ไมก์ เพนซ์
ไมเคิล ริชาร์ด เพนซ์ (อังกฤษ: Michael Richard Pence) หรือเรียกอย่างง่ายว่า ไมก์ เพนซ์ (Mike Pence) นักการเมืองชาวอเมริกันสังกัดพรรคริพับลิกัน อดีตรองประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกาคนที่ 48 ระหว่าง ค.ศ. 2017–2021 อดีตผู้ว่าการรัฐอินดีแอนาระหว่าง ค.ศ. 2013–2017 และอดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐ เขาเกิดและโตในเมืองโคลัมบัส รัฐอินดีแอนา จบหลักสูตรศิลปศาสตรบัณฑิต สาขาประวัติศาสตร์ จากวิทยาลัยแฮโนเวอร์ และเข้าศึกษาต่อด้านกฎหมายที่วิทยาลัยกฎหมายแม็กคินนีย์แห่งมหาวิทยาลัยอินดีแอนา รอเบิร์ต เฮช. ต่อมาหลังพ่ายแพ้ในการชิงตำแหน่งเป็นตัวแทนผู้ลงสมัครเป็นสมาชิกรัฐสภาใน ค.ศ. 1988 และ 1990 เขากลายเป็นนักจัดรายการวิทยุและพิธีกรทอล์กโชว์ระหว่าง ค.ศ. 1994 ถึง ค.ศ. 1999 เพนซ์ได้เข้าเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรระหว่าง ค.ศ. 2001 ถึง ค.ศ. 2013 โดยเป็นผู้แทนจากรัฐอินดีแอนาเขต 2 และ 6 เพนซ์ดำรงตำแหน่งเป็นผู้ว่าการรัฐอินดีแอนาในวันที่ 14 มกราคม ค.ศ. 2013 เขาได้ลดอัตราภาษีในรัฐอินดีแอนาลงมากที่สุดเป็นประวัติการณ์ เพิ่มงบประมาณด้านการศึกษา และเริ่มใช้นโยบายการคลังแบบเกินดุล และยังลงนามในกฎหมายต้านการทำแท้ง[1] นอกจากนี้เขายังมีชื่อเสียงจากการประกาศใช้รัฐบัญญัติฟื้นฟูศาสนาอย่างเสรี ซึ่งกลายเป็นข้อขัดแย้งกับสมาชิกระดับกลางในพรรคริพับลิกัน เขายังประกาศใช้รัฐบัญญัติคุ้มครองเพศหลากหลายอีกด้วย[2] หลังจากที่ประกาศตัวใน ค.ศ. 2016 ว่าจะไม่ลงสมัครรับเลือกตั้งเป็นผู้ว่าการสมัยถัดไป เขาออกเดินสายหาเสียงกับดอนัลด์ ทรัมป์ในการเลือกตั้งประธานาธิบดี โดยทรัมป์ได้ประกาศว่าหากเขาชนะจะให้เพนซ์เป็นรองประธานาธิบดีซึ่งทั้งคู่ประสบความสำเร็จในการเลือกตั้ง ในฐานะรองประธานาธิบดี เพนซ์ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นประธานสภาอวกาศแห่งชาติ และเป็นหนึ่งในคณะทำงานเฉพาะกิจของทำเนียบขาวในการรับมือการระบาดทั่วของโควิด-19 ทรัมป์และเพนซ์แพ้การเลือกตั้งสมัยที่สองให้แก่ โจ ไบเดิน และ กมลา แฮร์ริส แม้จะมีการเรียกร้องให้มีการนับคะแนนใหม่ รวมถึงการยื่นฟ้องร้องโดยทรัมป์เพื่อพยายามพลิกผลการเลือกตั้งซึ่งเป็นชนวนไปสู่เหตุจราจลในการบุกเข้าอาคารรัฐสภา ทว่าเพนซ์ได้ยอมรับผลดังกล่าว ส่งผลให้ความสัมพันธ์ระหว่างทรัมป์และเพนซ์แย่ลงนับจากนั้น เขาเริ่มวิจารณ์กลุ่มผู้สนับสนุนของทรัมป์จากเหตุจราจลอย่างตรงไปตรงมา รวมถึงวิจารณ์การปฏิบัติหน้าที่ของทรัมป์ ในเดิอนมิถุนายน ค.ศ. 2023 เพนซ์ประกาศลงแข่งขันเป็นตัวแทนพรรครีพับลิกันในการเลือกตั้งประธานาธิบดี ค.ศ. 2024 แต่ได้ถอนตัวในช่วงปลายเดือนตุลาคม ประวัติเพนซ์เกิดเมื่อวันที่ 7 มิถุนายน ค.ศ. 1952 ในเมืองโคลัมบัส รัฐอินดีแอนา เป็นลูกหนึ่งในหกคนของแอน เจน "แนนซี" คอว์ลีย์ และเอ็ดเวิร์ด โจเซฟ เพนซ์ จูเนียร์ ซึ่งเป็นผู้บริหารปั๊มน้ำมัน[3] บิดาของเขารับราชการในฐานะทหารกองทัพสหรัฐในช่วงสงครามเกาหลี และได้รับเหรียญทองแดงเชิดชูเกียรติใน ค.ศ. 1953 ซึ่งเพนซ์ได้นำเหรียญดังกล่าวจัดแสดงในห้องทำงานของเขาตลอดอาชีพของเขา พร้อมด้วยจดหมายชมเชยจากรัฐบาลสหรัฐและรูปถ่ายของบิดา[4] บิดาของเขามีเชื้อสายเยอรมันและไอริช ในขณะที่มารดามีเชื้อสายไอริช[5] ปู่ของเขา เอ็ดเวิร์ด โจเซฟ เพนซ์ ซีเนียร์ ทำงานในฟาร์มปศุสัตว์ในชิคาโก[6] เพนซ์สำเร็จการศึกษาระดับมัธยมจากโรงเรียนมัธยมโคลัมบัส นอร์ท ก่อนจะจบหลักสูตรศิลปศาสตรบัณฑิต สาขาประวัติศาสตร์ จากวิทยาลัยแฮโนเวอร์ ค.ศ. 1981 และเข้าศึกษาต่อด้านกฎหมายที่วิทยาลัยกฎหมายแม็กคินนีย์แห่งมหาวิทยาลัยอินดีแอนา รอเบิร์ต เฮช. [7] กระทั่งสำเร็จการศึกษาใน ค.ศ. 1986 เพนซ์ยังเคยเป็นเจ้าหน้าที่ให้คำปรึกษาในการเข้าศึกษาต่อ ณ มหาวิทยาลัยอินดีแอนาระหว่าง ค.ศ. 1981–83[8] เพนซ์เป็นเพื่อนร่วมรุ่นกับวูดดี แฮร์เรลสัน นักแสดงผู้โด่งดัง แฮร์เรลสันเคยให้สัมภาษณ์ในการออกรายการของจิมมี คิมเมล ว่าตนค่อนข้างชอบเพนซ์ในเวลานั้น เพนซืเคยนับถือศาสนาคริสต์นิกายโรมันคาทอลิก และเคยเป็นสมาชิกพรรคเดโมแครตเช่นเดียวกับสมาชิกคนอื่นในครอบครัว[9] เพนซ์ลงคะแนนให้กับจิมมี คาร์เตอร์ในการเลือกตั้งประธานาธิบดี ค.ศ. 1980[10] แรงบันดาลใจในการเข้าสู่แวดวงการเมืองของเพนซ์คืออดีตประธานาธิบดีอย่างจอห์น เอฟ. เคนเนดี และ มาร์ติน ลูเทอร์ คิง จูเนียร์ มุมมองทางการเมืองของเขาเริ่มเปลี่ยนไปในเวลาต่อมา โดยให้ความศรัทธาในความเป็นอนุรักษฺนิยมและการเมืองฝ่ายขวา โดยได้แรงบันดาลใจจากประธานาธิบดีโรนัลด์ เรแกน[11] อาชีพในช่วงแรกหลังจากสำเร็จการศึกษาจากวิทยาลัยกฎหมายใน ค.ศ. 1986 เพนซ์เริ่มต้นเป็นทนายความอิสระใน ค.ศ. 1988 ต่อมา เพนซ์ลงสมัครชิงตำแหน่งสภาคองเกรสเพื่อต่อต้านฟิลิป ชาร์ป ผู้ดำรงตำแหน่งจากพรรคเดโมแครต แต่ไม่ประสบความสำเร็จ เขาลงแข่งกับชาร์ปอีกครั้งในปี 1990 โดยลาออกจากงานเพื่อมาทำงานเต็มเวลาในแคมเปญนี้ แต่ก็ไม่ประสบความสำเร็จอีกครั้ง[12] ในระหว่างการลงสมัครเพื่อแข่งขัน เพนซ์นำเงินบริจาคจากผู้สนับสนุนเพื่อชำระค่าจำนองบ้านของเขา รวมถึงบัตรเครดิตส่วนตัว และค่าธรรมเนียมเพื่อลงแข่งกอล์ฟและค่าใช้จ่ายทางรถยนต์ของภรรยา ในระหว่างการหาเสียงใน ค.ศ. 1990 เพนซ์ได้ลงโฆษณาทางโทรทัศน์เพื่อเสียดสีชาร์ป ซึ่งเนื้อหามีนักแสดงคนหนึ่งสวมชุดคลุมและผ้าโพกศีรษะ และพูดด้วยสำเนียงตะวันออกกลางที่หนักแน่น กล่าวขอบคุณชาร์ป คู่ต่อสู้ของเขาที่ไม่ทำอะไรเลยเพื่อให้สหรัฐเลิกนำเข้าน้ำมันในฐานะประธานของคณะอนุกรรมการสภาด้านพลังงานและพลังงาน ซึ่งได้รับการวิจารณ์อย่างหนัก จนในเวลาต่อมาเขาต้องกล่าวขอโทษชาร์ปผ่านงานเขียนส่วนตัวในชื่อ "Confessions of a Negative Campaigner" ไม่นานหลังเปิดตัวเพื่อลงชิงตำแหน่งใน ค.ศ. 1988 สถานีวิทยุ WRCR-FM ในรัชวิลล์ ได้ว่าจ้างเพนซ์ให้จัดรายการวิทยุประจำสัปดาห์ในชื่อ "Washington Update with Mike Pence" ในปี 1992 เพนซ์เริ่มจัดรายการทอล์คโชว์รายวันทาง WRCR, The Mike Pence Show นอกเหนือจากรายการวันเสาร์ทาง WNDE ในอินเดียแนโพลิส[13][14] เขากลายเป็นนักจัดรายการวิทยุและพิธีกรทอล์กโชว์ระหว่าง ค.ศ. 1994 ถึง ค.ศ. 1999[15] ตั้งแต่ปี 1995 เพนซ์ยังเป็นเจ้าภาพจัดรายการทีวีประชาสัมพันธ์สุดสัปดาห์ในชื่อ The Mike Pence Show ทางสถานีโทรทัศในอินเดียแนโพลิส[16] เพนซ์ยุติอาชีพทางรายการวิทยุเพื่อมุ่งเน้นไปที่การหาเสียงการรณรงค์หาเสียงเข้าสู่สภาคองเกรสในปี 2000 ซึ่งเขาได้รับชัยชนะในที่สุด สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (2001–2013)เพนซ์ลงสมัครรับตำแหน่งสภาผู้แทนราษฎรแห่งสหรัฐอเมริกาอีกครั้งใน ค.ศ. 2000 เขาได้รับที่นั่งในเขตรัฐสภาที่ 2 ของรัฐอินดีแอนา หลังจากที่เดวิด เอ็ม. แมคอินทอช ดำรงตำแหน่งเป็นเวลาหกปี เลือกลงสมัครรับตำแหน่งผู้ว่าการรัฐอินเดียนาแทน เขตที่ 2 (เปลี่ยนชื่อเป็นเขตที่ 6 ใน ค.ศ. 2000) ประกอบด้วยทั้งหมดหรือบางส่วนของ 19 มณฑลในรัฐอินดีแอนาตะวันออก ในฐานะสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรคนใหม่ เพนซ์นำสโลแกนที่เขาใช้ในวิทยุ โดยบรรยายคุณสมบัติตนเองว่าเป็น "คริสเตียน อนุรักษ์นิยม และรีพับลิกัน ตามลำดับ"[17] ในปี 2016 ประธานสภาผู้แทนราษฎร พอล ไรอัน อธิบายว่าเพนซ์เป็น "ผู้มีหลักการอนุรักษ์นิยม" ในช่วงแรก เพนซ์ต่อต้านร่างกฎหมาย No Child Left Behind Act ของประธานาธิบดีจอร์จ ดับเบิลยู. บุช[18] เพนซ์ชนะการเลือกตั้งอีกสี่ครั้งด้วยคะแนนขาดลอยใน ค.ศ. 2006, 2008 และ 2010 เอาชนะคู่แข่งจากเดโมแครตอย่างแบร์รี เวลล์[19] ตั้งแต่ ค.ศ. 2005 เพนซ์ดำรงตำแหน่งประธานคณะกรรมการการศึกษาของพรรครีพับลิกัน ซึ่งเป็นกลุ่มพรรครีพับลิกันในสภาอนุรักษ์นิยม[20] ในเดือนมกราคม ค.ศ. 2009 เพนซ์ได้รับเลือกให้เป็นประธานการประชุมของพรรครีพับลิกัน ซึ่งเป็นตำแหน่งผู้นำของพรรครีพับลิกันสูงสุดเป็นอันดับสามในขณะนั้น เป็นรองผู้นำเสียงข้างน้อยอย่าง จอห์น โบห์เนอร์ และเอริค คันทอร์ เขาเป็นตัวแทนคนแรกจากรัฐอินดีแอนาที่ดำรงตำแหน่งผู้นำสภาผู้แทนราษฎรนับตั้งแต่ปี 1981[21] ในช่วงสิบสองปีในการดำรงตำแหน่งของเพนซ์ในสภา เขาได้เสนอร่างกฎหมายกว่า 90 ฉบับแต่ไม่มีฉบับใดผ่านร่างกฎหมาย อ้างอิง
แหล่งข้อมูลอื่น
|