Share to:

 

โอเซจิ

โอเซจิ
ตัวอย่างโอเซจิเรียวริ
Osechi legend
อาหาร: 1: กุ้งเคี่ยว, 2: ทาซูกูริ, 3: นิชิเมะ ผักหรือเห็ด, 4: คามาโบโกะ, 5: ดาเตมากิ, 6: ของขบเคี้ยว, 7: คมบูมากิ, 8:คูริกินตง, 9: โทบิโกะ, 10: ปลาบรีมทะเลย่าง, 11: คาซูโนโกะ, 12: ผักดอง, 13: ของหวาน, 14: อาหารเริ่มแรก, 15: ถั่วดำ, 16: กุ้งมังกรย่าง

โอเซจิ (ญี่ปุ่น: 御節, お節โรมาจิosechi) หรือ โอเซจิเรียวริ (ญี่ปุ่น: 御節料理, お節料理โรมาจิosechiryōri) (เรียวริ แปลว่า การทำอาหาร) เป็นสำรับอาหารสำหรับเทศกาลปีใหม่ในญี่ปุ่น เป็นขนบประเพณีที่มีมาตั้งแต่ยุคเฮอัง โอเซจิ นั้นจะถูกจัดเรียงอยู่ในกล่องสี่เหลี่ยม 3-4 กล่องที่เรียกว่า จูบาโกะ (ญี่ปุ่น: 重箱) ซึ่งมีลักษณะคล้ายกับกล่องเบ็นโต จูบาโกะจะถูกซ้อนเก็บไว้ทั้งก่อนการใช้งานและหลังใช้งาน โอเซจินั้นมักรับประทานร่วมกับโทโซะ

ชาวญี่ปุ่นจะรับประทานโอเซจิเรียวริกันในช่วงเวลา 3 วันหลังวันขึ้นปีใหม่ (1 มกราคม) ซึ่งนิยมรับประทานโอเซจิเรียวริเป็นมื้อแรกของปีพร้อมกับครอบครัว

ประวัติ

จากวัฒนธรรมของญี่ปุ่นที่มีมาแต่โบราณที่ว่า ในเทศกาลสำคัญจะต้องถวายอาหารแด่เทพเจ้าเพื่อเป็นการร่วมเฉลิมฉลองไปกับเทพเจ้า ในยุคเฮอังได้มีการกำหนดวันที่จะถวายอาหารไว้อยู่หนึ่งวัน แล้วเทพเจ้าก็จะประทานพรโชคลาภให้อยู่ 5 เทศกาลนั่นคือ วันที่ 7 มกราคม เทศกาลจินจิตสึ (人日), วันที่ 3 มีนาคม เทศกาลโจชิ (上巳) หรือเทศกาลดอกท้อ (แต่มักเรียกกันว่า วันเด็กหญิง), วันที่ 5 พฤษภาคม เทศกาลทังโงะ (端午) หรือวันเด็กผู้ชาย, วันที่ 7 กรกฎาคม เทศกาลทานาบาตะ (七夕) และวันที่ 9 กันยายน เป็นวันโจโย (重陽) หรือเทศกาลดอกเบญจมาศ

จุดกำเนิดของ โอเซจิ นั้นมาจากการที่ทั้งครอบครัวมาถวายอาหารต่อเทพเจ้าพร้อมกัน เรียกสำรับอาหารนั้นว่า โอเซ็กกุ (お節供) อันเป็นที่มาของคำว่า โอเซจิ นอกจากนี้ ยังมีคำเรียกโอเซจิเป็นอย่างอื่นด้วย คือ เซ็กกุ (節供), เซจิเอะ (節会) และ เซ็ตสึนิจิ (節日)

ก่อนหน้ายุคเอโดะ โอเซจิไม่ได้มีรูปร่างหน้าตาอย่างในปัจจุบัน เมื่อมีการเฉลิมฉลองกันในหมู่ชนชั้นซามูไรก็จะมีการจัดอาหารมงคลสำหรับการฉลองใส่จูบาโกะ ซึ่งเป็นครั้งแรกที่อาหารได้ถูกจัดลงไปในกล่องเช่นนี้ การที่กล่องมีหลายชั้นนั้นแสดงถึงการเฉลิมฉลองซ้ำแล้วซ้ำอีก ซึ่งในปัจจุบันก็ยังคงจัดอาหารโอเซจิใส่กล่องไม้ทาแล็กเกอร์ซ้อนกันอยู่ โดยในแต่ละชั้นก็จะบรรจุอาหารที่แตกต่างกันไปอย่างมีระเบียบ

ในปัจจุบัน วัฒนธรรมการรับประทานโอเซจินี้ก็ยังคงอยู่ แต่คนญี่ปุ่นรุ่นใหม่ส่วนมากทำโอเซจิไม่เป็น แต่ถึงกระนั้นชาวญี่ปุ่นก็ยังสืบทอดการรับประทานอาหารพิเศษในวันปีใหม่นี้อยู่ โดยการซื้อโอเซจิสำเร็จรูปจากร้านค้าหรือห้างสรรพสินค้า

ตัวอย่างอาหาร

การจัดวางแบบอื่นของโอเซจิ

อาหารในโอเซจิ แต่ละอย่างมีความหมายพิเศษของมันเพื่อการฉลองปีใหม่ ตัวอย่างบางส่วนเป็น:

  • ไดได (橙) หรือส้มจี๊ดญี่ปุ่น ไดไดนั้นมีความหมาย คือ "จากรุ่นสู่รุ่น" เมื่อเขียนแบบคันจิ จะเขียนได้ว่า 代 ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของความปรารถนาสำหรับเด็กในวันขึ้นปีใหม่
  • ดาเตมากิ (伊達巻/ 伊達巻き) หรือไข่เจียวม้วน ซึ่งมีลักษณะการเจียวไม่เหมือนกับไข่เจียวธรรมดา อาจจะผสมไปด้วยกุ้งหรือปลาบด เป็นสัญลักษณ์ของความปรารถนาสำหรับวันมหามงคล
  • คามาโบโกะ (蒲鉾) เนื้อปลาบดนึ่งเป็นก้อน จะถูกหั่นแล้วจัดวางสลับกันเป็นชิ้นสีแดง (หรือชมพู) และขาว จากสีนั้นมีความหมายถึงอาทิตย์อุทัยของญี่ปุ่น
  • คาซูโนโกะ (数の子) หรือไข่ปลาแฮร์ริง คาซุ มีความหมายว่า "จำนวน" ส่วน โนโกะ มีความหมายว่า "เด็ก" หรือก็คือ "เด็กจำนวนมาก" ในเทศกาลปีใหม่นั่นเอง
  • คมบุ (昆布) เป็นสาหร่ายประเภทหนึ่ง มีความหมายเกี่ยวข้องกับคำว่า "โยโรโกบุ" (喜ぶ) ซึ่งมีความหมายว่า "ยินดี"
  • คูโรมาเมะ (黒豆) หรือถั่วเหลืองดำ มีความนุ่มกำลังดี มาเมะ มีความหมายว่า "สุขภาพ" ซึ่งก็คือปรารถนาให้สุขภาพแข็งแรงสมบูรณ์
  • โคฮากูนามาซุ (紅白なます) เป็นผักสีขาว-แดง ที่นิยมทำเป็นก้อน ซึ่งทำมาจากแคร์รอตซอยและผักกาดหัวซอย และแช่ในน้ำส้มสายชูชนิดพิเศษ
  • ไท (鯛) หรือปลาบรีมทะเลสีแดง ไทมีความเกี่ยวข้องกับคำว่า เมเดไต สัญลักษณ์ของเทศกาลอันเป็นมงคล
  • อาวาซูเกะ (粟漬) ปลาโคโนชิโระก่อนที่จะเจริญเติบโตเต็มที่ ต้มแล้วหมักในน้ำส้มสายชู ใส่สีเหลืองที่ทำจากดอกการ์ดิเนีย เป็นการขอพรให้สามารถเก็บเกี่ยวผลผลิตได้ดีไม่มีอุปสรรค
  • เอบิ (エビ) กุ้งซึ่งปรุงรสด้วยสาเกและซอสถั่วเหลือง

ที่มา

Kembali kehalaman sebelumnya