คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์
คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ (อังกฤษ: Faculty of Medicine, Prince of Songkla University) เป็นคณะลำดับที่ 3 ของมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ โดยมีประกาศลงในราชกิจจานุเบกษาเมื่อวันที่ 6 ตุลาคม พ.ศ. 2515 เริ่มรับนักศึกษารุ่นแรกเมื่อ พ.ศ. 2516 เป็นโรงเรียนแพทย์ที่จัดตั้งขึ้นเป็นลำดับที่ 6 ของประเทศไทย เป็นโรงแพทย์แห่งแรกของภาคใต้ที่ได้รับการรับรองจากแพทยสภาและเป็นแห่งที่ 5 ของประเทศ[1] ถัดจากคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล, คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย, คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ และคณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี ปัจจุบันเปิดสอนในสายวิชาชีพแพทยศาสตร์ และสายวิชาการในด้านวิทยาศาสตร์การแพทย์ทั้งในระดับปริญญาตรี และระดับบัณฑิตศึกษา ประวัติเนื่องจากปัญหาการขาดแคลนบุคลากรทางด้านการแพทย์ และสาธารณสุข รวมทั้งปัญหาด้านสาธารณสุขของภาคใต้ สภามหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์จึงได้ขอจัดตั้งคณะแพทยศาสตร์ขึ้นในวันที่ 11 กันยายน พ.ศ. 2511 และได้รับการอนุมัติให้ก่อตั้งได้ในวันที่ 17 สิงหาคม พ.ศ. 2514 ซึ่งจัดเป็นคณะลำดับที่ 4 ของมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ และมีประกาศลงราชกิจานุเบกษาเมื่อวันที่ 6 ตุลาคม พ.ศ. 2515 สภามหาวิทยาลัยได้ให้จัดตั้งคณะแพทยศาสตร์ที่วิทยาเขตหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา และเริ่มรับนักศึกษารุ่นแรกได้ จำนวน 35 คน ในเดือนมิถุนายน พ.ศ. 2516 โดยใช้สถานที่ของคณะวิทยาศาสตร์ในการเรียนภาคทฤษฎี และระยะแรกใช้โรงพยาบาลหาดใหญ่ และโรงพยาบาลสงขลา ในการเรียนภาคปฏิบัติ ต่อมาเมื่อวันที่ 26 สิงหาคม พ.ศ. 2519 พระบาทสมเด็จพระมหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตรและสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง เสด็จพระราชดำเนินมาทรงวางศิลาฤกษ์โรงพยาบาลคณะแพทยศาสตร์ หลังจากนั้น พระบาทสมเด็จพระมหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร และสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ก็ได้เสด็จพระราชดำเนินมาทรงกระทำพิธีเปิด เมื่อวันที่ 18 กันยายน พ.ศ. 2529 และพระราชทานนามของโรงพยาบาลว่า "โรงพยาบาลสงขลานครินทร์" สาขาวิชาการแบ่งส่วนงานประกอบด้วยสาขาวิชาทั้งหมด 17 สาขาวิชา[2]
หลักสูตร
หมายเหตุ *** หลักสูตรวิทยาศาสตร์บัณฑิต สาขาวิทยาศาสตร์การแพทย์ เป็นหลักสูตรที่มีลักษณะพิเศษ คือเป็นหลักสูตรที่ใช้กับนักศึกษาที่ศึกษาหลักสูตรแพทยศาสตรบัณฑิตไปแล้วระยะหนึ่ง และไม่มีความประสงค์จะศึกษาต่อในชั้นปีที่ 4-6 โดยนักศึกษาจะต้องลงทะเบียนเรียนให้ครบในรายวิชาที่เรียนในชั้นปีที่ 1-3 และเพิ่มวิชาชีพเลือกอีก 11 หน่วยกิตกับวิชาเลือกเสรีอีก 3 หน่วยกิต รวมตลอดหลักสูตรเป็น 132 หน่วยกิต ก็สามารถยื่นคำร้องขอสำเร็จการศึกษาในหลักสูตรวิทยาศาสตร์บัณฑิต สาขาวิทยาศาสตร์การแพทย์ได้ ทำเนียบคณบดี
การรับนักศึกษาคณะแพทยศาสตร์ รับนักศึกษาเข้าศึกษาในหลักสูตรแพทยศาสตร์บัณฑิตและวิทยาศาสตรบัณฑิต รวมทั้งเปิดโอกาสให้ผู้ที่ตั้งใจเรียนแพทย์ได้มีโอกาสเข้าศึกษา โดยรับนักศึกษาเฉพาะในภาคใต้ร้อยละ 50 ในปัจจุบันคณะแพทยศาสตร์ได้รับนักศึกษาในโครงการต่างๆดังนี้
ชีวิตนักศึกษาแพทย์การศึกษา
กิจกรรม
ราตรีนี้สีเขียว (Green Night) เป็นงานที่จัดขึ้นเพื่อรวมสายรหัสทุกสายตั้งแต่ นักศึกษาแพทย์ชั้นปีที่ 1 ไปจนถึงอาจารย์แพทย์ โดยในงานจะมีการรับประทานอาหารร่วมกันเป็นโต๊ะสายรหัส จากนั้นจะมีกิจกรรมการแสดงของแต่ละชั้นปีตั้งแต่ปี1,2,3 และการแสดงของอาจารย์ ซึ่งในงานนี้จะมีกิจกรรมสำคัญคือการประกวดดาว-เดือนคณะแพทยศาสตร์คัดจาก ชาย 5 คน หญิง 5 คน ซึ่งจะมีการให้คะแนนจากกรรมการ และเปิดรับคะแนน popular vote จากดอกไม้ในงาน ณ ห้องทองจันทร์ หงส์ลดารมภ์
บาก้าอวอร์ด (Baka Award) เป็นการประกวดดนตรีของนักศึกษาและบุคลากรของคณะสายวิทยาศาสตร์สุขภาพ (แพทยศาสตร์ ทันตแพทยศาสตร์ พยาบาลศาสตร์ เภสัชศาสตร์ การแพทย์แผนไทย และเทคนิคการแพทย์) โดยก่อนหน้านั้นมีการจัดประกวดร้องเพลงและดนตรีภายในคณะแพทยศาสตร์มาก่อนแล้วโดยใช้ชื่อเดียวกันนี้ ซึ่งตั้งตามคำในบูมคณะแพทยศาสตร์ แต่ได้หยุดการประกวดไปนานหลายปี จนถึงปี พ.ศ. 2543 จึงเริ่มขึ้นอีกครั้ง โดยชมรมดนตรีสากลคณะแพทยศาสตร์เป็นผู้จัด และมี ผศ.พญ.มยุรี วศินานุกร เป็นที่ปรึกษาการประกวด ในปีแรกการจัดเป็นการจัดภายในคณะโดยประกาศรับสมัครล่วงหน้าเป็นเวลานาน แต่มีผู้สมัครเข้ามาจำนวนน้อย จนถึงใกล้วันสมัครจึงมีผู้สมัครเข้ามาอย่างมากมายทำให้เมื่อถึงวันประกวดจริง กำหนดการแสดงต่างๆยาวนานไปจนจบตอนใกล้เวลา 2.00 นาฬิกาของอีกวัน ในครั้งนั้นมีการประกวดสองประเภทคือ โฟลค ซอง (Folk song) และประกวดร้องเพลง ต่อมาในปี พ.ศ. 2546 ได้เชิญคณะพยาบาลศาสตร์ เภสัชศาสตร์ และทันตแพทยศาสตร์เข้าร่วมด้วย โดยยังคงมีสองประเภทของการแข่งขันเหมือนครั้งก่อน แต่ได้รับการตอบรับล่วงหน้ามากกว่าเดิม ทำให้มีการจัดรอบคัดเลือกก่อนหน้าที่จะแข่งขันจริง และในปลายปีเดียวกันได้มีการจัดขึ้นอีกครั้งเป็นการภายในคณะ ปีต่อมาได้เพิ่มการแข่งขันประเภทฟรีสไตล์ ซึ่งอาจเป็นการร้องเพลงอย่างเดียว หรือเล่นดนตรีผสมกันได้ โดยไม่จำกัดประเภทของเครื่องดนตรี และในปี พ.ศ. 2549 ได้แยกการแข่งขันวงสตริงออกจากประเภทฟรีสไตล์ ปัจจุบันการแข่งขันจึงแบ่งออกเป็นสี่ประเภท คือ การขับร้อง โฟล์คซอง ฟรีสไตล์ และวงสตริง โดยในรอบชิงชนะเลิศจะทำการแข่งขันทั้งสี่ประเภทนี้ตามลำดับ ณ ห้องทองจันทร์ หงส์ลดารมภ์ อาคารเรียนรวมและหอสมุด[ต้องการอ้างอิง]
เป็นการจัดค่ายอาสาเพื่อสร้างอาคารเรียนให้โรงเรียนที่ห่างไกล โดยเริ่มในปีแรก พ.ศ. 2543 ที่โรงเรียนสระหมื่นแสน อ.ระโนด จ.สงขลา เป็นการสร้างอาคารคารอเนกประสงค์ สนามเด็กเล่น และออกให้สุขศึกษาแก่ชาวบ้านแถบนั้น ในช่วงเวลาที่ นักศึกษาแพทย์ปิดภาคเรียน ปัจจุบันโรงเรียนสระหมื่นแสนได้ปิดตัวเองลงไปเนื่องจากมีนักเรียนน้อยเกินไป จากนั้นจึงได้มีจัดค่ายเรื่อยมาจนถึงปัจจุบัน นอกจากนี้ สโมสรนักศึกษาคณะได้จัดคอนเสิร์ตเพื่อนำรายได้สมทบทุนค่ายอาสา โดยกลุ่มศิลปินที่เคยเปิดการแสดงคอนเสิร์ตดังกล่าว ได้แก่ ศุ บุญเลี้ยง (พ.ศ. 2544) บอดี้สแลม (พ.ศ. 2545) แคลช โมเดิร์นด็อก (มกราคม พ.ศ. 2550) พาราด็อกซ์ (กันยายน พ.ศ. 2550) และฟลัวร์ (มกราคม พ.ศ. 2552)[ต้องการอ้างอิง]
งานรับเสื้อกาวน์จะจัดขึ้นในเดือนมกราคมของทุกปี โดยนักศึกษาแพทย์ปี 3 ที่กำลังจะขึ้นชั้นคลินิกจะได้เข้าร่วมพิธีรับมอบเสื้อกาวน์จากอาจารย์แพทย์ ณ ห้องทองจันทร์ หงส์ลดารมภ์จากนั้นจึงกำหนดวันใดวันหนึ่ง เพื่อถ่ายรูปเก็บความทรงจำที่หน้าลานพระบิดาในตอนเช้า จะมีสายรหัสมาร่วมถ่ายรูป แสดงความยินดี รวมทั้งเพื่อนๆคณะอื่นได้มาร่วมแสดงความยินดีกันอย่างคับคั่ง หลังจากงานรับเสื้อกาวน์ตอนเช้าแล้วสายรหัสส่วนใหญ่จะไปเลี้ยงสายกัน จากนั้นตอนกลางคืนจะมีการจัดงานพร้อมกันขึ้นเพื่อเลี้ยงสังสรรค์ ศิษย์เก่าที่มีชื่อเสียง
โรงพยาบาลมหาวิทยาลัยและสถาบันร่วมผลิตแพทย์
อ้างอิง
แหล่งข้อมูลอื่น
|