เศรษฐกิจญี่ปุ่น |
---|
| สกุลเงิน | เยนญี่ปุ่น (JPY, ¥) |
---|
ปีงบประมาณ | 1 เมษายน – 31 มีนาคม |
---|
ภาคีการค้า | APEC, WTO, CPTPP, RCEP, OECD, G-20, G7 และอื่น ๆ |
---|
สถิติ |
---|
จีดีพี |
|
---|
จีดีพีเติบโต |
- 1.1% (2022)[2]
- 1.3% (2023f)[2]
- 1.0% (2024f)[2]
|
---|
จีดีพีต่อหัว |
- $35,400 (ราคาตลาด; ประมาณการ 2023)[1]
- $51,800 (อำนาจซื้อ; ประมาณการ 2023)[1]
|
---|
ภาคจีดีพี |
|
---|
จีดีพีแบ่งตามส่วนประกอบ |
- ภาคครัวเรือน: 55.5%
- ค่าใช้จ่ายภาครัฐ: 19.6%
- การลงทุนในทุนถาวร: 24%
- การลงทุนในสินค้าคงคลัง: 0%
- การส่งออกสินค้าและบริการ: 17.7%
- การนำเข้าสินค้าและบริการ: −16.8%
- (ประมาณการ 2017)[3]
|
---|
เงินเฟ้อ (CPI) | 3.1% |
---|
ประชากรยากจน |
- 0.7% ได้เงินต่ำกว่า $1.90/วัน (2013)[4]
- 0.9% ได้เงินต่ำกว่า $3.20/วัน(2013)[5]
- 1.2% ได้เงินต่ำกว่า $5.50/วัน(2013)[6]
|
---|
จีนี | 33.9 medium (2015)[7] |
---|
แรงงาน |
- 69.1 ล้านคน (พฤษภาคม 2023)[8]
- 61.2% ของประชากร (พฤษภาคม 2023)[9]
|
---|
ภาคแรงงาน |
|
---|
ว่างงาน |
- 2.6% (2023)[8]
- 3.7% การว่างงานของเยาวชน (15 ถึง 24 ปี; พฤษภาคม 2023)[8]
- 1.8 ล้านคน ว่างงาน (พฤษภาคม 2023)[8]
|
---|
อุตสาหกรรมหลัก | |
---|
การค้า |
---|
มูลค่าส่งออก | $921.21 พันล้าน (2022)[11] |
---|
สินค้าส่งออก |
- อุปกรณ์ขนส่ง 21.0%
- เครื่องจักร 19.9%
- เครื่องจักรไฟฟ้า 18.7%
- เคมีภัณฑ์ 12.4%
- สินค้าอุตสาหกรรม 10.4%
- วัตถุดิบ 1.7%
- อาหาร 1.3%
- เชื้อเพลิงซากดึกดำบรรพ์ 0.8%
- อื่นๆ: 13.8%[12]
|
---|
ประเทศส่งออกหลัก | |
---|
มูลค่านำเข้า | $905.09 พันล้าน (2022)[11] |
---|
สินค้านำเข้า |
- เครื่องจักรไฟฟ้า 17.6%
- เชื้อเพลิงแร่ 16.6%
- เครื่องจักร 10.5%
- อาหาร 9.9%
- เคมีภัณฑ์ 9.9%
- สินค้าอุตสาหกรรม 9.3%
- วัตถุดิบ 6.9%
- อุปกรณ์ขนส่ง 5.0%
- อื่นๆ: 14.4%[12]
|
---|
ประเทศนำเข้าหลัก | |
---|
FDI |
- ภายใน: $25 พันล้าน (2021)[13]
- ภายนอก: $147 พันล้าน (2021)[13]
|
---|
หนี้ต่างประเทศ | $4.54 ล้านล้านเหรียญ (มีนาคม 2023)[14] (ร้อยละ 103.2 ของจีดีพี) |
---|
การคลังรัฐบาล |
---|
หนี้สาธารณะ |
- ¥1.457 พันล้านล้าน
- 263.9% of GDP (2022)[15]
|
---|
รายรับ | ¥196,214 พันล้าน[15] 35.5% of GDP (2022)[15] |
---|
รายจ่าย | ¥239,694 พันล้าน[15] 43.4% of GDP (2022)[15] |
---|
ความช่วยเหลือทางเศรษฐกิจ | ผู้บริจาค: ODA, $10.37 พันล้าน (2016)[16] |
---|
อันดับความเชื่อมั่น |
- Scope:[19]
- A
- Outlook: Negative
|
---|
ทุนสำรอง | $1.2 ล้านล้าน (2023)[20] |
---|
แหล่งข้อมูลหลัก: CIA World Fact Book หน่วยทั้งหมด หากไม่ระบุ ถือว่าเป็นดอลลาร์สหรัฐ |
เศรษฐกิจของประเทศญี่ปุ่น ปัจจุบันเป็นประเทศที่มีขนาดเศรษฐกิจใหญ่เป็นอันดับ 3 ของโลก[21][22] รองจาก สหรัฐอเมริกา และ ประเทศจีน ถือว่าใหญ่เป็นอันดับ 2 ในกลุ่มประเทศพัฒนาแล้ว[23] ก่อนสงครามโลกครั้งที่ 2 ในรัชสมัยโชวะ จักรวรรดิญี่ปุ่นมีขนาดเศรษฐกิจใหญ่เป็นอันดับ 9 ของโลก แม้ว่าจะพ่ายแพ้สงครามแต่ญี่ปุ่นก็สามารถไต่เต้าขึ้นมามีขนาดเศรษฐกิจขนาดใหญ่เป็นอันดับ 3 ของโลกรองจากสหรัฐอเมริกาและสหภาพโซเวียต และครองตำแหน่งนี้ยาวนานกว่าสองทศวรรษจนกระทั่งสหภาพโซเวียตล่มสลายในปี 1990 ญี่ปุ่นก็กลายเป็นชาติเศรษฐกิจอันดับสองของโลกจนถึงปี 2009 จากข้อมูลของกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) อำนาจซื้อต่อหัวของญี่ปุ่นในเวทีโลก อยู่ที่ 35,855 ดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งสูงเป็นอันดับ 22 ของโลก[24] การคาดการณ์เศรษฐกิจญี่ปุ่น มีการสำรวจเป็นรายไตรมาสที่เรียกว่า ทังกัง จัดทำโดยธนาคารแห่งประเทศญี่ปุ่น[25]
ปัจจุบัน ญี่ปุ่นเป็นประเทศที่ผลิตยานยนต์ได้มากเป็นอันดับ 3 ของโลก[26] นอกจากนี้ ยังมีอุตสาหรรมเครื่องใช้ไฟฟ้าที่ใหญ่ที่สุดของโลก ที่มักจะมีการจัดอันดับในบรรดาหมู่ประเทศนวัตกรรมชั้นนำ[27] ซึ่งในระยะหลังมานี้ญี่ปุ่นต้องเผชิญการแข่งขันกับ จีน และ เกาหลีใต้[28] ที่เริ่มช่วงชิงส่วนแบ่งในตลาดเครื่องใช้ไฟฟ้า ทั้งนี้ อุตสาหกรรมการผลิตในประเทศญี่ปุ่นในปัจจุบัน ได้ใช้เทคโนโลยีชั้นสูงในการผลิตเป็นหลัก ซึ่งใช้แรงงานคนน้อย และมีความแม่นยำมากกว่า จำพวก ยานยนต์ไฮบริด และหุ่นยนต์อัตโนมัติต่าง ๆ ซึ่งพบได้ทั่วไปในโรงงานในภูมิภาคคันโต[29][30][31][32] ทั้งนี้ภูมิภาคคันไซก็เป็นหนึ่งในพื้นที่อุตสาหกรรมชั้นนำและศูนย์การผลิตสำหรับเศรษฐกิจญี่ปุ่น [33]
ทิศทางเศรษฐกิจมหภาค
แผนภูมินี้แสดงให้เห็นถึงทิศทางของจีดีพีของญี่ปุ่นตามตัวเงิน ประมาณการโดย กองทุนการเงินระหว่างประเทศ ในหน่วยล้านเยน[34] ดูเพิ่ม [35][36]
ค.ศ. |
จีดีพี |
เยน / 1 ดอลลาร์ |
ดัชนีเงินเฟ้อ (ฐาน ณ ปี 2000) |
จีดีพี (ตัวเงิน) ต่อหัว ในหน่วย % ของชาวอเมริกัน |
จีดีพี (อำนาจซื้อ) ต่อหัว ในหน่วย % ของชาวอเมริกัน
|
1955 |
8,369,500 |
¥360.00 |
|
10.31 |
–
|
1960 |
16,009,700 |
¥360.00 |
|
16.22 |
–
|
1965 |
32,866,000 |
¥360.00 |
|
24.95 |
–
|
1970 |
73,344,900 |
¥360.00 |
|
38.56 |
–
|
1975 |
148,327,100 |
¥297.26 |
|
59.00 |
–
|
1980 |
240,707,315 |
¥225.82 |
100 |
105.85 |
71.87
|
2005 |
502,905,400 |
¥110.01 |
97 |
85.04 |
71.03
|
2010 |
477,327,134 |
¥88.54 |
98 |
89.8 |
71.49
|
จากข้อมูลดัชนีเงินเฟ้อข้างต้น แสดงให้เห็นว่า ญี่ปุ่นได้เผชิญกับสภาวะปราศจากเงินเฟ้อในช่วงทศวรรษ 1980-2000 ที่สินค้าและบริการต่าง ๆ ในประเทศไม่มีการเปลี่ยนแปลงราคาตลอด 2 ทศวรรษ มิหนำซ้ำ ภายหลังปี 2000 ยังต้องเผชิญกับภาวะเงินฝืด ที่ราคาสินค้าและบริการภายในประเทศมีทิศทางถูกลงแม้จะเพียงเล็กน้อย เหล่านี้เป็นสาเหตุหนึ่ง ที่ชาวญี่ปุ่นตลอดจนบริษัทต่าง ๆ ไม่นิยมนำเงินฝากธนาคารภายในประเทศเพื่อเป็นการลงทุน เนื่องจากไม่มีการจ่ายดอกเบี้ย หรือจ่ายในอัตราที่ต่ำมากจนแทบจะเป็นร้อยละศูนย์
สำหรับการเปรียบเทียบอำนาจซื้อ อัตราแลกเปลี่ยน 1 ดอลลาร์ อยู่ที่ 109 เยนในปี 2010[37]
อุตสาหกรรม
มูลค่าจีดีพีในปี 2012 แบ่างตามภาคอุตสาหกรรม [38] มูลค่าถูกแปลงเป็นหน่วยสกุลเงินบาท ตามอัตราแลกเปลี่ยน ณ วันที่ 12 เมษายน 2013.[39]
การเงิน
ตลาดหลักทรัพย์
ตลาดหลักทรัพย์โตเกียว ปัจจุบันเป็นตลาดหลักทรัพย์ที่ใหญ่เป็นอันดับ 2 สองโลก ตามราคาตลาด ทำให้ตลาดหลักทรัพย์โตเกียว เป็นตลาดหลักทรัพย์ที่ใหญ่ที่สุดในเอเชีย โดยในเดือนพฤษภาคม ค.ศ. 2014 ตลาดประกอบด้วยบริษัทจดทะเบียนกว่า 3,425 บริษัท[40] ซึ่งตลาดหลักทรัพย์โตเกียว มีดัชนีตลาดที่สำคัญอยู่ 2 ดัชนี คือ Nikkei 225 และ TOPIX[41][42] นอกจากตลาดหลักทรัพย์โตเกียวแล้ว ประเทศญี่ปุ่นยังมีตลาดหลักทรัพย์ขนาดใหญ่อีกหนึ่งแห่ง คือ ตลาดหลักทรัพย์โอซากะ ซึ่งในเดือนมกราคม ค.ศ. 2013 มีการรวมกลุ่มของตลาดหลักทรัพย์ทั้งสอง เป็น กลุ่มตลาดหลักทรัพย์ญี่ปุ่น (Japan Exchange Group) นอกเหนือไปจากนี้ ตลาดหลักทรัพย์อื่น ๆ ของญี่ปุ่น ได้แก่ ตลาดหลักทรัพย์นาโงยะ, ฟูกูโอกะ และ ซัปโปโระ[43][44]
ตลาดแรงงาน
ญี่ปุ่นเป็นหนึ่งในประเทศที่มีอัตราว่างงานอยู่ที่ระดับต่ำ อัตราว่างงานในญี่ปุ่น ณ สิ้นปี 2013 อยู่ที่ 3.7% ลดลงจากปี 2009 ที่เคยอยู่ที่ 5.2% อันเนื่องมาจากนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจและฟื้นฟูอุตสาหกรรมในประเทศ [45][46][47] ในตัวเลขนี้ แม้แต่บุคคลที่ทำอาชีพเสริม(พาร์ทไทม์)ที่มีชั่วโมงการทำงานต่ำ ก็ไม่ถูกนับว่าเป็นบุคคลว่างงาน
ในปี 2008 แรงงานของญี่ปุ่นมีจำนวน 66 ล้านคน ในจำนวนนี้ 40% เป็นผู้หญิง ตลาดแรงงานของญี่ปุ่นกำลังอยู่ในภาวะหดตัวลงอย่างเรื่อย ๆ เป็นผลมาจากแรงงานส่วนใหญ่เริ่มมีอายุสูงขึ้นสู่วัยเกษียณ ในขณะที่แรงงานรุ่นใหม่ที่เข้ามาทดแทนก็ไม่เพียงพอ ปัญหาที่สำคัญนี้มีจุดเริ่มต้นมาจากอัตราการเกิดที่อยู่ในระดับต่ำมาก แม้ว่ารัฐบาลจะมีนโยบายอุดหนุนสวัสดิการแก่เด็กเกิดใหม่มากมาย แต่ไม่ได้ช่วยทำให้อัตราเกิดเพิ่มขึ้นตามเป้าแต่อย่างใด ที่ผ่านมารัฐบาลญี่ปุ่นได้มีนโยบายใหม่ คือลดเงื่อนไขในการขอสัญชาติญี่ปุ่นแก่พลเมืองต่างประเทศ แต่นโยบายนี้ก็ยังไม่เป็นที่นิยมมากนัก
เศรษฐกิจ
โครงสร้าง
หลังสงครามโลกครั้งที่สอง ญี่ปุ่นได้รับความบอบช้ำจากสงครามเป็นอย่างมาก แต่ก็สามารถฟื้นตัวได้อย่างรวดเร็วเพราะปัจจัยหลายอย่างเช่นการทำงานที่ดีของรัฐบาล แรงงานที่ถูกและมีคุณภาพ อัตราการออมและการลงทุนที่สูง[48] ในช่วงระหว่าง พ.ศ. 2500-2520 เป็นช่วงที่เศรษฐกิจญี่ปุ่นเติบโตอย่างมาก อัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจที่แท้จริงในช่วงพุทธทศวรรษที่ 2500, 2510 และ 2520 เฉลี่ยร้อยละ 10, 5 และ 4 ตามลำดับ[49] โดยได้รับการช่วยเหลือทางเศรษฐกิจจากสหรัฐอเมริกา ตั้งแต่ช่วงต้นพุทธทศวรรษที่ 2510 ญี่ปุ่นประสบปัญหาค่าเงินเยนแข็งตัวจนทำให้บริษัทจำนวนมากย้ายฐานการผลิตออกไปนอกประเทศ หลังจากเกิดฟองสบู่แตกต้นพุทธทศวรรษที่ 2530 เศรษฐกิจก็เริ่มชะลอตัว และส่งผลต่อเนื่องตลอดพุทธทศวรรษที่ 2530 รัฐบาลพยายามกระตุ้นเศรษฐกิจด้วยวิธีต่าง ๆ แต่ไม่ประสบผลสำเร็จ และยังถูกซ้ำเติมจากผลกระทบของเศรษฐกิจชะลอตัวในปี พ.ศ. 2543 [50] สภาพเศรษฐกิจหลังจากปี พ.ศ. 2548 ดูเหมือนจะฟื้นตัวขึ้นจากตัวเลขการขยายตัวของจีดีพีที่สูงขึ้น แต่ญี่ปุ่นก็กลับประสบปัญหาอีกครั้งเมื่อเกิดวิกฤติทางการเงินที่ส่งผลกระทบไปทั่วโลก[51][52] แม้ว่าธุรกิจภาคการเงินของญี่ปุ่นได้รับผลกระทบน้อยมากเมื่อเทียบกับประเทศอื่น ๆ เพราะทศวรรษแห่งภาวะเศรษฐกิจซบเซาที่ทำให้ญี่ปุ่นระมัดระวังในการลงทุนมากขึ้น[53] แต่การที่ญี่ปุ่นพึ่งพาการส่งออกรถยนต์และสินค้าอิเล็กทรอนิกส์มากเกินไปก็ส่งผลกระทบรุนแรงต่อเศรษฐกิจ และทำให้เกิดปัญหาการว่างงานเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว[54]
ญี่ปุ่นมีเศรษฐกิจใหญ่เป็นอันดับที่ 3 ของโลก[55] รองจากสหรัฐอเมริกาและจีน เมื่อวัดด้วยจีดีพีก่อนปรับอัตราเงินเฟ้อ (ประมาณ 4.5 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ) [55] และอันดับที่ 4 รองจากจีน สหรัฐ และอินเดีย เมื่อวัดด้วยอำนาจการซื้อ[56] ญี่ปุ่นมีกำลังการผลิตที่สูง และเป็นประเทศต้นกำเนิดของผู้ผลิตชั้นนำที่ก้าวหน้าทางเทคโนโลยีในอุตสาหกรรมต่าง ๆ เช่น รถยนต์ อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ เครื่องจักร เหล็กกล้า โลหะนอกกลุ่มเหล็ก เรือ สารเคมี[57]
จากข้อมูลใน พ.ศ. 2548 แรงงานของประเทศญี่ปุ่นมีจำนวน 66.7 ล้านคน[58] ญี่ปุ่นมีอัตราว่างงานที่ต่ำคือประมาณร้อยละ 4[58] ค่าจีดีพีต่อชั่วโมงการทำงานอยู่ในอันดับที่ 20 ของโลกใน พ.ศ. 2548 และเป็นอันดับ 1 ของเอเชีย[59] บริษัทใหญ่ของญี่ปุ่นหลายแห่งมีชื่อเสียงไปทั่วโลก เช่นโตโยต้า โซนี่ เอ็นทีที โดโคโม แคนนอน ฮอนด้า ทาเคดา นินเทนโด นิปปอน สตีล และ เซเว่น อีเลฟเว่น ญี่ปุ่นเป็นต้นกำเนิดของธนาคารที่ใหญ่ที่สุดหลายแห่ง[60] ตลาดหลักทรัพย์โตเกียวซึ่งมักจะเป็นที่รู้จักเพราะดัชนีนิเคอิมีขนาดใหญ่เป็นอันดับ 2 ของโลกเมื่อวัดด้วยมูลค่าตลาด[61]
ญี่ปุ่นมีลักษณะเฉพาะในการทำธุรกิจหลายอย่าง เช่นเคเระสึหรือระบบเครือข่ายบริษัทจะมีอิทธิพลในเชิงธุรกิจ การจ้างงานตลอดชีวิตและการเลื่อนขั้นตามความอาวุโสจะพบเห็นได้ทั่วไป บริษัทที่มีความสัมพันธ์ทางธุรกิจจะถือหุ้นของกันและกัน[62] ผู้ถือหุ้นมักจะไม่มีบทบาทกับการบริหารของบริษัท[63] แต่ในปัจจุบันญี่ปุ่นเริ่มมีการเปลี่ยนแปลงออกจากระบบเก่า ๆ เหล่านี้[64][63]
ใน พ.ศ. 2548 พื้นที่ที่ใช้ในการเกษตรกรรมมีเพียงร้อยละ 12.6[65] และมีประชากรที่ประกอบการเกษตรเพียงร้อยละ 6.6[66]เท่านั้น ผลผลิตทางการเกษตรที่ผลิตได้มากเมื่อเทียบกับประเทศอื่น ๆ ได้แก่ ไหม กะหล่ำปลี ข้าว มัน และชา เป็นต้น อย่างไรก็ตาม ญี่ปุ่นต้องพึ่งพาการนำเข้าอาหารถึงร้อยละ 60 จึงเป็นประเทศที่มีอัตราการเลี้ยงตนเองค่อนข้างต่ำ[67][68] ในระยะหลังกระแสความกังวลเรื่องความปลอดภัยของอาหารทำให้ผลิตภัณฑ์ที่ผลิตในประเทศเป็นที่ต้องการมากขึ้น
ญี่ปุ่นอยู่ในอันดับที่ 29 จาก 190 ประเทศในดัชนีความง่ายในการทำธุรกิจปี 2562[69] ญี่ปุ่นมีภาคส่วนสหกรณ์ขนาดใหญ่ รวมถึงสหกรณ์ผู้บริโภคที่ใหญ่ที่สุดและสหกรณ์การเกษตรที่ใหญ่ที่สุดในโลก ณ ปี 2561 ญี่ปุ่นอยู่ในอันดับที่สูงในด้านความสามารถในการแข่งขันและเสรีภาพทางเศรษฐกิจ อยู่ในอันดับ 6 ในรายงานการแข่งขันระดับโลกสำหรับปี 2558–2559
ตารางต่อไปนี้แสดงตัวชี้วัดทางเศรษฐกิจหลักในปี 1980–2021 (โดยเจ้าหน้าที่กองทุนการเงินระหว่างประเทศประมาณการในปี 2022–2027) อัตราเงินเฟ้อต่ำกว่า 5% เป็นสีเขียว[70]
ปี
|
จีดีพี
(ล้าน US$ ความเท่าเทียมของกำลังซื้อ)
|
จีดีพีต่อหัว
(US$ ความเท่าเทียมของกำลังซื้อ)
|
จีดีพี
(ล้าน US$ ตัวเงิน)
|
จีดีพีต่อหัว
(US$ ตัวเงิน)
|
อัตราเติบโตของจีดีพี
(จริง)
|
อัตราเงินเฟ้อ
(ร้อยละ)
|
การว่างงาน
(ร้อยละ)
|
หนี้สาธารณะ
(ร้อยละของจีดีพี)
|
1980
|
1,068.1
|
9,147.0
|
1,127.9
|
9,659.0
|
3.2%
|
7.8%
|
2.0%
|
47.8%
|
1981
|
1,218.4
|
10,358.1
|
1,243.8
|
10,574.4
|
4.2%
|
4.9%
|
2.2%
|
52.9%
|
1982
|
1,336.5
|
11,283.0
|
1,157.6
|
9,772.8
|
3.3%
|
2.8%
|
2.4%
|
57.8%
|
1983
|
1,437.8
|
12,054.5
|
1,268.6
|
10,636.5
|
3.5%
|
1.9%
|
2.7%
|
63.6%
|
1984
|
1,556.7
|
12,967.1
|
1,345.2
|
11,205.4
|
4.5%
|
2.3%
|
2.7%
|
65.6%
|
1985
|
1,690.0
|
13,989.8
|
1,427.4
|
11,815.8
|
5.2%
|
2.0%
|
2.6%
|
68.3%
|
1986
|
1,781.4
|
14,667.9
|
2,121.3
|
17,466.7
|
3.3%
|
0.6%
|
2.8%
|
74.0%
|
1987
|
1,911.8
|
15,666.3
|
2,584.3
|
21,177.8
|
4.7%
|
0.1%
|
2.9%
|
75.7%
|
1988
|
2,113.5
|
17,246.0
|
3,134.2
|
25,575.1
|
6.8%
|
0.7%
|
2.5%
|
71.8%
|
1989
|
2,303.0
|
18,719.6
|
3,117.1
|
25,336.2
|
4.9%
|
2.3%
|
2.3%
|
65.5%
|
1990
|
2,506.1
|
20,302.7
|
3,196.6
|
25,896.0
|
4.9%
|
3.1%
|
2.1%
|
63.0%
|
1991
|
2,679.4
|
21,620.8
|
3,657.3
|
29,511.8
|
3.4%
|
3.3%
|
2.1%
|
62.2%
|
1992
|
2,763.7
|
22,222.4
|
3,988.3
|
32,069.1
|
0.8%
|
1.7%
|
2.2%
|
66.6%
|
1993
|
2,814.6
|
22,558.2
|
4,544.8
|
36,425.2
|
-0.5%
|
1.3%
|
2.5%
|
72.7%
|
1994
|
2,899.9
|
23,177.4
|
4,998.8
|
39,953.2
|
0.9%
|
0.7%
|
2.9%
|
84.4%
|
1995
|
3,038.6
|
24,224.0
|
5,545.6
|
44,210.2
|
2.6%
|
-0.1%
|
3.2%
|
92.5%
|
1996
|
3,191.2
|
25,385.0
|
4,923.4
|
39,164.3
|
3.1%
|
0.1%
|
3.4%
|
98.1%
|
1997
|
3,278.1
|
26,014.1
|
4,492.4
|
35,651.3
|
1.0%
|
1.7%
|
3.4%
|
105.0%
|
1998
|
3,272.8
|
25,903.3
|
4,098.4
|
32,436.9
|
-1.3%
|
0.7%
|
4.1%
|
116.0%
|
1999
|
3,307.9
|
26,131.3
|
4,636.0
|
36,622.9
|
-0.3%
|
-0.3%
|
4.7%
|
129.5%
|
2000
|
3,476.3
|
27,409.2
|
4,968.4
|
39,173.0
|
2.8%
|
-0.7%
|
4.7%
|
135.6%
|
2001
|
3,568.4
|
28,068.3
|
4,374.7
|
34,410.7
|
0.4%
|
-0.7%
|
5.0%
|
145.1%
|
2002
|
3,625.5
|
28,457.7
|
4,182.8
|
32,832.3
|
0.0%
|
-0.9%
|
5.4%
|
154.1%
|
2003
|
3,753.8
|
29,410.9
|
4,519.6
|
35,410.2
|
1.5%
|
-0.3%
|
5.2%
|
160.0%
|
2004
|
3,938.9
|
30,836.4
|
4,893.1
|
38,307.1
|
2.2%
|
0.0%
|
4.7%
|
169.5%
|
2005
|
4,135.7
|
32,372.7
|
4,831.5
|
37,819.1
|
1.8%
|
-0.3%
|
4.4%
|
174.3%
|
2006
|
4,321.8
|
33,831.1
|
4,601.7
|
36,021.9
|
1.4%
|
0.3%
|
4.1%
|
174.0%
|
2007
|
4,504.5
|
35,257.9
|
4,579.7
|
35,847.2
|
1.5%
|
0.0%
|
3.8%
|
172.8%
|
2008
|
4,534.6
|
35,512.2
|
5,106.7
|
39,992.1
|
-1.2%
|
1.4%
|
4.0%
|
180.7%
|
2009
|
4,303.9
|
33,742.5
|
5,289.5
|
41,469.8
|
-5.7%
|
-1.3%
|
5.1%
|
198.7%
|
2010
|
4,534.1
|
35,535.2
|
5,759.1
|
45,135.8
|
4.1%
|
-0.7%
|
5.1%
|
205.7%
|
2011
|
4,629.4
|
36,215.1
|
6,233.1
|
48,760.9
|
0.0%
|
-0.3%
|
4.6%
|
219.1%
|
2012
|
4,799.6
|
37,628.8
|
6,272.4
|
49,175.1
|
1.4%
|
0.0%
|
4.3%
|
226.1%
|
2013
|
5,021.6
|
39,436.8
|
5,212.3
|
40,934.8
|
2.0%
|
0.3%
|
4.0%
|
229.6%
|
2014
|
5,034.5
|
39,604.1
|
4,897.0
|
38,522.8
|
0.3%
|
2.8%
|
3.6%
|
233.5%
|
2015
|
5,200.9
|
40,959.3
|
4,444.9
|
35,005.7
|
1.6%
|
0.8%
|
3.4%
|
228.4%
|
2016
|
5,159.7
|
40,640.5
|
5,003.7
|
39,411.4
|
0.8%
|
-0.1%
|
3.1%
|
232.5%
|
2017
|
5,248.4
|
41,409.0
|
4,930.8
|
38,903.3
|
1.7%
|
0.5%
|
2.8%
|
231.4%
|
2018
|
5,408.4
|
42,755.4
|
5,040.9
|
39,850.4
|
0.6%
|
1.0%
|
2.4%
|
232.3%
|
2019
|
5,485.4
|
43,459.1
|
5,120.3
|
40,566.3
|
-0.4%
|
0.5%
|
2.4%
|
236.3%
|
2020
|
5,295.1
|
42,075.4
|
5,031.6
|
39,981.5
|
-4.6%
|
0.0%
|
2.8%
|
259.4%
|
2021
|
5,606.6
|
44,671.3
|
4,932.6
|
39,301.1
|
1.7%
|
-0.2%
|
2.8%
|
262.5%
|
2022
|
6,110.0
|
48,812.8
|
4,300.6
|
34,357.9
|
1.7%
|
2.0%
|
2.6%
|
263.9%
|
2023
|
6,456.7
|
51,809.1
|
4,410.0
|
35,385.9
|
1.6%
|
1.4%
|
2.4%
|
261.1%
|
2024
|
6,652.7
|
53,633.3
|
4,568.7
|
36,832.8
|
1.3%
|
1.0%
|
2.4%
|
260.3%
|
2025
|
6,839.5
|
55,411.7
|
4,811.6
|
38,982.7
|
0.9%
|
1.0%
|
2.4%
|
260.7%
|
2026
|
7,002.5
|
57,025.8
|
5,010.0
|
40,799.8
|
0.5%
|
1.0%
|
2.4%
|
262.0%
|
2027
|
7,167.5
|
58,684.7
|
5,172.1
|
42,347.0
|
0.4%
|
1.0%
|
2.4%
|
263.4%
|
เกษตรกรรม และประมง
ภาคการเกษตรของญี่ปุ่นมีสัดส่วนประมาณ 1.2% ของจีดีพีทั้งหมด ณ ปี 2561 จากการสำรวจพบว่าที่ดินของญี่ปุ่นเพียง 11.5% เท่านั้นที่เหมาะสำหรับการเพาะปลูกเนื่องจากขาดที่ดินทำกิน จึงมีการใช้ระบบระเบียงเพื่อทำการเกษตรในพื้นที่ขนาดเล็ก[71] ซึ่งส่งผลให้ผลผลิตพืชผลต่อหน่วยพื้นที่สูงที่สุดในโลกโดยมีอัตราการพึ่งตนเองทางการเกษตรประมาณ 50% ณ ปี 2561 ภาคเกษตรกรรมขนาดเล็กของญี่ปุ่นได้รับเงินอุดหนุนและได้รับการคุ้มครองอย่างสูง[72] มีความกังวลมากขึ้นเกี่ยวกับการทำฟาร์มเนื่องจากเกษตรกรมักเป็นผู้สูงวัยและมีความยากลำบากในการหาผู้สืบทอด
ญี่ปุ่นอยู่ในอันดับ 7 ของโลกในด้านปริมาณปลาที่จับได้คิดเป็น 3,167,610 ตันในปี 2559 ลดลงจากค่าเฉลี่ย 4,000,000 ตันต่อปีในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา ญี่ปุ่นเป็นแหล่งประมงที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของโลกและคิดเป็นเกือบ 15% ของจำนวนสัตว์น้ำที่จับได้ทั่วโลก[73] ทำให้เกิดเสียงวิจารณ์ว่าการทำประมงของญี่ปุ่นทำให้ปริมาณปลาของโลกลดลง เช่น ปลาทูน่า ญี่ปุ่นยังจุดชนวนความขัดแย้งดังกล่าวด้วยการสนับสนุนการล่าวาฬอย่างถูกกฎหมาย[74]
การท่องเที่ยว
รัฐบาลญี่ปุ่นต้องการกระตุ้นเศรษฐกิจ ภาคการท่องเที่ยว โดยทางการญี่ปุ่นได้ดำเนินมาตรการยกเว้นวีซ่าท่องเที่ยวให้กับประเทศเป้าหมาย รวมถึงประเทศไทย กระแสไปท่องเที่ยวญี่ปุ่นน่าจะยังได้รับความนิยมในหมู่คนไทยอย่างต่อเนื่อง โดยมีแรงหนุนสำคัญ ๆ ทั้งจากมาตรการยกเว้นวีซ่าท่องเที่ยวที่ยังคงมีผลบังคับใช้ บวกกับกิจกรรมส่งเสริมการตลาดและโปรโมชั่นอัดแน่นจากธุรกิจที่เกี่ยวเนื่อง รวมถึงอานิสงส์ส่วนหนึ่งก็มาจากเงินเยนที่อ่อนค่า รวมทั้งสายการบินต้นทุนต่ำ ทำให้นักท่องเที่ยวเดินทางทัวร์ญี่ปุ่นมากขึ้นทุกปี
ญี่ปุ่นดึงดูดนักท่องเที่ยวต่างชาติ 31.9 ล้านคนในปี 2562[75] อยู่ในอันดับที่ 11 ของโลกในปี 2562 ในแง่จำนวนนักท่องเที่ยวขาเข้า[76] และตามรายงานความสามารถในการแข่งขันด้านการเดินทางและการท่องเที่ยวปี 2560 จัดอันดับญี่ปุ่นเป็นอันดับ 4 จาก 141 ประเทศซึ่งสูงที่สุดในเอเชีย
อุตสาหกรรมการผลิต
ญี่ปุ่นมีศักยภาพทางอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ และเป็นที่ตั้งของ "ผู้ผลิตยานยนต์ เครื่องมือกล เหล็กกล้าและโลหะรายใหญ่ที่สุดและก้าวหน้าทางเทคโนโลยีมากที่สุด"[77] ภาคอุตสาหกรรมของญี่ปุ่นคิดเป็นประมาณ 27.5% ของจีดีพี[78] การส่งออกของประเทศสูงเป็นอันดับสามของโลก ณ ปี 2562 ญี่ปุ่นเป็นผู้ผลิตรถยนต์รายใหญ่อันดับสามของโลก ณ ปี 2562 และเป็นที่ตั้งของโตโยต้า บริษัทรถยนต์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก[79][80] อีกทั้งยังเป็นประเทศต้นกำเนิดของบริษัทผู้ผลิตรถยนต์ 6 บริษัทจากผู้ผลิต 15 บริษัทที่ใหญ่ที่สุดของโลก อุตสาหกรรมต่อเรือของญี่ปุ่นเผชิญกับการแข่งขันจากเกาหลีใต้และจีน รัฐบาลออกนโยบายในปี 2563 ตั้งเป้าหมายให้เป็นอีกหนึ่งช่องทางการส่งออกที่เพิ่มกำไร
วิทยาศาสตร์ และเทคโนโลยี
ญี่ปุ่นเป็นประเทศแนวหน้าในการวิจัยทางด้านวิทยาศาสตร์โดยมีภาคเอกชนเป็นผู้ลงทุนหลัก[81] ญี่ปุ่นมีจำนวนการขอสิทธิบัตรเป็นอันดับ 3 ของโลก[82] ตัวอย่างของผลงานทางเทคโนโลยีของญี่ปุ่นที่สำคัญ ได้แก่อิเล็กทรอนิกส์ รถยนต์ เครื่องจักร วิศวกรรมด้านแผ่นดินไหวที่สร้างขึ้นมาเพื่ออยู่รอด สารเคมี สารกึ่งตัวนำ และเหล็ก เป็นต้น และเป็นผู้ผลิตสารกึ่งตัวนำ 7 บริษัทจาก 20 บริษัทที่ใหญ่ที่สุด
ญี่ปุ่นยังเป็นหนึ่งในผู้นำในการพัฒนาเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องกับสิ่งแวดล้อม รถยนต์ไฮบริด ซึ่งได้เทคโนโลยีมาจากเยอรมนี อังกฤษ และสหรัฐอเมริกา[83] ของฮอนด้าและโตโยต้าเป็นที่ยอมรับว่าประหยัดพลังงานมากที่สุดและปล่อยควันเสียได้น้อย[84][85] ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความพยายามของเทคโนโลยีระบบไฮบริด เชื้อเพลิง ญี่ปุ่นมีจำนวนสิทธิบัตรในด้านเซลล์เชื้อเพลิงเป็นอันดับหนึ่งของโลก[86]
องค์การสำรวจอวกาศญี่ปุ่นเป็นหน่วยงานวิจัยและพัฒนางานด้านอวกาศ สังเกตการณ์ทางดาราศาสตร์และจักรวาลวิทยาของญี่ปุ่น และเป็นหนึ่งในสมาชิกของโครงการความร่วมมือการสร้างสถานีอวกาศนานาชาติและโมดูลคิโบ มีกำหนดที่จะส่งขึ้นไปเพื่อต่อกับสถานีอวกาศนานาชาติในการขนด้วยกระสวยอวกาศใน พ.ศ. 2552[87] นอกจากนี้ญี่ปุ่นยังมีโครงการสำคัญมากมายรวมถึงการสำรวจอวกาศ และการสร้างฐานบนดวงจันทร์เพื่อส่งมนุษย์ไปสำรวจและทำภารกิจในปี 2573[88] ยานอวกาซเซลีนี เปิดตัวใน พ.ศ. 2550 ถือเป็นยานอวกาศลำที่สองของญี่ปุ่นที่ส่งขึ้นสู่ดวงจันทร์ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับการกำเนิดและวิวัฒนาการของดวงจันทร์[89]
ญี่ปุ่นยังเป็นหนึ่งในชาติผู้นำของโลกในด้านการผลิตหุ่นยนต์ โดยคิดเป็นสัดส่วนกว่า 55% ของจำนวนการผลิตทั่วโลก[90] ญี่ปุ่นมีจำนวนนักวิจัยทางด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีมากที่สุดเป็นอันดับสองของโลก คิดเป็นสัดส่วน 14 คนต่อพนักงาน 1,000 คน[91] ญี่ปุ่นยังมีตลาดวิดีโอเกมที่ใหญ่ที่สุดในโลก และเป็นหนึ่งในอุตสาหกรรมหลัก สร้างรายได้ให้แก่ประเทศสูงถึง 9.6 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ และในจำนวนนี้เป็นรายได้จากเกมมือถือสูงถึง 5.8 พันล้านดอลลาร์[92]
อ้างอิง
- ↑ 1.0 1.1 1.2 1.3 "Report for Selected Countries and Subjects: April 2023". imf.org. International Monetary Fund.
- ↑ 2.0 2.1 2.2 "The outlook is uncertain again amid financial sector turmoil, high inflation, ongoing effects of Russia's invasion of Ukraine, and three years of COVID". International Monetary Fund. 11 April 2023.
- ↑ 3.0 3.1 "EAST ASIA/SOUTHEAST ASIA :: JAPAN". CIA.gov. Central Intelligence Agency. สืบค้นเมื่อ 23 January 2019.
- ↑ "Poverty headcount ratio at $1.90 a day (2011 PPP) (% of population) - Japan". data.worldbank.org. World Bank. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 1 March 2021. สืบค้นเมื่อ 1 March 2021.
- ↑ "Poverty headcount ratio at $3.20 a day (2011 PPP) (% of population) - Japan". data.worldbank.org. World Bank. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 1 March 2021. สืบค้นเมื่อ 1 March 2021.
- ↑ "Poverty headcount ratio at $5.50 a day (2011 PPP) (% of population) - Japan". data.worldbank.org. World Bank. สืบค้นเมื่อ 1 March 2021.
- ↑ "Income inequality". data.oecd.org. OECD. สืบค้นเมื่อ 2 February 2020.
- ↑ 8.0 8.1 8.2 8.3 "Seasonally adjusted series of major items (Labour force, Employed person, Unemployed person, Not in labour force, Unemployment rate)". stat.go.jp. Ministry of Internal Affairs and Communications. สืบค้นเมื่อ 2 October 2020.
- ↑ "Employed person by age group". stat.go.jp. Ministry of Internal Affairs and Communications. สืบค้นเมื่อ 2 October 2020.
- ↑ "Labor Force by Services". data.worldbank.org. สืบค้นเมื่อ 27 มกราคม 2019. – Labor Force by Industry and agriculture.
- ↑ 11.0 11.1 Nakao, Yuka (20 January 2022). "Japan's exports, imports hit record highs in December". Kyodo News. สืบค้นเมื่อ 20 January 2022.
- ↑ 12.0 12.1 12.2 12.3 "Japanese Trade and Investment Statistics". jetro.go.jp. Japan External Trade Organization. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 1 March 2021. สืบค้นเมื่อ 3 March 2021.
- ↑ 13.0 13.1 "UNCTAD 2022" (PDF). UNCTAD. สืบค้นเมื่อ 6 มกราคม 2022.
- ↑ "External Debt | Economic Indicators | CEIC". www.ceicdata.com.
- ↑ 15.0 15.1 15.2 15.3 15.4 "Report for Selected Countries and Subjects: October 2022". imf.org. International Monetary Fund.
- ↑ "Development aid rises again in 2016 but flows to poorest countries dip". OECD. 11 April 2017. สืบค้นเมื่อ 25 September 2017.
- ↑ "Sovereigns rating list". Standard & Poor's. สืบค้นเมื่อ 26 May 2011.
- ↑ 18.0 18.1 18.2
- ↑ Scope Ratings (6 May 2022). "Scope affirms Japan's A ratings; Outlook revised to Negative". Scope Ratings. สืบค้นเมื่อ 7 May 2022.
- ↑ "International Reserves / Foreign Currency Liquidity". Ministry of Finance (Japan). สืบค้นเมื่อ 12 มกราคม 2023.
- ↑ "GDP (current US$)". World Bank. สืบค้นเมื่อ 15 ตุลาคม 2013.
- ↑ "GDP (OFFICIAL EXCHANGE RATE)". CIA World Factbook. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 24 ธันวาคม 2018. สืบค้นเมื่อ 15 ตุลาคม 2013.
- ↑ "Country statistical profile: Japan". OECD iLibrary. 28 กุมภาพันธ์ 2013. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 24 มิถุนายน 2013. สืบค้นเมื่อ 19 มิถุนายน 2013.
- ↑ "World Economic Outlook Database-ตุลาคม 2013". International Monetary Fund. สืบค้นเมื่อ 15 ตุลาคม 2013.
- ↑ "TANKAN :日本銀行 Bank of Japan". Bank of Japan. Boj.or.jp. สืบค้นเมื่อ 1 กุมภาพันธ์ 2013.
- ↑ "2013 PRODUCTION STATISTICS – FIRST 6 MONTHS". OICA. สืบค้นเมื่อ 16 ตุลาคม 2013.
- ↑ "Statistics on Patents". World Intellectual Property Organization. 19 มิถุนายน 2013. สืบค้นเมื่อ 16 กุมภาพันธ์ 2014.
- ↑ Morris, Ben (12 เมษายน 2012). "What does the future hold for Japan's electronics firms?". BBC News. สืบค้นเมื่อ 16 ตุลาคม 2013.
- ↑ Iwadare, Yoshihiko (1 เมษายน 2004). "Strengthening the Competitiveness of Local Industries: The Case of an Industrial Cluster Formed by Three Tokai Prefecters" (PDF). Nomura Research Institute. p. 16. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิม (PDF)เมื่อ 7 พฤษภาคม 2012. สืบค้นเมื่อ 16 กุมภาพันธ์ 2014.
- ↑ Kodama, Toshihiro (1 กรกฎาคม 2002). "Case study of regional university-industry partnership in practice". Institute for International Studies and Training. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 30 กรกฎาคม 2017. สืบค้นเมื่อ 16 กุมภาพันธ์ 2014.
- ↑ Mori, Junichiro; Kajikawa, Yuya; Sakata, Ichiro (2010). "Evaluating the Impacts of Regional Cluster Policies using Network Analysis" (PDF). International Association for Management of Technology. p. 9. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิม (PDF)เมื่อ 3 มีนาคม 2016. สืบค้นเมื่อ 16 กุมภาพันธ์ 2014.
- ↑ Schlunze, Rolf D. "Location and Role of Foreign Firms in Regional Innovation Systems in Japan" (PDF). Ritsumeikan University. p. 25. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิม (PDF)เมื่อ 29 มีนาคม 2017. สืบค้นเมื่อ 16 กุมภาพันธ์ 2014.
- ↑ "Profile of Osaka/Kansai" (PDF). Japan External Trade Organization Osaka. p. 10. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิม (PDF)เมื่อ 5 สิงหาคม 2020. สืบค้นเมื่อ 16 กุมภาพันธ์ 2014.
- ↑ "Report for Selected Countries and Subjects". สืบค้นเมื่อ 16 พฤศจิกายน 2013.
- ↑ Statistics Bureau Home Page
- ↑ What Were Japanese GDP, CPI, Wage, or Population Then?
- ↑ "Yearly Average Currency Exchange Rates Translating foreign currency into U.S. dollars". IRS. 2010. สืบค้นเมื่อ 16 November 2013.
- ↑ "Statistics Division of Gifu Prefecture" (ภาษาญี่ปุ่น). Gifu Prefecture. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 14 ตุลาคม 2007. สืบค้นเมื่อ 2 พฤศจิกายน 2007.
- ↑ "THB/JPY / Japanese Yen Conversion". ธนาคารแห่งประเทศไทย. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 4 มิถุนายน 2014. สืบค้นเมื่อ 1 มิถุนายน 2014.
- ↑ "Number of companies in the stock exchange" (ภาษาญี่ปุ่น). Tokyo Stock Exchange. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 9 กรกฎาคม 2014.
- ↑ "The Nikkei 225 Index Performance". Finfacts. สืบค้นเมื่อ 7 February 2014.
- ↑ "Tokyo Stock Exchange Tokyo Price Index TOPIX". Bloomberg. สืบค้นเมื่อ 7 February 2014.
- ↑ Smith, Simon (22 January 2014). "Horizons introduces leveraged and inverse MSCI Japan ETFs". eftstrategy.com. สืบค้นเมื่อ 7 February 2014.
- ↑ "About JSCC History". Japan Securities Clearing Corporation. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2 กรกฎาคม 2017. สืบค้นเมื่อ 7 กุมภาพันธ์ 2014.
- ↑ "雇用情勢は一段と悪化、5月失業率は5年8カ月ぶり高水準(Update3)". Bloomberg. 30 มิถุนายน 2009. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 21 กรกฎาคม 2012. สืบค้นเมื่อ 1 กุมภาพันธ์ 2013.
- ↑ Fujioka, Toru (2009-06-29). "Japan's Jobless Rate Rises to Five-Year High of 5.2% (Update2)". Bloomberg News. Bloomberg. สืบค้นเมื่อ 2013-02-01.
- ↑ Rochan, M (31 มกราคม 2014). "Japan's Unemployment Rate Drops to Six-Year Low Amid Rising Inflation". International Business Times. สืบค้นเมื่อ 29 เมษายน 2014.
- ↑ M1 The Japanese Economy Takahashi Ito, pp 3-4.
- ↑ "Japan: Patterns of Development". country-data.com. มกราคม 1994. สืบค้นเมื่อ 28 ธันวาคม 2006.
- ↑ "World Factbook; Japan—Economy". CIA. 19 ธันวาคม 2006. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 26 ธันวาคม 2018. สืบค้นเมื่อ 28 ธันวาคม 2006.
- ↑ "Japan heads towards recession as GDP shrinks". The Times. 13 สิงหาคม 2008. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 23 กันยายน 2008. สืบค้นเมื่อ 17 สิงหาคม 2008.
- ↑ "That sinking feeling". The Economist. 30 ตุลาคม 2008. สืบค้นเมื่อ 1 พฤศจิกายน 2008.
- ↑ "In Japan, Financial Crisis Is Just a Ripple". The New York Times. 19 กันยายน 2008. สืบค้นเมื่อ 22 พฤศจิกายน 2008.
- ↑ "Japan's economy 'worst since end of WWII'". CNN. 16 กุมภาพันธ์ 2009. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 19 กุมภาพันธ์ 2009. สืบค้นเมื่อ 16 กุมภาพันธ์ 2009.
- ↑ 55.0 55.1 "World Economic Outlook Database; country comparisons". ไอเอ็มเอฟ. 1 กันยายน 2006. สืบค้นเมื่อ 14 มีนาคม 2007.
- ↑ "NationMaster; Economy Statistics". NationMaster. สืบค้นเมื่อ 26 มีนาคม 2007.
- ↑ "Chapter 6 Manufacturing and Construction". Statistical Handbook of Japan, Ministry of Internal Affairs and Communications. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 13 สิงหาคม 2013.
- ↑ 58.0 58.1 労働力調査(速報)平成19年平均結果の概要 (PDF). Statistic Bureau. สืบค้นเมื่อ 1 พฤศจิกายน 2008.
- ↑ Summary Statistics Groningen Growth and Development Centre, Sep 2008
- ↑ "Forbes Global 2000". คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 3 พฤศจิกายน 2010. สืบค้นเมื่อ 2 พฤศจิกายน 2008.
- ↑ "Market data". New York Stock Exchange. 31 มกราคม 2006. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 11 ตุลาคม 2007. สืบค้นเมื่อ 11 สิงหาคม 2007.
- ↑ "Criss-crossed capitalism". The Economist. 6 พฤศจิกายน 2008. สืบค้นเมื่อ 17 พฤศจิกายน 2008.
- ↑ 63.0 63.1 "In the locust position". The Economist. 28 มิถุนายน 2007. สืบค้นเมื่อ 2 พฤศจิกายน 2008.
- ↑ "Going hybrid". The Economist. 29 พฤศจิกายน 2007. สืบค้นเมื่อ 2 พฤศจิกายน 2008.
- ↑ "Total area and cultivated land area". Ministry of Agriculture, Forestry and Fisheries. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 1 กุมภาพันธ์ 2009. สืบค้นเมื่อ 7 พฤศจิกายน 2008.
- ↑ "Total population and agricultural population". Ministry of Agriculture, Forestry and Fisheries. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 1 กุมภาพันธ์ 2009. สืบค้นเมื่อ 7 พฤศจิกายน 2008.
- ↑ 農林水産省国際部国際政策課 (23 พฤษภาคม 2006). "農林水産物輸出入概況(2005)" (PDF). คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิม (PDF)เมื่อ 29 กันยายน 2007. สืบค้นเมื่อ 13 กันยายน 2007.
- ↑ "Self-sufficiency ratio of food by commodities (Preliminary)". Ministry of Agriculture, Forestry and Fisheries. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 1 กุมภาพันธ์ 2009. สืบค้นเมื่อ 7 พฤศจิกายน 2008.
- ↑ "Rankings". World Bank (ภาษาอังกฤษ).
- ↑ "Report for Selected Countries and Subjects". International Monetary Fund.
- ↑ "Urbanites Help Sustain Japan's Historic Rice Paddy Terraces - Our World". ourworld.unu.edu.
- ↑ Chen, Hungyen (2018-07-03). "The spatial patterns in long-term temporal trends of three major crops' yields in Japan". Plant Production Science. 21 (3): 177–185. doi:10.1080/1343943X.2018.1459752. ISSN 1343-943X.
- ↑ 2018 The State of World Fisheries and Aquaculture (PDF) (Report). Rome: Food and Agriculture Organization of the United Nations. 2018. ISBN 978-92-5-130562-1.
- ↑ "Japan resumes commercial whaling after 30 years". BBC News (ภาษาอังกฤษแบบบริติช). 1 กรกฎาคม 2019. สืบค้นเมื่อ 5 มกราคม 2022.
- ↑ "Data list | Japan Tourism Statistics". Japan Tourism Statistics | 日本の観光統計データ (ภาษาอังกฤษ).
- ↑ "UNWTO World Tourism Barometer and Statistical Annex, August/September 2020". www.e-unwto.org (ภาษาอังกฤษ). doi:10.18111/wtobarometereng.2020.18.1.5.
- ↑ "Explore All Countries – Japan". The World Factbook. Central Intelligence Agency.
- ↑ "Japan", The World Factbook (ภาษาอังกฤษ), Central Intelligence Agency, 2021-12-14, สืบค้นเมื่อ 2022-01-05
- ↑ "Is time running out for Japan's car industry?". Autocar (ภาษาอังกฤษ).
- ↑ "Production Statistics | www.oica.net". www.oica.net.
- ↑ Science and Innovation: Country Notes, Japan OECD Science, Technology and Industry Outlook 2008, OECD
- ↑ "Japanese led world in filing of patent applications in 2005". The Japan Times. 11 สิงหาคม 2007. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 24 กุมภาพันธ์ 2009. สืบค้นเมื่อ 7 พฤศจิกายน 2008.
- ↑ "History of Hybrid Vehicles". HybridCars.com. 13 มิถุนายน 2011. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 30 ตุลาคม 2012.
- ↑ "Automaker Rankings 2007: The Environmental Performance of Car Companies" (PDF). Union of Concerned Scientists. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิม (PDF)เมื่อ 17 พฤศจิกายน 2008.
- ↑ [www.greenercars.org/highlights_greenest.htm Greenest Vehicles of 2008] American Council for an Energy Efficient Economy
- ↑ Akira Maeda (28 พฤศจิกายน 2003). Innovation in Fuel Cell Technologies in Japan: Development and Commercialization of Polymer Electrolyte Fuel Cells (PDF) (Report). OECD/CSTP/TIP Energy Focus Group.
- ↑ "Press Release". JAXA. 8 กรกฎาคม 2008. สืบค้นเมื่อ 16 พฤศจิกายน 2008.
- ↑ published, Elizabeth Howell (7 เมษายน 2019). "Can Robots Build a Moon Base for Astronauts? Japan Hopes to Find Out". Space.com (ภาษาอังกฤษ).
- ↑ "Japanese probe crashes into Moon" (ภาษาอังกฤษแบบบริติช). 11 มิถุนายน 2009. สืบค้นเมื่อ 5 มกราคม 2022.
- ↑ IFR. "Why Japan leads industrial robot production". IFR International Federation of Robotics (ภาษาอังกฤษ).
- ↑ "Science,technology and innovation : Researchers by sex, per million inhabitants, per thousand labour force, per thousand total employment (FTE and HC)". data.uis.unesco.org.
- ↑ Nutt, Christian (19 มิถุนายน 2015). "Japan's game market hits record high as consoles decline and mobile gr". Game Developer (ภาษาอังกฤษ).
แหล่งข้อมูลอื่น
Information related to เศรษฐกิจญี่ปุ่น |