ราชวงศ์จักรี
ราชวงศ์จักรี เป็นราชวงศ์ถัดจากสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชแห่งกรุงธนบุรี ซึ่งปกครองราชอาณาจักรที่สืบทอดกรุงศรีอยุธยามาจนเป็นประเทศไทยในปัจจุบัน เกิดขึ้นจากการที่สมเด็จเจ้าพระยามหากษัตริย์ศึก (ทองด้วง) ขุนนางซึ่งดำรงตำแหน่งสมุหนายก (จักรี) ในราชสำนักของสมเด็จพระเจ้าตากสิน ยึดอำนาจการปกครองและปลงพระชนม์สมเด็จพระเจ้าตากสิน และปราบดาภิเษกตนขึ้นเป็นพระมหากษัตริย์แทน (ภายหลังปรากฏพระนามว่า พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช) เมื่อวันที่ 6 เมษายน พ.ศ. 2325[2] แล้วย้ายศูนย์กลางการปกครองจากกรุงธนบุรีมายังกรุงเทพมหานครตั้งแต่วันที่ 21 เมษายน พ.ศ. 2325 ซึ่งเป็นเมืองหลวงมาจนถึงปัจจุบัน[3] เอกสารหลายฉบับ ทั้งของไทยและของต่างชาติ อ้างถึงความวุ่นวายทางการเมืองในปลายรัชสมัยสมเด็จพระเจ้าตากสินว่า เป็นผลมาจากการที่สมเด็จพระเจ้าตากสินมีพระจริยวัตรผิดแผกไป จนสมเด็จเจ้าพระยามหากษัตริย์ศึก ซึ่งอยู่ขณะนำทัพไปเขมร ต้องเดินทางกลับมาระงับเหตุ แล้วปลงพระชนม์สมเด็จพระเจ้าตากสิน ก่อนขึ้นเป็นพระมหากษัตริย์แทน อันเป็นจุดเริ่มต้นของราชวงศ์จักรี[4] จากนั้น ราชวงศ์จักรีได้ปราบปรามเชื้อสายของสมเด็จพระเจ้าตากสิน เจ้าพระยาทิพากรวงศมหาโกษาธิบดี (ขำ บุนนาค) บันทึกว่า สมเด็จพระบวรราชเจ้ามหาสุรสิงหนาท พระราชอนุชาของพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช ทรงให้ "เอาบุตรชายน้อย ๆ ของเจ้าตากสิน...ใส่เรือไปล่มน้ำเสียให้สิ้น" โดยทรงอ้างถึงคำโบราณว่า "ตัดหวายอย่าไว้หนามหน่อ ฆ่าพ่ออย่าไว้ลูก"[5] และพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย (รัชกาลที่ 2) ทรงประหารหม่อมเหม็น พระราชโอรสของพระเจ้าตากสิน เมื่อ พ.ศ. 2352 ในเหตุการณ์ที่อ้างว่า มีนกกาคาบหนังสือแจ้งเหตุกบฏมาทิ้งที่พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท[6][7] ในด้านเชื้อสายของราชวงศ์จักรีนั้น พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 4) มีพระราชหัตถเลขาว่า ต้นตระกูลของราชวงศ์จักรีมิใช่ไทยแท้ แต่เป็นมอญผสมจีนที่สืบทอดกันมาจนถึงสมเด็จพระปฐมบรมมหาชนก (ทองดี) พระราชบิดาของพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก[8] และมีผู้เสนอทฤษฎีว่า ราชวงศ์จักรีอาจสืบเชื้อสายมาจากสมเด็จพระนเรศวรมหาราช พระมหากษัตริย์แห่งกรุงศรีอยุธยา ซึ่งอาจทำให้มีความสัมพันธ์ทางเครือญาติย้อนไปถึงราชวงศ์พระร่วงที่สืบสายกันในกรุงสุโขทัย[9] วันที่ 6 เมษายน พ.ศ. 2325 อันเป็นวันที่พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราชเสด็จขึ้นทรงราชย์นั้น ถือกันว่า เป็นวันสถาปนาราชวงศ์จักรี[10] เรียกกันว่า วันจักรี[11] และมีการกำหนดให้วันที่ 6 เมษายน ของทุกปี เป็นวันหยุดราชการมาตั้งแต่ พ.ศ. 2468 เป็นอย่างน้อย[12] ราชวงศ์จักรีใช้สัญลักษณ์เป็นรูปตรีศูลในวงจักรสุทรรศน์ ซึ่งเป็นอาวุธของพระนารายณ์ เทวดาในศาสนาฮินดู[13] ด้วยเหตุผลว่า คำว่า "จักร" และ ตรี" สอดคล้องกับชื่อ "จักรี" ของราชวงศ์[9] พระบรมวงศานุวงศ์พระบรมวงศานุวงศ์ไทยในปัจจุบันสืบราชสมบัติภายในราชสกุลมหิดล ซึ่งสืบเชื้อสายมาจากสมเด็จพระมหิตลาธิเบศร อดุลยเดชวิกรม พระบรมราชชนก[14] กับสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี (สังวาลย์ ตะละภัฏ) โดยสมเด็จพระบรมราชชนกนั้นเป็นพระราชโอรสในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวกับสมเด็จพระศรีสวรินทิราบรมราชเทวี พระพันวัสสาอัยยิกาเจ้า (สมเด็จพระนางเจ้าสว่างวัฒนา พระบรมราชเทวี) ถือเป็นพระอนุชาต่างพระมารดาในพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว และพระเชษฐาต่างพระมารดาในพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว หลังการสวรรคตของพระบาทสมเด็จพระปรเมนทรมหาอานันทมหิดล พระอัฐมรามาธิบดินทร พระอนุชาคือสมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอ เจ้าฟ้าภูมิพลอดุลเดช (ปัจจุบันคือพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร) จึงได้เสด็จขึ้นครองราชสมบัติสืบราชสันตติวงศ์ในวันเดียวกัน และภายหลังได้ทรงประกอบพระราชพิธีราชาภิเษกสมรสกับสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง (หม่อมราชวงศ์สิริกิติ์ กิติยากร) พระธิดาในพระวรวงศ์เธอ กรมหมื่นจันทบุรีสุรนาถ (หม่อมเจ้านักขัตรมงคล กิติยากร) กับหม่อมหลวงบัว กิติยากร (สนิทวงศ์) มีพระราชโอรสเพียงพระองค์เดียวคือพระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว ซึ่งทรงราชย์เป็นพระมหากษัตริย์รัชกาลปัจจุบัน รายพระนามพระบรมวงศานุวงศ์
รายพระนามพระอนุวงศ์พระอนุวงศ์ชั้นพระองค์เจ้า
พระอนุวงศ์ชั้นหม่อมเจ้าพระราชสันตติวงศ์ในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว
พระราชสันตติวงศ์ในพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว
เครือญาติและผู้เกี่ยวกับพระบรมวงศานุวงศ์
พระราชสันตติวงศ์ในพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร
พระราชสันตติวงศ์ในสมเด็จพระมหิตลาธิเบศร อดุลยเดชวิกรม พระบรมราชชนก
พระราชสันตติวงศ์ในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว
พระราชสันตติวงศ์ในพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว
รายพระนามพระมหากษัตริย์ไทย
สมเด็จพระบรมราชินี
กรมพระราชวังบวรสถานมงคล
กรมพระราชวังบวรสถานพิมุข
สยามมกุฎราชกุมาร
แผนผังการเงินในปี 2560 สำนักข่าวเอเอฟพี รายงานว่า ราชวงศ์จักรีเป็นราชวงศ์ที่ร่ำรวยลำดับต้น ๆ ของโลก โดยมีทรัพย์สินที่ประเมินไว้ระหว่าง 30,000–60,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งส่วนใหญ่อยู่ในความดูแลของสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ สำนักข่าวรอยเตอส์ประเมินว่าเฉพาะหุ้นที่สำนักงานทรัพย์สินฯ ถืออยู่ในธนาคารไทยพาณิชย์ และบริษัท ปูนซีเมนต์ไทย จำกัด (มหาชน) รวมกันมีมูลค่า 3.06 แสนล้านบาท[17] อ้างอิง
ดูเพิ่มวิกิมีเดียคอมมอนส์มีสื่อที่เกี่ยวข้องกับ ราชวงศ์จักรี
แหล่งข้อมูลอื่น
|