พระราชวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าฉายรัศมีหิรัญพรรณ
พระราชวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าฉายรัศมีหิรัญพรรณ (17 ธันวาคม พ.ศ. 2414 — 9 เมษายน พ.ศ. 2471) เป็นพระราชธิดาพระองค์ที่ 11 ในกรมพระราชวังบวรวิไชยชาญ ประสูติแต่จอมมารดาปุ้ย พระประวัติพระราชวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าฉายรัศมีหิรัญพรรณ เป็นพระราชธิดาพระองค์ที่ 11 ในกรมพระราชวังบวรวิไชยชาญ ประสูติแต่จอมมารดาปุ้ย (ธิดาพระยาพระราม (แสง) กับท่านปุก) เมื่อวันอังคารที่ 17 ธันวาคม พ.ศ. 2414[1] ในสมัยรัชกาลที่ 5 เมื่อปี พ.ศ. 2435 พระองค์เจ้าฉายรัศมีหิรัญพรรณ ทรงเข้าเป็นสามัญสมาชิกของหอพระสมุดวชิรญาณในพระบรมมหาราชวัง และประทานเงินบำรุงปีละ 20 บาทเป็นประจำทุกปี ปรากฏความใน วชิรญาณวิเศษ ว่า[2] "...คราวประชุมครั้งที่ ๓ พระเจ้าน้องนางเธอ พระองค์เจ้าอรุณวดี อุปนายก ทรงนำ พระเจ้าบวรวงษ์เธอ พระองค์เจ้าดวงประภา ภาคินีสมาชิก ทรงรับรอง ๑๔ พระบวรวงษ์เธอ พระองค์เจ้าฉายรัศมีหิรัญญพรรณ์ เปนภาคินีสมาชิก ๑๕ พระบวรวงษ์เธอ พระองค์เจ้าอับศรศรีราชกานดา เปนภาคินีสมาชิก ได้ลงชื่อส่งเงินแล้ว วันที่ ๒ พฤศจิกายน ร,ศก ๑๑๑ ท่านสมาชิกทั้งปวงจงทราบว่า บรรดาท่านที่ได้กล่าวนามแลพระนามมาแล้วนี้ นับว่าเปนสมาชิกของหอพระสมุดวชิรญาณ ตั้งแต่วันที่ได้มาลงนามแลพระนาม ซึ่งได้กล่าวมาแล้วข้างต้นนั้น เปนต้นไป..." และ[3] "...ตั้งแต่วันที่ ๕ จนถึงวันที่ ๑๑ มกราคม รัตนโกสินทร์ศก ๑๑๒ ในระหว่าง ๗ วันนี้ ท่านสมาชิกได้มายังหอพระสมุดวชิรญาณ ๒๒ ท่าน ได้ลงชื่อ ๓๙ ครั้ง แลหนังสือที่ได้ให้ยืม ๔๕ ครั้ง แลสมาชิกได้นำเงินค่าเกมบิลเลียดมาส่ง ๕ ท่าน รวมเปนเงิน ๙๕ บาท ๑๖ อัฐ สมาชิกได้นำเงินบำรุงหอพระสมุดวชิรญาณจำนวนปีที่ ๑๓ มาส่งยังหอพระสมุดวชิรญาณ เปนเงินรายละ ๒๐ บาท ดังจะมีรายพระนามแลนามแจ้งต่อไปนี้ คือ... พระบวรวงษ์เธอ พระองค์เจ้าฉายรัศมีหิรัญญพรรณ์ ๑..." พระราชวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าฉายรัศมีหิรัญพรรณ ประชวรพระโรคอัมพาตมาช้านาน สิ้นพระชนม์ที่พระตำหนักในพระบรมมหาราชวัง ในสมัยรัชกาลที่ 7 เมื่อวันจันทร์ที่ 9 เมษายน พ.ศ. 2471 พระชนมายุนับปีได้ 57 พรรษา พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้ากรมพระนริศรานุวัดติวงศ์ เสด็จเป็นประธานในการพระราชทานน้ำหลวงสรงพระศพ กับทั้งรับพระศพไว้ในพระบรมราชานุเคราะห์มีกำหนดเวลา 15 วัน[4] พระราชทานเพลิงพระศพ ณ พระเมรุ วัดเบญจมบพิตรดุสิตวนารามราชวรวิหาร เมื่อวันที่ 18 พฤษภาคม พ.ศ. 2473[1] พระเกียรติยศพระอิสริยยศ
เครื่องราชอิสริยาภรณ์
พงศาวลี
อ้างอิง
|