ภาษามลายูบางกอก
ภาษามลายูบางกอก, ภาษามลายูกรุงเทพ (อักษรยาวี: بڠكوق ملايو; บาซอนายูบาเกาะ) บ้างเรียก มลายูบางบัวทอง เป็นภาษามลายูถิ่นที่ใช้พูดกันในชุมชนชาวไทยเชื้อสายมลายูที่พำนักบริเวณชานเมืองของกรุงเทพมหานคร บ้างก็เป็นคนที่อาศัยมาแต่เดิม บ้างก็เป็นกลุ่มที่ถูกกวาดต้อนขึ้นภาคกลางของไทยช่วงต้นกรุงรัตนโกสินทร์ ปัจจุบันมีผู้ใช้ภาษามลายูบางกอกไม่มากนักเมื่อเปรียบเทียบกับจำนวนประชากรเชื้อสายมลายูในกรุงเทพมหานครและปริมณฑล ส่วนใหญ่อาศัยอยู่ในจังหวัดปทุมธานี และนนทบุรี และมีจำนวนมากที่หันมาใช้ภาษาไทยมาตรฐาน ประวัติมีประวัติการตั้งถิ่นฐานของชาวไทยเชื้อสายมลายูบริเวณภาคกลางของไทยมาช้านาน บ้างก็ตั้งถิ่นฐานมาตั้งแต่ช่วงกรุงศรีอยุธยาซึ่งรับราชการเป็นขุนนางเดิม บ้างก็มาจากการค้าขาย ดังพบว่ามีการใช้ภาษามลายูเป็นภาษากลางสำหรับการติดต่อค้าขายกับประชาคมต่างประเทศ[1] ก่อนอพยพลงมาลุ่มแม่น้ำเจ้าพระยาตอนล่างพร้อมกับมุสลิมกลุ่มอื่น ๆ หลังกรุงศรีอยุธยาถูกพม่าตีแตก[2][3] บางส่วนก็สืบสันดานมาแต่บรรพบุรุษเชลยที่ถูกกวาดต้อนจากหัวเมืองแขกอันได้แก่ ปัตตานี ไทรบุรี ยะหริ่ง กลันตัน และสตูล ช่วงต้นกรุงรัตนโกสินทร์ในรัชกาลพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก และในรัชกาลพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว[3][4] รวมทั้งหมด 6 ครั้ง[5] และได้รับโปรดเกล้าให้ตั้งถิ่นฐานบ้านเรือนทั้งในและรอบพระนคร ทั้งนี้ก็เพื่อเพิ่มประชากรในพระนคร และลดกำลังพลของหัวเมืองแขกมิให้ก่อกบฏต่อสยามอีก[3] ทำให้ประชาคมมลายูกลายเป็นชุมชนมุสลิมขนาดใหญ่ของกรุงเทพมหานครมาแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน[2] บางกลุ่มเช่นกลุ่มมุสลิมบ้านสมเด็จเป็นกลุ่มเชื้อสายเจ้าเมืองและขุนนาง มีการใช้ราชาศัพท์ และมักสมรสกับผู้มีฐานันดรสูงด้วยกัน แต่ในระยะหลัง หญิงมุสลิมในแถบนี้มักตกเป็นภรรยาของขุนนางที่ไม่ใช่มุสลิม[6] นอกจากนี้ชาวมลายูที่มาจากไทรบุรีและสตูลบางส่วนใช้ภาษาไทยถิ่นใต้ ไม่ใช้ภาษามลายู[7] ในกรุงเทพมหานคร มีกลุ่มชนเชื้อสายมลายู ทั้งกลุ่มแขกเก่า (คือกลุ่มที่อาศัยบริเวณภาคกลางมาแต่เดิม) กับกลุ่มแขกใหม่ที่โยกย้ายมาคราวต้นกรุงรัตนโกสินทร์ ทั้งที่อพยพมาเพื่อค้าขายและถูกกวาดต้อนมา[5] อาศัยอยู่กระจายตัวตั้งแต่สี่แยกบ้านแขก ในฝั่งเขตธนบุรี ทุ่งครุ บางคอแหลม มหานาค พระโขนง คลองตัน มีนบุรี หนองจอก เรื่อยไปจนถึงอำเภอบางน้ำเปรี้ยว จังหวัดฉะเชิงเทรา และยังมีคนเชื้อสายมลายูรอบ ๆ ปริมณฑลด้วย ดังพบในจังหวัดพระนครศรีอยุธยา จังหวัดนครนายก จังหวัดปทุมธานี จังหวัดนนทบุรี จังหวัดสมุทรปราการ จังหวัดอ่างทอง และจังหวัดเพชรบุรี[2][8] ภายหลังได้มีการขยับขยายออกมาทางจังหวัดชลบุรี[3] ซึ่งชาวมลายูบางส่วนมีพัฒนาการด้านภาษา[5] หรือแม้แต่ด้านพิธีกรรมทางศาสนาบางประการต่างจากมาตุภูมิ และอนุชนส่วนใหญ่ถือตนว่าเป็นมุสลิมกรุงเทพฯ เสียมากกว่ามุสลิมเชื้อสายมลายู พวกเขาผสมกลมกลืนไปกับคนส่วนใหญ่ บางคนตักบาตรแก่พระสงฆ์ แต่จะเรียกว่า "ให้อาหารพระ" เป็นต้น[9] สถานะปัจจุบันผู้พูดภาษามลายูบางกอกมีอยู่ประมาณ 5,000 คน[ต้องการอ้างอิง] ส่วนมากจะมีอายุเกินกว่า 40 ปีเท่านั้นที่ยังพอพูดภาษามลายูได้ แต่ความสามารถในการใช้ภาษาแตกต่างกันออกไป อย่างไรก็ตามปัจจุบันภาษาของพวกเขาเหล่านั้นมีความแตกต่างจากภาษามลายูปัตตานีบ้าง ไม่ว่าจะเป็นด้านเสียง ความหมาย และโครงสร้างประโยค ทั้งนี้เนื่องจากมีวิวัฒนาการทางภาษาที่แตกต่างกัน ชุมชนเชื้อสายมลายูหลายแห่งยุติการคุตบะห์หรือการบรรยายธรรมเป็นมลายู การศึกษากีตาบยาวี หรือแม้แต่การใช้ภาษามลายูสำหรับสื่อสารในชีวิตประจำวันเสียแล้ว[2][10] ปัจจุบันจังหวัดปทุมธานียังมีการใช้ภาษามลายูแบบปัตตานีในการสื่อสาร[11] โดยเฉพาะในอำเภอคลองหลวง[12] และพบในอำเภอลาดหลุมแก้ว[13] ส่วนในนนทบุรีท้องที่ที่ยังใช้ภาษามลายู ได้แก่ ตำบลท่าอิฐ อำเภอปากเกร็ด และพบที่ตำบลละหาร อำเภอบางบัวทอง[10] ส่วนในโรงเรียนสุเหร่าบ้านดอน เขตวัฒนา กรุงเทพมหานคร ยังมีการเรียนการสอนด้วยภาษามลายูอยู่เพื่อสืบทอดภาษาสู่ชนรุ่นต่อไป[5] ชนรุ่นหลังส่วนใหญ่หันมาใช้ภาษาไทยมากขึ้น แต่ยังคงศัพท์เฉพาะจำพวกคนและสิ่งของต่างจากภาษาไทยมาตรฐาน และคงสำเนียงถิ่นเข้าผสมกับภาษาไทย เช่นชุมชนเชื้อสายมลายูในอำเภอลำลูกกา จังหวัดปทุมธานี จะเรียกพ่อว่า ป๊ะ เป๊าะ เยาะห์ ป๋า ส่วนคำไทยอื่นจะมีเสียงแปร่ง เช่น เป็ด เป็น เป๊ด, ขยะ เป็น ขะยะ และ สะอาด เป็น ซะอั๊ด เป็นต้น[14] ตัวอย่างตัวอย่างคำในภาษามลายูบางกอก ในอำเภอบางบัวทอง จังหวัดนนทบุรี[15]
อ้างอิง
แหล่งข้อมูลอื่น
|