หนุมาน
หนุมาน (สันสกฤต: हनुमान्; ฮินดี: हनुमान) เป็นเทพเจ้าในศาสนาฮินดู หรือเทพวานร ตัวละครเอกตัวหนึ่งในเรื่องรามเกียรติ์ เป็นลิงเผือก จึงมีสีขาวเป็นสีประจำกาย เมื่อสำแดงฤทธิ์จะมี 4 หน้า 8 มือ หาวเป็นดาวเป็นเดือน นอกจากนี้ ยังมีลักษณะประจำกายอื่น ๆ อีก เช่น สวมกุณฑล มีขนเพชร มีเขี้ยวเป็นแก้ว และ หาวเป็นดาวเป็นเดือน ดังกลอนตอนที่หนุมานเกิดว่า
หนุมาน เป็นลิงที่มีฤทธิ์มาก สามารถสำแดงเดชต่าง ๆ ได้หลายประการ เช่น การขยายร่างกายให้ใหญ่โต การยืดหางให้ยาว เป็นต้น นอกจากนี้ หนุมานยังได้ชื่อว่าเป็นอมตะ คือ ไม่มีวันตาย เนื่องจากเป็นบุตรของพระพาย (ลม) กับนางสวาหะ ด้วยเหตุนี้ เมื่อหนุมานมีอันตรายถึงตายแล้ว เพียงแค่มีลมพัดมา หนุมานก็จะฟื้นคืนชีพขึ้นมาใหม่ ด้วยอำนาจของพระพายผู้เป็นบิดา บุคลิกของหนุมานเป็นตัวแทนของชายหนุ่มทั่วไป คือ รูปงาม มีนิสัยเจ้าชู้ และ มีภรรยามาก เช่น นางสุพรรณมัจฉา ทั้งคู่มีบุตรด้วยกันหนึ่งตน คือ มัจฉานุ ซึ่งเป็นลูกผสมระหว่าง ลิงเผือกกับปลา นั่นคือ มีกายเป็นลิงเผือกเหมือนหนุมาน แต่หางนั้น กลับเป็นหางของปลา นางเบญกาย บุตรีของพญาพิเภก หนุมานได้นางเบญกายตอนที่ นางเบญกายจำแลงกายเป็นศพของ นางสีดาลอยทวนน้ำมา เพื่อหลอกพระรามให้เสียพระทัย แต่ภายหลังกลนี้ถูกจับได้ พระรามจึงให้หนุมานพานางเบญจกายไปส่งกลับเมือง ซึ่งทั้งคู่มีลูกด้วยกัน ชื่อว่า อสุรผัด ตลอดเรื่องรามเกียรติ์นั้น หนุมานผู้เป็นทหารเอกได้รับรางวัลจากพระราม 3 ครั้ง
เมื่อเสร็จศึกกรุงลงกาแล้ว พระรามได้สถาปนาให้เป็น "พระยาจักรกฤษณ์พิพรรธพงศา" และยกกรุงอยุธยาให้ครองกึ่งหนึ่ง แต่หนุมานได้ถวายคืนพระราม เพราะสำนึกว่าตนไม่สูงศักดิ์พอ พระรามจึงยกเมืองลพบุรีให้ครองแทน กำเนิดหนุมานมีตำนานกำเนิดต่าง ๆ กัน ได้แก่[2]
ลักษณะของหนุมานกายสีขาว มีกุณฑล (ต่างหู) ขนเพชร เขี้ยวแก้ว (อยู่กลางเพดานปาก) หาวเป็นดาวเป็นเดือน ยามแผลงฤทธิ์จะมีสี่หน้า แปดกร เป็นทหารเอกที่รู้ใจพระรามที่สุด ฉลาดรอบรู้ ค่อนข้างหัวดื้อ เช่น ตอนที่หักกิ่งไม้ ทำลายอุทยานของทศกัณฐ์ ตอนเผาเมืองลงกา เป็นต้น ซึ่งเป็นการทำนอกเหนือคำสั่ง เจ้าเล่ห์เพทุบาย มีกลอุบายมากมายซึ่งเอาไว้ใช้ในการศึก รักนายและพลีชีพเพื่อนาย ภรรยาและบุตรของหนุมาน1. นางบุษมาลี เป็นภรรยาคนแรกของหนุมาน ได้พบกันเมื่อหนุมาน ชมพูพาน และองคต จะเดินทางไปกรุงลงกาเพื่อสืบข่าวนางสีดา ระหว่างทางไปเจอเมืองเมืองหนึ่งตั้งอยู่กลางป่า ไม่มีทหารอยู่เลย หนุมานแปลกใจจึงขอเข้าไปดู ก็ได้พบกับ “นางบุษมาลี” นางฟ้าที่พระอินทร์สาปให้มาอยู่ในเมืองนี้แต่เพียงผู้เดียว สาเหตุเพราะนางดันไปเป็นแม่สื่อแม่ชักให้แก่นางสนมของพระอินทร์กับท้าวตาวัน โดยนางบุษมาลีจะพ้นจากคำสาปได้ก็ต่อเมื่อทหารเอกของพระรามที่หาวเป็นดาวเป็นเดือนโยนนางกลับขึ้นไปบนท้องฟ้าส่งนางไปสู่สวรรค์ชั้นดาวดึงส์ เมื่อหนุมานได้เจอนางบุษมาลีก็นึกรัก มีใจปฏิพัทธ์ต่อนางทันที ดังนั้นเมื่อสอบถามจนรู้ความ ก่อนจะโยนนางกลับขึ้นสวรรค์ หนุมานก็ได้นางเป็นเมียเสียก่อน แต่ถึงจะรักนางบุษมาลี หนุมานก็ไม่ยอมให้เรื่องผู้หญิงทำให้เสียงาน และก็ไม่ลืมสัญญาที่จะส่งนางกลับขึ้นสวรรค์ รักแรกของหนุมานกับนางฟ้าก็เป็นรักที่แสนสั้น และไม่ได้มีลูกด้วยกัน 2. เบญกาย ธิดาของพิเภก ทศกัณฐ์ลักพาตัวนางสีดามาแล้วก็วางแผนที่จะให้พระรามเลิกตามนางสีดา จึงให้ “นางเบญกาย” หลานสาวแปลงกายเป็นนางสีดาตายลอยน้ำมา ทำให้พระรามที่ได้พบศพเสียใจมาก แต่หนุมานผู้มีปฏิภาณดีมาก สังเกตเห็นว่าศพนี้ไม่น่าจะใช่นางสีดาตัวจริง จึงให้พิสูจน์ด้วยการเผาร่างนั้น นางเบญกายทนร้อนไม่ไหวก็ปรากฏตัวจริงออกมา พระรามให้พิเภกผู้เป็นพ่อเป็นผู้พิพากษาลงโทษเอง พิเภกให้ประหารชีวิตเพื่อพิสูจน์ความจงรักภักดี แต่พระรามเห็นใจจึงยกโทษให้ และให้หนุมานพากลับไปส่งที่กรุงลงการะหว่างทางหนุมานก็ได้เกี้ยวพาราสีจนได้นางเบญกายเป็นเมียอีกคน มีบุตรกับหนุมานคือ อสุรผัด 3. สุพรรณมัจฉา เป็นนางเงือก ธิดาของทศกัณฐ์ ได้เป็นภรรยาขณะจองถนนข้ามกรุงลงกา มีบุตรคือ มัจฉานุ 4. นางวารินทร์ ได้ขณะตามล่าวิรุญจำบัง 5. นางมณโฑ ได้มาโดยการใช้เล่ห์กลขณะปลอมตัวเป็นทศกัณฐ์ 6. นางสุวรรณกันยุมา ทศกัณฐ์ประทานให้ ขณะเสแสร้งแปรพักตร์ (นางเคยเป็นภรรยาอินทรชิต) หนุมานในประเทศต่าง ๆเนื่องจาก อารยธรรมอินเดียได้แพร่หลายไปโดยตลอดทั้งเอเชียใต้ และเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ทั้งในเรื่องของศาสนา สถาปัตยกรรม และ วรรณกรรม ดังนั้น วรรณคดีเรื่อง "รามายณะ" จึงได้รับความนิยมอย่างแพร่หลายในกลุ่มประเทศที่ได้รับวัฒนธรรมอินเดีย[3] ไม่ว่าจะเป็น อินโดนีเซีย ไทย หรือ กัมพูชา เป็นต้น อย่างไรก็ตาม ลักษณะของหนุมานของแต่ละประเทศนั้น ย่อมแตกต่างกันไปตามการตีความของชนชาตินั้น ๆ เช่น หนุมานในรามายณะของอินเดียไม่มีความเจ้าชู้เหมือนหนุมานในรามเกียรติ์ของไทย[4] ในวัฒนธรรมร่วมสมัยเนื่องจากหนุมาน เป็นตัวละครที่มีชื่อเสียง เป็นที่รู้จักในวงกว้างของสังคมไทย ดังนั้นหนุมาน จึงถูกใช้เป็นสื่อในวัฒนธรรมร่วมสมัยหลายประเภท เช่น เป็นตัวนำโชคในกีฬาซีเกมส์ครั้งที่ 19 ปี พ.ศ. 2540 ที่จาการ์ตา รวมถึงเป็นตัวนำโชคในการรณรงค์การออกเสียงประชามติร่างรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2559[5] อีกด้วย หรือเป็นตัวเอกในภาพยนตร์ไทย เรื่อง หนุมานพบ 7 ยอดมนุษย์ (พ.ศ. 2517) หรือหนุมานพบ 5 ไอ้มดแดง (พ.ศ. 2518) หรือดัดแปลงเป็นตัวละคร ชื่อ "เผือก" ในแอนิเมชันสัญชาติไทยเรื่อง ยักษ์ (พ.ศ. 2555) เป็นต้น ต่อมาในปี พ.ศ. 2560 ช่อง 8 ได้เอาซีรีส์อินเดียเรื่อง หนุมาน สงครามมหาเทพ ซึ่งเน้นประวัติของหนุมานเป็นหลัก มาออกอากาศบนโทรทัศน์ ดูเพิ่มอ้างอิงวิกิมีเดียคอมมอนส์มีสื่อที่เกี่ยวข้องกับ หนุมาน
|