงตำแหน่ง 5 ปี และไม่อาจดำรงตำแหน่งเป็นวาระที่ 2 ได้ ฝ่ายนิติบัญญัติระบบสองสภาประกอบด้วยวุฒิสภาจำนวน 30 ที่นั่ง สมาชิกมาจากการเลือกตั้งในระบบคะแนนนิยม วาระการดำรงตำแหน่ง 5 ปี โดยรองประธานาธิบดีมีสิทธิ์ออกเสียงได้ 1 เสียง และสภาผู้แทนราษฎรจำนวน 99 ที่นั่ง สมาชิกมาจากการเลือกตั้งในระบบคะแนนนิยม วาระการดำรงตำแหน่ง 5 ปี ฝ่ายตุลาการระบบประมวลกฎหมายมีรากฐานมาจากประมวลกฎหมายของสเปน ผู้พิพากษาศาลฎีกาได้รับการเสนอชื่อจากประธานาธิบดี และสภานิติบัญญัติเป็นผู้เลือก วาระการดำรงตำแหน่ง 10 ปี อ้างอิง
อ่านเพิ่ม
แหล่งข้อมูลอื่น
|