ยุทธนาวีที่มิดเวย์
ยุทธนาวีมิดเวย์ (อังกฤษ: Battle of Midway, ญี่ปุ่น: ミッドウェー海戦) เป็นยุทธนาวีที่สำคัญที่สุดในแนวรบด้านมหาสมุทรแปซิฟิก[3][4][5] ในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง ระหว่างวันที่ 4 - 7 มิถุนายน 1942 ประมาณหนึ่งเดือนหลังยุทธนาวีทะเลคอรัล และประมาณหกเดือนหลังจากญี่ปุ่นโจมตีเพิร์ลฮาร์เบอร์[6][7][5] กองทัพเรือสหรัฐอเมริกาได้รับชัยชนะอย่างเด็ดขาด จากการต่อต้านการโจมตีของกองทัพเรือจักรวรรดิญี่ปุ่นที่มิดเวย์อะทอลล์ และเป็นการคาดโทษ ความเสียหายที่ไม่อาจแก้ไขได้ของกองเรือรบญี่ปุ่น จอห์น คีแกนได้เรียกมันว่า"ที่สุดของความประหลาดใจและเด็ดเดี่ยวอย่างคาดไม่ถึง ในประวัติศาสตร์ของการทำสงครามกองทัพเรือ" ยุทธนาวีนี้เคยเป็นการพ่ายแพ้ที่เลวร้ายที่สุดของกองทัพเรือญี่ปุ่นในระยะ 350 หลา ภายหลังยุทธนาวีทั้งสอง กองเรือสหรัฐอเมริกาในมหาสมุทรแปซิฟิกเสียหายอย่างหนัก กองทัพญี่ปุ่นจึงคิดเข้าโจมตีมิดเวย์อะทอลล์ เพื่อเป็นการปิดช่องโหว่ในแนวป้องกันทั่วมหาสมุทรแปซิฟิกของญี่ปุ่น และเป็นฐานในปฏิบัติการสำหรับแผนขั้นต่อไป รวมไปถึงการทำลายเรือบรรทุกเครื่องบินของอเมริกาที่ยังคงเหลืออยู่ในมหาสมุทรแปซิฟิก แต่เนื่องจากสหรัฐอเมริกาสามารถถอดรหัสลับของกองทัพเรือญี่ปุ่นได้เมื่อปลายเดือนพฤษภาคม สหรัฐอเมริกาจึงสามารถเตรียมการป้องกันและจัดวางกำลังพล จนสามารถทำลายกองทัพเรือของญี่ปุ่นได้ ยุทธนาวีมิดเวย์ถือเป็นจุดเปลี่ยนที่สำคัญที่ทำให้สหรัฐอเมริกากลับมาชิงความได้เปรียบในยุทธบริเวณมหาสมุทรแปซิฟิกเริ่มเป็นฝ่ายรุกโจมตีกองทัพเรือญี่ปุ่นจนจบสงคราม ภูมิหลังหลังจากขยายสงครามในแปซิฟิกเพื่อรวมอาณานิคมทางตะวันตกเข้าด้วยกัน จักรวรรดิญี่ปุ่นก็สามารถบรรลุเป้าหมายเชิงกลยุทธ์ในช่วงต้นได้อย่างรวดเร็ว ได้แก่ ฮ่องกงของอังกฤษ ฟิลิปปินส์ มาเลเซียอังกฤษ สิงคโปร์ และหมู่เกาะอินโดนีเซียของดัตช์ โดยเฉพาะแหล่งน้ำมันในหมู่เกาะอินโดนีเซียซึ่งมีความสำคัญต่อญี่ปุ่นอย่างมาก ด้วยเหตุนี้ การวางแผนเบื้องต้นสำหรับการปฏิบัติการระยะที่สองจึงเริ่มต้นขึ้นตั้งแต่เดือนมกราคม 1942 เนื่องจากมีความไม่เห็นด้วยทางยุทธศาสตร์ระหว่างกองทัพบกจักรวรรดิญี่ปุ่น (IJA) และกองทัพเรือจักรวรรดิญี่ปุ่น (IJN) รวมถึงการต่อสู้ภายในระหว่างกองบัญชาการทั่วไปของกองทัพเรือและกองเรือผสมของ อิโซโรกุ ยามาโมโตะ การวางแผนกลยุทธ์สำหรับการปฏิบัติการต่อไปจึงไม่เกิดขึ้นจนถึงเดือนเมษายน 1942 ยามาโมโตะสามารถชนะการต่อสู้ทางราชการได้สำเร็จด้วยการขู่ว่าจะลาออก[8][9] หลังจากนั้นแผนของเขาก็ได้รับการยอมรับ เป้าหมายหลักของยามาโมโตะคือการกำจัดกำลังเรือบรรทุกเครื่องบินของอเมริกา ซึ่งเขามองว่าเป็นภัยคุกคามหลักต่อสงครามแปซิฟิกโดยรวม ความกังวลนี้ยิ่งทวีความรุนแรงขึ้นหลังจากการโจมตีของกองทัพอากาศสหรัฐ ในวันที่ 18 เมษายน 1942 ที่เครื่องบินทิ้งระเบิด B-25 มิทเชลล์ จำนวน 16 ลำ ขึ้นจากเรือยูเอสเอสฮอร์เน็ต โจมตีเป้าหมายในกรุงโตเกียวและเมืองอื่นๆ ในญี่ปุ่น การโจมตีครั้งนี้ แม้ว่าจะไม่สร้างผลกระทบทางทหารมากนัก แต่กลับเป็นการสร้างความตกใจให้กับญี่ปุ่น และทำให้เห็นถึงช่องโหว่ในระบบป้องกันรอบๆ เกาะหลักของญี่ปุ่น รวมถึงความเสี่ยงที่อาณาเขตญี่ปุ่นจะถูกโจมตีจากเครื่องบินทิ้งระเบิดของอเมริกา ยามาโมโตะเชื่อว่า การโจมตีทางอากาศอีกครั้งที่ฐานทัพเรือเพิร์ลฮาร์เบอร์จะกระตุ้นให้กองเรืออเมริกันทั้งหมดออกทะเลเพื่อสู้รบ รวมถึงเรือบรรทุกเครื่องบินด้วย อย่างไรก็ตาม เมื่อพิจารณาจากความแข็งแกร่งที่เพิ่มขึ้นของกำลังอากาศทางบกของอเมริกาที่หมู่เกาะฮาวายตั้งแต่การโจมตีเมื่อวันที่ 7 ธันวาคม 1941 เขาจึงตัดสินใจว่า การโจมตีเพิร์ลฮาร์เบอร์โดยตรงนั้นเสี่ยงเกินไป แทนที่จะโจมตีเพิร์ลฮาร์เบอร์ ยามาโมโตะเลือกเกาะมิดเวย์ ซึ่งเป็นแอทอลล์ขนาดเล็กที่ตั้งอยู่ที่ปลายสุดของหมู่เกาะฮาวายทางตะวันตกเฉียงเหนือ ประมาณ 1,300 ไมล์ (1,100 ไมล์ทะเล; 2,100 กิโลเมตร) จากโออาฮู เกาะมิดเวย์อยู่นอกขอบเขตการปฏิบัติการของเครื่องบินอเมริกันเกือบทั้งหมดที่ประจำการอยู่ในหมู่เกาะฮาวายหลัก มิดเวย์ไม่ได้มีความสำคัญโดยตรงในแผนการใหญ่ของญี่ปุ่น แต่ญี่ปุ่นเชื่อว่าอเมริกาจะมองว่าเกาะมิดเวย์เป็นป้อมปราการสำคัญของเพิร์ลฮาร์เบอร์ และจะต้องปกป้องมันอย่างเข้มข้น[10] อ้างอิง
แหล่งข้อมูลอื่น
วิกิมีเดียคอมมอนส์มีสื่อที่เกี่ยวข้องกับ ยุทธนาวีที่มิดเวย์ |