ถนนพระรามที่ 2
ถนนพระรามที่ 2 (อักษรโรมัน: Thanon Rama II) หรือ ทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 35 สายดาวคะนอง–วังมะนาว เป็นถนนที่ตัดผ่านกรุงเทพมหานคร จังหวัดสมุทรสาคร จังหวัดสมุทรสงคราม และจังหวัดราชบุรี เป็นเส้นทางหลักที่มุ่งสู่ภาคใต้ของประเทศไทย มีระยะทางรวม 84.041 กิโลเมตร รายละเอียดของเส้นทางถนนพระรามที่ 2 แยกจากถนนสุขสวัสดิ์ (ทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 303) ในพื้นที่เขตจอมทอง และตัดผ่านพื้นที่เขตบางขุนเทียน กรุงเทพมหานคร ผ่านพื้นที่อำเภอเมืองสมุทรสาคร จังหวัดสมุทรสาคร อำเภอเมืองสมุทรสงครามและอำเภออัมพวา จังหวัดสมุทรสงคราม แล้วสิ้นสุดที่ถนนเพชรเกษม (ทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 4) บริเวณทางแยกต่างระดับวังมะนาว อำเภอปากท่อ จังหวัดราชบุรี เส้นทางถนนอยู่ในความรับผิดชอบของสำนักงานทางหลวงที่ 13 กรุงเทพ และสำนักงานทางหลวงที่ 15 ประจวบคีรีขันธ์ กรมทางหลวง ส่วนถนนพระรามอื่น ๆ เช่น พระรามที่ 1, 3, 4, 5, 6 และถนนพระราม 9 อยู่ในความรับผิดชอบของกรุงเทพมหานคร ประวัติ
การก่อสร้างถนนพระรามที่ 2 ก่อสร้างในสมัยรัฐบาลจอมพล ถนอม กิตติขจร ตั้งแต่ พ.ศ. 2513 แล้วเสร็จและเปิดใช้อย่างเป็นทางการในวันที่ 1 เมษายน พ.ศ. 2516 ซึ่งเป็นเส้นทางหลักมุ่งสู่ภาคใต้ ช่วยย่นระยะทางสั้นกว่าถนนเพชรเกษมประมาณ 40 กิโลเมตร จึงทำให้ประชาชนใช้เส้นทางนี้แทนถนนเพชรเกษม เป็นต้นมา ในช่วงระยะแรกเป็นทางหลวงแผ่นดินขนาด 2 ช่องจราจรสวนทาง ต่อมาเมื่อมีผู้สัญจรไปมาบนถนนสายนี้เป็นจำนวนมาก จนเกิดอุบัติเหตุบ่อยครั้ง อีกทั้งสภาพพื้นที่ที่เป็นบริเวณดินอ่อนตลอดสายทาง ผ่านท้องทุ่งนาเกลือ สวนมะพร้าว จึงเป็นสาเหตุทำให้คันทางมีการทรุดตัว ดินอ่อนสูง มีน้ำท่วมเป็นช่วง ๆ ผิวจราจรเกิดความเสียหาย ผู้ใช้เส้นทางได้รับความเดือดร้อนมาก จึงได้มีโครงการก่อสร้างครั้งที่ 2 เมื่อปี พ.ศ. 2532 โดยขยายช่องจราจรจาก 2 ช่องจราจรเป็น 4 ช่องจราจร พร้อมทางแยกต่างระดับ 4 แห่ง ได้แก่ บางขุนเทียน สมุทรสาคร สมุทรสงคราม และวังมะนาว แล้วเสร็จในปี พ.ศ. 2537 ต่อมาเมื่อปี พ.ศ. 2539 มีการขยายถนนช่วงสามแยกบางปะแก้วถึงทางแยกต่างระดับบางขุนเทียน เป็น 14 ช่องจราจร แบ่งออกเป็นช่องทางหลัก 8 ช่องจราจร และช่องทางขนานข้างละ 3 ช่องจราจร แล้วเสร็จเมื่อปี พ.ศ. 2543 ในปี พ.ศ. 2544 ได้มีการขยายช่องจราจรจาก 4 ช่องจราจรเป็น 8 ช่องจราจร และ 10 ช่องจราจรตามลำดับ ระหว่างทางแยกต่างระดับบางขุนเทียน–นิคมอุตสาหกรรมสมุทรสาคร (กม.10+000–กม.34+000) ความยาวรวมประมาณ 24 กิโลเมตร เพื่อรองรับการจราจรที่เพิ่มขึ้น จากการขยายการก่อสร้างถนนพระรามที่ 2 ช่วงดาวคะนอง และถนนกาญจนาภิเษก จากบางบัวทอง–บางขุนเทียน ตอน 1, 2 และ 3 ให้สอดคล้องต่อเนื่องกันตลอดสาย โดยดำเนินการก่อสร้างส่วนที่สำคัญเฉพาะทางคู่ขนานด้านขาเข้าและขาออกข้างละ 2–3 ช่องจราจร เพื่อประหยัดงบประมาณก่อสร้าง แล้วเสร็จเมื่อปี พ.ศ. 2546 ปัจจุบันเพื่อเป็นการรองรับปริมาณการจราจรที่เพิ่มมากขึ้น ซึ่งถนนพระรามที่ 2 เป็นเส้นทางคมนาคมสายหลักไปสู่ภาคใต้ โดยเฉพาะช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์และวันหยุดเทศกาลกรมทางหลวงจึงทำการก่อสร้างโครงการส่วนต่อขยายจนถึงทางแยกต่างระดับวังมะนาว (กม.34+000-กม.84+041) โดยขยายช่องจราจรจากเดิม 4 ช่องจราจรเป็น 6–8 ช่องจราจร โดยเริ่มก่อสร้างตั้งแต่ปี พ.ศ. 2549 ก่อสร้างแล้วเสร็จเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ. 2552 มีโครงการการขยายถนนพระรามที่ 2 ระหว่างแยกต่างระดับบางขุนเทียน-แยกต่างระดับเอกชัย (กม.9+747 - กม.21+431) จาก 10 ช่องจราจร เป็น 14 ช่องจราจร โดยเริ่มก่อสร้างตั้งแต่ปี พ.ศ. 2561 ก่อสร้างจะแล้วเสร็จเมื่อปี พ.ศ. 2563 รวมทั้งก่อสร้างทางยกระดับบนทางหลวงหมายเลข 35 ระยะที่ 1 ช่วงบางขุนเทียน–เอกชัย ระยะทาง 8.3 กิโลเมตร ต่อเนื่องจากโครงการทางพิเศษสายพระราม 3–ดาวคะนอง–วงแหวนรอบนอกตะวันตก ขนานไปกับถนนพระรามที่ 2 ถึงทางแยกต่างวังมะนาว มีโครงการการขยายถนนพระรามที่ 2 ระหว่างนิคมอุตสาหกรรมสมุทรสาคร ถึงแยกต่างระดับบ้านแพ้ว (กม.34+000 - กม.39+500) จาก 8 ช่องจราจร เป็น 12 ช่องจราจร โดยเริ่มก่อสร้างตั้งแต่ปี พ.ศ. 2562 ก่อสร้างจะแล้วเสร็จเมื่อปี พ.ศ. 2564 รวมทั้งก่อสร้างทางยกระดับบนทางหลวงหมายเลข 35 ระยะที่ 2 ช่วงเอกชัย–บ้านแพ้ว ระยะทาง 16.6 กิโลเมตร มีโครงการการขยายถนนพระรามที่ 2 ช่วงที่ 1 ระหว่างแยกต่างระดับบ้านแพ้ว ถึงหน้าบริษัท ไทยยูเนี่ยน ฟีดมิลล์ จำกัด (มหาชน) (กม.38+500 - กม.44+300) จาก 8 ช่องจราจร เป็น 12 ช่องจราจร โดยเริ่มก่อสร้างตั้งแต่ปี พ.ศ. 2562 ก่อสร้างจะแล้วเสร็จเมื่อปี พ.ศ. 2565 ช่วงที่ 2 ระหว่างหน่วยบริการตำรวจทางหลวง สมุทรสงคราม ถึงตรงข้ามสถานีไฟฟ้าแรงสูง สมุทรสงคราม (กม.53+600 - กม.55+900) จาก 8 ช่องจราจร เป็น 12 ช่องจราจร โดยเริ่มก่อสร้างตั้งแต่ปี พ.ศ. 2564 ก่อสร้างจะแล้วเสร็จเมื่อปี พ.ศ. 2565 ช่วงที่ 3 ระหว่างตรงข้ามสถานีไฟฟ้าแรงสูง สมุทรสงคราม ถึงแยกต่างระดับสมุทรสงคราม (กม.55+900 - กม.61+600) จาก 8 ช่องจราจร เป็น 12 ช่องจราจร โดยเริ่มก่อสร้างตั้งแต่ปี พ.ศ. 2560 ก่อสร้างจะแล้วเสร็จเมื่อปี พ.ศ. 2562 ช่วงที่ 4 หน้าโชว์รูมโตโยต้า สมุทรสงคราม ถึงสะพานพระพุทธเลิศหล้านภาลัย (กม.64+700 - กม.65+200) จาก 8 ช่องจราจร เป็น 12 ช่องจราจร โดยเริ่มก่อสร้างตั้งแต่ปี พ.ศ. 2556 ก่อสร้างจะแล้วเสร็จเมื่อปี พ.ศ. 2558 และโครงการในอนาคตทางยกระดับบนทางหลวงหมายเลข 35 ระยะที่ 3 ช่วงบ้านแพ้ว–สมุทรสงคราม ระยะทาง 24.8 กิโลเมตร และระยะที่ 4 ช่วงสมุทรสงคราม-ทางแยกต่างระดับวังมะนาว ระยะทาง 22.2 กิโลเมตร การเปลี่ยนประเภททางหลวงในอดีตถนนพระรามที่ 2 ได้ถูกกำหนดประเภทของทางหลวงให้เป็นทางหลวงพิเศษ เมื่อวันที่ 26 ธันวาคม พ.ศ. 2518[1] ซึ่งความแตกต่างระหว่างทางหลวงพิเศษกับทางหลวงแผ่นดินสามารถสังเกตได้ชัดเจนจากป้ายเลขทางหลวง โดยทางหลวงแผ่นดิน พื้นป้ายจะเป็นสีขาว ตัวหนังสือ หมายเลข และตราครุฑจะเป็นสีดำ และทางหลวงพิเศษ (ที่ไม่ได้มีการเก็บค่าผ่านทาง) พื้นป้ายจะเป็นสีเขียว ตัวหนังสือ หมายเลข และตราครุฑจะเป็นสีขาว ซึ่งลักษณะป้ายเหล่านี้จะรวมไปถึงป้ายบอกชื่อแม่น้ำลำคลอง ป้ายบอกเขต ป้ายแบ่งเขตปกครอง และป้ายบอกชื่อหมู่บ้าน[2] ถนนพระรามที่ 2 คงสถานะการเป็นทางหลวงพิเศษจนกระทั่งในวันที่ 31 ตุลาคม พ.ศ. 2556 ได้มีการเปลี่ยนประเภททางหลวง ซึ่งมีใจความสำคัญว่า ถนนพระรามที่ 2 มิได้มีการควบคุมให้มีการเข้าออกได้เฉพาะโดยทางเสริม หมายความว่าสภาพเส้นทางบางส่วนของถนนพระรามที่ 2 ไม่ได้เป็นไปตามลักษณะของทางหลวงพิเศษ จึงทำให้มีการเปลี่ยนประเภทและกำหนดให้ทางหลวงพิเศษหมายเลข 35 สายธนบุรี–ปากท่อ เป็นทางหลวงแผ่นดิน[3] ซึ่งในอดีตจะเห็นป้ายทางหลวงพิเศษหมายเลข 35 เป็นพื้นหลังสีเขียวอยู่ตามป้ายบอกทาง แต่ในปัจจุบันป้ายเหล่านี้ถูกเปลี่ยนให้เป็นป้ายพื้นหลังสีขาว แต่ก็ยังมีบางป้ายที่ยังคงเป็นป้ายพื้นหลังสีเขียวเดิมอยู่ในบางจุด[4][5] ซึ่งความหมายของทางหลวงพิเศษ คือ ทางหลวงที่จัดหรือทำไว้เพื่อให้การจราจรผ่านได้ตลอดรวดเร็วเป็นพิเศษ ตามที่รัฐมนตรีประกาศกำหนด และได้ลงทะเบียนไว้เป็นทางหลวงพิเศษ โดยกรมทางหลวงเป็นผู้ดำเนินการก่อสร้าง ขยาย บูรณะและบำรุงรักษา รวมทั้งควบคุมให้มีการเข้าออกได้เฉพาะ โดยทางเสริมที่เป็นส่วนหนึ่งของทางหลวงพิเศษตามที่กรมทางหลวงจัดทำขึ้นไว้เท่านั้น[6] สะพานสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัยสะพานสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย เป็นสะพานข้ามแม่น้ำแม่กลอง ในพื้นที่จังหวัดสมุทรสงคราม ซึ่งสะพานแห่งนี้เป็นที่มาของชื่อถนนพระรามที่ 2 ในปัจจุบัน เพราะพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย ทรงพระราชสมภพที่อำเภออัมพวา จังหวัดสมุทรสงคราม[7] สะพานดังกล่าวได้อัญเชิญพระปรมาภิไธยของพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย มาเป็นนามของสะพานว่า "สะพานสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย" คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบให้ขอพระบรมราชานุญาตตั้งชื่อถนนสายนี้ว่า "ถนนพระรามที่ 2" ภายหลังจากกรมทางหลวงได้สร้างถนนสายธนบุรี–ปากท่อเสร็จเรียบร้อยแล้ว รายชื่อทางแยก
สถานที่สำคัญ
อ้างอิง
แหล่งข้อมูลอื่น
|