แคลวิน คูลิดจ์
จอห์น แคลวิน คูลิดจ์ จูเนียร์ (อังกฤษ: John Calvin Coolidge, Jr.; 4 กรกฎาคม พ.ศ. 2415 – 5 มกราคม พ.ศ. 2476) เป็นประธานาธิบดีคนที่ 30 ของประเทศสหรัฐอเมริกา (พ.ศ. 2472 - พ.ศ. 2476) มักมีผู้เรียกเขาว่า "คาลผู้เงียบขรึม" คูลิดจ์เป็นนักกฎหมายจากรัฐเวอร์มอนต์ ไต่เต้าสู่วงการเมืองด้วยการลงเล่นการเมืองในรัฐแมสซาชูเซตส์จนได้เป็นผู้ว่าการรัฐ และจากฝีมือในการจัดการกับกรณีตำรวจบอสตันสไตค์เมื่อ พ.ศ. 2462 ทำให้คูลิดจ์เป็นที่รู้จักเด่นชัดในระดับประเทศ หลังจากนั้น ในปี พ.ศ. 2463 คูลิดจ์ได้รับการเลือกตั้งเป็นรองประธานาธิดีคนที่ 29 และได้ขึ้นเป็นประธานาธิบดีแทนประธานาธิบดีวาร์เรน จี. ฮาร์ดิงซึ่งถึงอสัญกรรมในตำแหน่ง คูลิดจ์ได้รับการเลือกตั้งเป็นประธานาธิบดีโดยตรงเมื่อ พ.ศ. 2467 และได้รับการกล่าวว่าเป็นรัฐบาลอนุรักษนิยมขนาดเล็ก มีหลายอย่างที่แสดงให้เห็นว่าสไตล์การบริหารประเทศของคูลิดจ์ย้อนกลับไปสู่ยุคประธาธิบดีเฉื่อยของสหรัฐฯ ในยุคคริสต์ศตวรรษที่ 19 (พ.ศ. 2344-2403) [1] แต่คูลิดจ์ก็ได้กู้ความเชื่อมั่นของทำเนียบขาวจากเรื่องอื้อฉาวที่เกิดขึ้นในสมัยประธานาธิบดีฮาร์ดิง และหมดวาระประธานาธิบดีด้วยความนิยมค่อนข้างสูง[2] ดังที่นักเขียนชีวประวัติของคูลิดจ์ได้กล่าวว่า "คูลิดจ์ได้หลอมจิตวิญญาณและความหวังของคนชั้นกลาง สามารถแปลและเข้าใจถึงสิ่งที่คนกลุ่มนี้ไฝ่หาและแสดงออกมา เป็นตัวแทนของความอัจฉริยะของคนในระดับเฉลี่ยนั่นเองที่เป็นเครื่องพิสูจน์ให้เห็นพลังของคูลิดจ์" [3] มีหลายคนที่วิพากษ์วิจารณ์คูลิดจ์ในตอนหลังว่ามีส่วนทำให้เกิดการบริหารประเทศแบบมือใครยาวสาวได้สาวเอา (laissez-faire government) [4] จนทำให้เกิดเศรษฐกิจตกต่ำสุดขีด ชื่อเสียงในด้านนี้ได้เกิดซ้ำอีกในสมัยประธานาธิบดีเรแกน[5] แต่การประเมินการบริหารประเทศของคูลิดจ์ก็ยังแยกเป็นสองฝ่ายระหว่างผู้เห็นด้วยกับการปรับขนาดของคณะรัฐมนตรีให้เล็กลง กับ ฝ่ายที่เห็นว่ารัฐบาลกลางควรเข้าไปมีส่วนในการยับยั้งผลเสียที่กำลังแรงของระบบทุนนิยม[6] ครอบครัวและชีวิตเมื่อเยาว์วัยจอห์น แคลวิน คูลิดจ์ จูเนียร์ เกิดที่เมืองพลีมัธ วินเซอร์เคาน์ตี รัฐเวอร์มอนต์ และเป็นประธานาธิบดีคนเดียวของสหรัฐฯ ที่เกิดในวันชาติ คือวันที่ 4 กรกฎาคม เป็นบุตรชายตนโตของแคลวิน คูลิดจ์ ซีเนียร์ มีน้อง 1 คน ครอบครัวของคูลิดจ์ฝังรากลึกในนิวอิงแลนด์[7] บรรพบุรุษของคูลิดจ์ได้อพยพมาอยู่ที่เมืองเคมบริดจ์ แมสซาชูเซตส์ประมาณ พ.ศ. 2173 ซึ่งตรงกับสมัยพระเจ้าปราสาททอง สมัยอยุธยา ปู่ทวดของคูลิดจ์เป็นทหารในสงครามปฏิวัติอเมริกันและต่อมาได้เป็น "ผู้ถูกเลือก" (En: selectmen - 3-5 คนที่ถูกเลือกมาเป็นผู้บริหารเมืองในยุคแรกๆ ของการตั้งถิ่นฐานในนิวอิงแลนด์) บริหารเมืองพลีมัธ[8] บรรพบุรุษส่วนใหญ่ของคูลิดจ์เป็นชาวไร่ แต่มีบรรพบุรุษหลายคนที่ได้เป็นวุฒิสมาชิกและตำแหน่งสำคัญอื่นๆ ปู่ของคูลิดจ์ได้เป็นผู้บริหารเมืองเล็กๆ ในพลีมัธและได้ชื่อว่าเป็นนักเล่านิทานตลกตัวยง ย่าของคูลิดจ์อ้างว่ามีเชื้อสายของอินเดียนแดงด้วย บิดาของคูลิดจ์เป็นชาวไร่และครูและมีชีวิตยืนยาวได้เห็นลูกชายได้เป็นประธานาธิบดี ส่วนแม่เสียชีวิตด้วยวัณโรคตั้งแต่ พ.ศ. 2427 เมื่อคูลิดจ์อายุ 12 ปี[9] การศึกษาแคลวิน คูลิดจ์จบการศึกษาจากวิทยาลัยแอมเฮิร์สต์ รัฐแมสซาชูเซตส์ซึ่งอยู่ใกล้พลีมัธ และเลิกใช้ชื่อ "จอห์น" เมื่อเรียนจบ ขณะเรียนคูลิดจ์ได้เข้าเป็นสมาชิกพรรครีพับลิกันและเภทนักศึกษาในปี พ.ศ. 2435 คูลิดจ์ยอมรับนับถืออาจารย์ผู้สอนวิชาปรัชญาและจริยศาสตร์คนหนึ่งว่าเป็นผู้มีอิทธิพลอย่างมากต่อคูลิดจ์ ในปี พ.ศ. 2428 คูลิดจ์จบการศึกษาด้วยเกียรตินิยมคัมราวด์ ได้รับเลือกให้เป็นผู้แต่งและอ่านสุนทรพจน์ที่ขำขันซึ่งเป็นประเพณีดั้งเดิมของมหาวิทยาลัยในวันรับปริญญา ชีวิตช่วงแรกและการแต่งงานหลังจบการศึกษา คูลิดจ์ได้เข้าฝึกงานเป็นนักกฎหมาย เพื่อหลีกเลี่ยงการเสียค่าใช้จ่ายที่สูงมากในการเรียนกฎหมายในสมัยนั้น คูลิดจ์เลือกวิธีที่แพร่หลายในขณะนั้นด้วยการผ่านการฝึกในสำนักงานกฎหมาย ในปี พ.ศ. 2440 คูลิดจ์สอบผ่านเนติบัณฑิต และเปิดสำนักงานกฎหมายของตนเองในปีถัดมา กล่าวกันว่า คูลิดจ์ให้บริการทางกฎหมายแก่ลูกความอย่างดีที่สุด คือด้วยการทำให้ไม่ต้องขึ้นศาล ด้วยชื่อเสียงที่ดี คูลิดจ์มีลูกความมากขึ้นรวมทั้งธนาคารต่างๆ การแต่งงานและชีวิตครอบครัวคูลิดจ์พบนางสาวเกรซ แอนนา กูดฮิว ครูโรงเรียนชาวเวอร์มอนต์ด้วยกับ เมื่อ พ.ศ. 2448 เธอมีนิสัยตรงข้ามกับคูลิดจ์ คือชอบพูดและชอบสนุก ในขณะที่คูลิดจ์เป็นคนเงียบขรึม ทั้งสองแต่งงานกันมีลูก 2 คน และมีชีวิตสมรสที่มีความสุข ซึ่งคูลิดจ์เขียนไว้ในหนังสือชีวประวัติของตนเองไว้ว่าทั้งสอง "เกิดมาเพื่อเติมเต็มให้กันและกัน" ชีวิตการเมืองยุคแรกในสมัยของคูลิดจ์ พรรครีพับลิกันครองเสียงส่วนใหญ่ของนิวอิงแลนด์ คูลิดจ์ได้เข้ามีส่วนร่วมในการเมืองท้องถิ่น ในปี พ.ศ. 2439 คูลิดจ์ช่วยหาเสียงให้ผู้สมัครประธานาธิบดี คือ วิลเลียม แมกคินลีย์ ปีต่อมาคูลิดจ์ได้รับเลือกให้เป็นกรรมการพรรครีพับลิกันท้องถิ่น และได้ชนะการเลือกตั้งเป็นกรรมการเมืองใน ปี พ.ศ. 2431 ทำงานโดยไม่ได้เงินเดือน แต่ได้ประสบการณ์มาก คูลิดจ์ได้ไต่บันไดการเมืองขึ้นไปเรื่อยๆ โดยได้รับเลือกให้ดำรงตำแหน่งองค์กรการเมืองต่างๆ หลายแห่งในท้องถิ่น สมาชิกสภานิติบัญญัติของรัฐและนายกเทศมนตรีอ้างอิง
ดูเพิ่ม
|