Share to:

 

โรงพยาบาลพระปกเกล้า

โรงพยาบาลพระปกเกล้า
Prapokklao Hospital
กระทรวงสาธารณสุข เขตสุขภาพที่ 6
แผนที่
ภูมิศาสตร์
ที่ตั้ง38 ถนนเลียบเนิน ตำบลวัดใหม่ อำเภอเมืองจันทบุรี จังหวัดจันทบุรี 22000, ประเทศไทย
พิกัด12°36′15″N 102°06′08″E / 12.604293°N 102.102341°E / 12.604293; 102.102341
หน่วยงาน
ประเภทภูมิภาค
สังกัดคณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
บริการสุขภาพ
จำนวนเตียง886 เตียง
ประวัติ
ชื่อเดิมโรงพยาบาลจันทบุรี
เปิดให้บริการ24 มิถุนายน พ.ศ. 2483
ลิงก์
เว็บไซต์www.ppkhosp.go.th

โรงพยาบาลพระปกเกล้า ซึ่งบางครั้งเรียกว่า โรงพยาบาลประชาธิปกบรมราชานุสรณ์ เป็นโรงพยาบาลหลักของจังหวัดจันทบุรี ประเทศไทย และจัดอยู่ในประเภทโรงพยาบาลระดับภูมิภาคของกระทรวงสาธารณสุข โดยมีศูนย์แพทยศาสตรศึกษาโครงการร่วมผลิตแพทย์เพิ่มเพื่อชาวชนบทซึ่งจัดอบรมแพทย์ให้แก่คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย[1][2]

ประวัติ

การก่อสร้างโรงพยาบาลเริ่มขึ้นใน พ.ศ. 2480 โดยหลวงนิรนทร์ ประสาทเวชช์ ซึ่งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรของจังหวัดจันทบุรี อาคารโรงพยาบาลหลังแรกสร้างเสร็จในเดือนธันวาคม พ.ศ. 2482 โดยมีความจุ 50 เตียง โรงพยาบาลดังกล่าวเปิดเป็นโรงพยาบาลจันทบุรีเมื่อวันที่ 24 มิถุนายน พ.ศ. 2483 โรงพยาบาลแห่งนี้ใช้เป็นโรงพยาบาลสนามตลอดช่วงกรณีพิพาทอินโดจีน และดูแลคนบาดเจ็บกว่า 300 รายจากยุทธนาวีเกาะช้าง ครั้นใน พ.ศ. 2497 สมเด็จพระนางเจ้ารำไพพรรณี พระบรมราชินีในรัชกาลที่ ๗ ได้เสด็จพระราชดำเนินมาเยี่ยมเยียน และได้ริเริ่มการขยายโรงพยาบาลเพิ่มเติมผ่านกองทุนของราชวงศ์ กระทั่งใน พ.ศ. 2498 หลังจากสร้างสิ่งอำนวยความสะดวกใหม่แล้วเสร็จ โรงพยาบาลนี้ได้เปลี่ยนชื่อเป็นโรงพยาบาลพระปกเกล้าเพื่อรำลึกถึงพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว นอกจากนี้ โรงเรียนพยาบาลผดุงครรภ์และอนามัย (ปัจจุบันคือวิทยาลัยพยาบาลพระปกเกล้า) ได้เปิดดำเนินการที่โรงพยาบาลใน พ.ศ. 2509 และใน พ.ศ. 2519 ทางโรงพยาบาลได้ร่วมมือกับคณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยเพื่ออบรมแพทย์ในฐานะเป็นส่วนหนึ่งของโครงการร่วมผลิตแพทย์เพิ่มเพื่อชาวชนบท (CPIRD)[3]

ศูนย์แพทยศาสตรศึกษาชั้นคลินิก

ศูนย์แพทยศาสตรศึกษาชั้นคลินิก โรงพยาบาลพระปกเกล้า เป็นศูนย์แพทยศาสตรศึกษาชั้นคลินิกแห่งแรกของประเทศ โดยเป็นสถาบันสมทบของคณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

ประวัติ

ในปี พ.ศ. 2519 ได้มีการเจรจากันระหว่างผู้อำนวยการกองฝึกอบรม กระทรวงสาธารณสุข (นายแพทย์กิติ ตยัคคานนท์) และรองอธิการบดีฝ่ายวิชาการ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยในขณะนั้น (ศาสตราจารย์พิเศษ นายแพทย์ทองจันทร์ หงส์ลดารมภ์) เรื่องการผลิตแพทย์เพื่อรับใช้ชาวชนบท โดยกระทรวงสาธารณสุขมีความประสงค์จะได้แพทย์ทำงานในชนบทมากขึ้นจึงได้มีหนังสือจากปลัดกระทรวงสาธารณสุขถึงอธิการบดีจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยในขณะนั้น (ศาสตราจารย์กิตติคุณ เติมศักดิ์ กฤษณามระ) ขอความร่วมมือให้จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ผลิตแพทย์เพิ่มขึ้น โดยรับนิสิตเพื่อจะได้กลับไปทำงานในต่างจังหวัด จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยได้พิจารณาเรื่องนี้แล้ว เห็นควรร่วมมือกับกระทรวงสาธารณสุขในการผลิตแพทย์ดังกล่าว โดยอาศัยแนวคิด อยู่ 2 ประการ คือ

    • จะต้องจัดหลักสูตรเน้นหนักทางชนบท และเรียนในชนบทเพื่อแก้ปัญหาในชนบท ในกรณีนี้การเรียนชั้นคลินิกจำเป็นต้องจัดทำในโรงพยาบาลต่างจังหวัดโดยตลอด
    • ควรใช้โรงพยาบาลของกระทรวงสาธารณสุข เพื่อเป็นสถานที่ศึกษา โดยอาศัยแพทย์และบุคลากรอื่นของโรงพยาบาลเหล่านั้นเป็นผู้สอน ซึ่งจะเป็นวิธีที่มีความสิ้นเปลืองน้อย โดยใช้ทรัพยากรของชาติที่มีอยู่แล้วให้เกิดประโยชน์

กระทรวงสาธารณสุข และจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้จัดประชุมร่วมกันเมื่อวันที่ 1 กรกฎาคม พ.ศ. 2520และได้รับอนุมัติให้ดำเนินโครงการจากการพิจารณาของคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 21 มีนาคม 2521 [4] จากนั้นจึงมีการจัดตั้งคณะกรรมการซึ่งมีประธานร่วม ได้แก่ อธิการบดีจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย (ศาสตราจารย์กิตติคุณ เติมศักดิ์ กฤษณามระ) และรองปลัดกระทรวงสาธารณสุข (นายแพทย์อมร นนทสุต) โดยมีกรรมการจากทั้งสองฝ่ายรวมอยู่ด้วย

คณะกรรมการชุดนี้ ได้ดำเนินการพิจารณาแผนงาน โดยเสนอชื่อโครงการว่า “โครงการส่งเสริมการศึกษาแพทย์สำหรับชาวชนบท ของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และกระทรวงสาธารณสุข” (Medical Education for Students in Rural Area Project-MESRAP) ได้วางโครงร่างการดำเนินการ และแต่งตั้งคณะอนุกรรมการ 4 คณะ คือ คณะอนุกรรมการพิจารณาเกณฑ์การคัดเลือกนิสิต คณะอนุกรรมการจัดทำหลักสูตร คณะอนุกรรมการแลกเปลี่ยนบุคลากร และคณะอนุกรรมการพิจารณาคัดเลือกสถานที่[5] ซึ่งคณะอนุกรรมการทั้ง 4 คณะได้ดำเนินการพิจารณาโครงสร้างและเกณฑ์ต่าง ๆ ที่ได้รับมอบหมาย โดยมีกองฝึกอบรม (สถาบันพระบรมราชชนก ในปัจจุบัน) กระทรวงสาธารณสุข และสำนักงานคณบดี คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เป็นผู้ประสานงาน ซึ่งคณะอนุกรรมการได้พิจารณาเลือกโรงพยาบาลพระปกเกล้า จันทบุรี เป็นศูนย์การศึกษาภาคคลินิก ของคณะแพทยศาสตร์จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และได้มีพิธีเปิด “ศูนย์การศึกษาแพทยศาสตร์คลินิก โรงพยาบาลพระปกเกล้า จันทบุรี” เมื่อวันที่ 31 พฤษภาคม 2525 โดยมีศาสตราจารย์ นายแพทย์เสม พริ้งพวงแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เป็นประธาน และมีนายแพทย์ชัยสิทธิ์ ธารากุล ผู้อำนวยการโรงพยาบาล เป็นผู้อำนวยการศูนย์ฯ และเริ่มจัดการเรียนการสอนนิสิตแพทย์ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา

ในปี พ.ศ. 2537 คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบให้กระทรวงสาธารณสุข ร่วมมือกับทบวงมหาวิทยาลัย จัดทำโครงการร่วมผลิตแพทย์เพิ่มเพื่อชาวชนบท (the Collaborative Project to Increase Production of Rural Doctor-CPIRD) [6] เพื่อให้การดำเนินงานมีประสิทธิภาพ และบรรลุเป้าหมายตามวัตถุประสงค์ โดยใน พ.ศ. 2540 กระทรวงสาธารณสุข ได้จัดตั้ง สำนักงานบริหารโครงการร่วมผลิตแพทย์เพิ่มเพื่อชาวชนบท เก็บถาวร 2022-05-25 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน เพื่อรับผิดชอบโครงการดังกล่าว สำนักงานนี้มีฐานะเทียบเท่ากองในสังกัดสำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข ใช้ชื่อย่อว่า “สบพช.”

ต่อมาในปี พ.ศ. 2541 ได้มีคำสั่งกระทรวงสาธารณสุข คำสั่งที่ 1168/2541 ลงวันที่ 6 พฤศจิกายน 2541ให้จัดตั้งศูนย์แพทยศาสตรศึกษาชั้นคลินิกขึ้นในโรงพยาบาลศูนย์ ศูนย์การศึกษาแพทย์ฯ จึงได้เปลี่ยนชื่อเป็น “ศูนย์แพทยศาสตรศึกษาชั้นคลินิก โรงพยาบาลพระปกเกล้า” ตั้งแต่วันที่ 11 มกราคม 2542 โดยมีนายแพทย์ชัชวาล สมพีร์วงศ์ เป็นผู้อำนวยการคนแรกจนถึงปัจจุบันนี้

ปัจจุบันศูนย์แพทยศาสตรศึกษาชั้นคลินิก โรงพยาบาลพระปกเกล้า ดูแลรับผิดชอบการผลิตแพทย์ร่วมกับคณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยในโครงการต่าง ๆ อาทิ โครงการร่วมผลิตแพทย์เพิ่มเพื่อชาวชนบท โครงการทุนกระจายแพทย์หนึ่งอำเภอหนึ่งทุนและโครงการลงทุนขนาดใหญ่ภาครัฐด้านสาธารณสุข โดยนิสิตแพทย์ในโครงการต่าง ๆ จะศึกษาในชั้นปรีคลินิก ณ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยและกลับมาศึกษาในชั้นคลินิก ณ โรงพยาบาลพระปกเกล้า จังหวัดจันทบุรี ก่อนสำเร็จการศึกษานิสิตแพทย์ทุกคนจะต้องสอบเพื่อปริญญาแพทยศาสตรบัณฑิต เมื่อสอบผ่านจะได้รับปริญญาแพทยศาสตรบัณฑิตของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

หลักสูตรระดับปริญญาตรี

  • หลักสูตรแพทยศาสตรบัณฑิต จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย (ฉบับปรับปรุง พุทธศักราช 2560)[ต้องการอ้างอิง]

ระยะเวลาในการศึกษา

ใช้ระยะเวลาในการศึกษาตลอดหลักสูตรรวม 6 ปี ดังนี้

  • ระดับชั้นเตรียมแพทยศาสตร์และปรีคลินิก

นิสิตแพทย์ (ชั้นปี 1 - 3) จะศึกษา ณ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

  • ระดับชั้นคลินิก

นิสิตแพทย์ (ชั้นปี 4 - 6) จะศึกษาและฝึกภาคปฏิบัติ ณ ศูนย์แพทยศาสตรศึกษาชั้นคลินิก โรงพยาบาลพระปกเกล้า

การรับนิสิตแพทย์เข้าศึกษา

ศูนย์แพทยศาสตรศึกษาชั้นคลินิก โรงพยาบาลพระปกเกล้านิสิตแพทย์เข้าศึกษาในหลักสูตร แพทยศาสตรบัณฑิต ผ่านโครงการร่วมผลิตแพทย์เพิ่มเพื่อชาวชนบทและโครงการกระจายแพทย์หนึ่งอำเภอหนึ่งทุนของ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

หลักสูตรแพทย์ประจำบ้าน

  • สาขากุมารเวชศาสตร์ โครงการร่วมจุฬาฯ-พระปกเกล้า
  • สาขาอายุรศาสตร์ โครงการร่วมจุฬาฯ-พระปกเกล้า
  • สาขาเวชศาสตร์ครอบครัว

ดูเพิ่ม

อ้างอิง

  1. "CPIRD". คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2018-05-02. สืบค้นเมื่อ 2019-09-22.
  2. "ข้อมูลพื้นฐานโรงพยาบาลในสังกัดสำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข ปีงบประมาณ 2564 ณ กุมภาพันธ์ 2565". คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2022-01-27. สืบค้นเมื่อ 2022-05-09.
  3. "ประวัติโรงพยาบาลพระปกเกล้า จันทบุรี" (PDF).{{cite web}}: CS1 maint: url-status (ลิงก์)
  4. มติคณะรัฐมนตรี 21 มีนาคม 2521 เรื่อง โครงการส่งเสริมการศึกษาแพทย์สำหรับชาวชนบท
  5. มติคณะรัฐมนตรี 18 ธันวาคม 2522 เรื่อง แต่งตั้งคณะกรรมการประสานงานและคณะอนุกรรมการโครงการส่งเสริมการศึกษาแพทย์สำหรับชาวชนบท
  6. มติคณะรัฐมนตรี 7 มิถุนายน 2537 เรื่อง ขออนุมัติโครงการผลิตแพทย์เพื่อชาวชนบท

แหล่งข้อมูลอื่น

Kembali kehalaman sebelumnya