วูดโรว์ วิลสัน
โทมัส วูดโรว์ วิลสัน (อังกฤษ: Thomas Woodrow Wilson) (28 ธันวาคม ค.ศ. 1856 – 3 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 1924) เป็นรัฐบุรุษ นักกฎหมาย และนักวิชาการชาวอเมริกันผู้ดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐ คนที่ 28 ระหว่าง ค.ศ. 1913 ถึง 1921 สังกัดพรรคเดโมแครต วิลสันได้ดำรงตำแหน่งเป็นอธิการบดีมหาวิทยาลัยพรินซตัน และเป็นผู้ว่าการรัฐนิวเจอร์ซีย์คนที่ 34 ก่อนชนะการเลือกตั้งประธานาธิบดีใน ค.ศ. 1912 ขณะดำรงตำแหน่ง เขาได้ตรวจสอบกระบวนการความก้าวหน้าของนโยบายทางนิติบัญญัติที่หาตัวจับได้ยากจนกระทั่งโครงการสัญญาใหม่ใน ค.ศ. 1933 เขายังได้เป็นผู้นำพาประเทศเข้าสู่สงครามโลกครั้งที่หนึ่งใน ค.ศ. 1917 มีการก่อตั้งกลุ่มเคลื่อนไหวในนโยบายต่างประเทศชื่อ "นักลัทธิวิลสัน" เขาเกิดในสทอนตัน รัฐเวอร์จิเนีย และใช้ชีวิตช่วงปฐมวัยในออกัสตา รัฐจอร์เจีย และโคลัมเบีย รัฐเซาท์แคโรไลนา ภายหลังสำเร็จการศึกษาระดับปริญญาเอกในสาขารัฐศาสตร์จากมหาวิทยาลัยจอนส์ฮอปกินส์ วิลสันประกอบอาชีพสอนที่โรงเรียนต่าง ๆ ก่อนเข้ารับตำแหน่งอธิการบดีมหาวิทยาลัยพรินซตัน ขณะดำรงตำแหน่งผู้ว่าการรัฐนิวเจอร์ซีย์ระหว่าง ค.ศ. 1911 ถึง 1913 วิลสันแตกหักกับหัวหน้าพรรคและเอาชนะกระบวนการการปฏิรูปก้าวหน้าหลายครั้ง ความสำเร็จของเขาในรัฐนิวเจอร์ซียทำให้เขามีชื่อเสียงระดับชาติในฐานะนักปฏิรูปหัวก้าวหน้า และเขาชนะการเสนอชื่อรับเลือกตั้งประธานาธิบดีที่การประชุมพรรคเดโมแครตแห่งชาติ ค.ศ. 1912 วิลสันชนะประธานาธิบดีวิลเลียม ฮาวเวิร์ด แทฟต์จากพรรคริพับลิกันในขณะนั้น และผู้รับสมัครอีกคนจากพรรคก้าวหน้าคือ ธีโอดอร์ โรสเวลต์ จนกลายเป็นชาวภาคใต้คนแรกที่ได้รับเลือกตั้งเป็นประธานาธิบดีนับตั้งแต่สมัยสงครามกลางเมืองอเมริกา วิลสัน อนุญาตให้มีการแบ่งแยกอย่างกว้างขวางภายใน ระบบราชการของรัฐบาลกลาง เขาขับไล่ชาวแอฟริกันอเมริกันจำนวนมากออกจากตำแหน่งของรัฐบาลกลาง และการคัดค้านการอธิษฐานของสตรีทำให้เกิดการประท้วง วาระแรกของเขามุ่งเน้นไปที่การผ่านวาระภายใน ในตำแหน่งประธานาธิบดีวาระแรก วิลสันอุทิศให้แก่การผลักดันวาระเสรีภาพใหม่ (New Freedom) ที่เป็นความคิดก้าวหน้า เขาจัดความสำคัญอันดับแรกให้กับการผ่านรัฐบัญญัติรัษฎากร ค.ศ. 1913 ซึ่งลดพิกัดอัตราศุลกากรและริเริ่มภาษีเงินได้ของรัฐบาลกลาง ต่อมากฎหมายภาษีซึ่งดำเนินการในการเก็บภาษีอสังหาริมทรัพย์ของรัฐบาลกลาง และเพิ่มอัตราภาษีรายได้สูงสุดถึงร้อยละ 77 วิลสันยังควบคุมการผ่านรัฐบัญญัติธนาคารกลาง ซึ่งก่อตั้งระบบธนาคารกลางสหรัฐ เขาผ่านสองกฎหมายที่สำคัญคือ รัฐบัญญํติคณะกรรมาธิการการค้ากลาง (Federal Trade Commission Act) และรัฐบัญญัติป้องกันการผูกขาดเคลย์ตัน เพื่อวางระเบียบผลประโยชน์ธุรกิจขนาดใหญ่หรือทรัสต์ (trust) เมื่อสงครามโลกครั้งที่หนึ่งอุบัติขึ้นใน ค.ศ. 1914 เขาดำเนินนโยบายเป็นกลาง เขาชนะการเลือกตั้งอีกสมัยอย่างเฉียดฉิวใน ค.ศ. 1916 โดยชนะ Charles Evans Hughes ผู้สมัครจากพรรครีพับลิกัน ในเดือนเมษายน ค.ศ. 1917 วิลสันขออนุมัติรัฐสภาเพื่อประกาศสงครามต่อจักรวรรดิเยอรมันเพื่อตอบโต้นโยบายการสงครามเรือดำน้ำแบบไม่จำกัด ซึ่งรัฐสภายินยอม วิลสันให้มีการระดมพลยามสงครามแต่เขาอุทิศความพยายามส่วนใหญ่ให้แก่การต่างประเทศ โดยพัฒนาหลักการสิบสี่ข้อเป็นพื้นฐานสำหรับสันติภาพหลังสงคราม หลังจากฝ่ายสัมพันธมิตรชนะในเดือนพฤศจิกายน ค.ศ. 1918 วิลสันและผู้นำฝ่ายสัมพันธมิตรคนอื่น ๆ เข้าร่วมการประชุมสันติภาพปารีส ค.ศ. 1919 ที่วิลสันสนับสนุนการก่อตั้งองค์การระหว่างประเทศ ต่อมาสนธิสัญญาแวร์ซายได้นำเอาแนวคิดดังกล่าวก่อตั้งสันนิบาติชาติ แต่วิลสันไม่สามารถโน้มน้าววุฒิสภาสหรัฐให้ยอมให้สัตยาบันสนธิสัญญาหรืออนุญาตให้สหรัฐเข้าร่วมกับองค์การดังกล่าว วิลสันตั้งใจลงสมัครรับเลือกตั้งประธานาธิบดีสมัยที่สามแต่เกิดโรคหลอดเลือดสมองรุนแรงเสียก่อนในเดือนตุลาคม ค.ศ. 1919 ทำให้เขาทุพพลภาพเสียเกือบตลอดวาระที่เหลือ เขาวางมือจากตำแหน่งทางการเมืองใน ค.ศ. 1921 และเสียชีวิตใน ค.ศ. 1924 ด้วยวัย 67 ปี นักวิชาการส่วนใหญ่ได้ให้อันดับแก่วิลสันว่าเป็นหนึ่งในประธานาธิบดีแห่งสหรัฐที่ดีกว่าค่าเฉลี่ย[1][2] แม้ว่าเขาจะได้รับคำวิจารณ์อย่างรุนแรงสำหรับการกระทำของเขาเกี่ยวกับการแบ่งแยกทางเชื้อชาติ[3] อ้างอิง
แหล่งข้อมูลอื่นวิกิมีเดียคอมมอนส์มีสื่อที่เกี่ยวข้องกับ วูดโรว์ วิลสัน
|