สุปัน พูลพัฒน์
สุปัน พูลพัฒน์ (26 กรกฎาคม พ.ศ. 2456 – 28 มกราคม พ.ศ. 2517) อดีตรองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่หนึ่ง อดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดกาฬสินธุ์ 3 สมัย และอดีตกรรมการอำนวยการพรรคอิสระ ประวัติสุปัน เกิดเมื่อวันที่ 26 กรกฎาคม พ.ศ. 2456 ที่ตำบลกาฬสินธุ์ อำเภอเมืองกาฬสินธุ์ จังหวัดกาฬสินธุ์ เป็นบุตรของนายมั่น นางบัง พูลพัฒน์ มีพี่น้อง 2 คน ด้านครอบครัวสมรสกับนางยุ่น พูลพัฒน์ (สกุลเดิม: ศรีบุญลือ) มีบุตร 6 คน สำเร็จการศึกษาระดับชั้นมัธยมศึกษา จากโรงเรียนกาฬสินธุ์พิทยาสรรพ์ ต่อมาเข้าเรียนที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์และการเมือง จนจบประโยคครูพิเศษมูล (พ.) และปริญญาตรีธรรมศาสตรบัณฑิต (ธ.บ.) ในปี พ.ศ. 2485[1] การทำงานสุปัน เริ่มรับราชการเป็นข้าราชการครูชั้นจัตวา ที่จังหวัดกาฬสินธุ์ เมื่อปี พ.ศ. 2472 ต่อมาในปี พ.ศ. 2474 ได้เปลี่ยนมาเป็นสารวัตรชั้นจัตวา อำเภอกมลาไสย และเป็นเสมียนมหาดไทยในเวลาต่อมา กระทั่งในปี พ.ศ. 2480 จึงกลับไปเป็นครูที่โรงเรียนกาฬสินธุ์พิทยาสรรพ์อีกครั้ง ในปี พ.ศ. 2484 เขาได้โอนไปรับราชการเป็นรองจ่าศาลแพ่ง ที่จังหวัดมหาสารคาม จนกระทั่งในปี พ.ศ. 2491 ได้ดำรงตำแหน่งผู้พิพากษาศาลอาญา และลาออกจากราชการในปี พ.ศ. 2495 เพื่อลงสมัครรับเลือกตั้ง ส.ส. สุปัน ได้รับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฏรจังหวัดกาฬสินธุ์ครั้งแรกใน การเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรไทยเป็นการทั่วไป พ.ศ. 2495 และอีกครั้งในการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรไทยเป็นการทั่วไป ธันวาคม พ.ศ. 2500 ต่อมาเมื่อพ้นจากการเป็น ส.ส. เหตุเพราะมีการยกเลิกรัฐธรรมนูญในปี พ.ศ. 2501 เขาจึงกลับเข้ารับราชการเป็นผู้พิพากษาประจำกระทรวง เขาลาออกจากราชการอีกครั้ง เพื่อสมัคร ส.ส. ในการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรไทยเป็นการทั่วไป พ.ศ. 2512 สังกัดพรรคอิสระ ซึ่งเขาร่วมจัดตั้งและเป็นกรรมการอำนวยการพรรค เมื่อปี พ.ศ. 2511[2] นอกจากนี้ สุปันได้รับเลือกเป็นรองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่ 1 ในสภาผู้แทนราษฎรไทย ชุดที่ 10 เมื่อ พ.ศ. 2512 - 2514 และได้รับแต่งตั้งเป็นหัวหน้าคณะผู้แทนไทย ในการไปเจรจาเชื่อมสัมพันธ์ไมตรีกับประเทศกัมพูชา สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรสุปัน พูลพัฒน์ ได้รับการเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรทั้งหมด 3 สมัย คือ
ถึงแก่อนิจกรรมในระหว่างที่ดำรงตำแหน่งรองประธานสภาผู้แทนราษฎร นายสุปัน จะใช้เวลาในการแต่งตำราเกี่ยวกับกฎหมาย จนกระทั่งเริ่มป่วยด้วยโรคหัวใจ และเข้ารับการรักษาตัวตั้งแต่ปี พ.ศ. 2513 จนกระทั่วถึงแก่กรรม ในวันที่ 28 มกราคม พ.ศ. 2517[1] มีพิธีพระราชทานเพลิงเมื่อวันที่ 13 พฤษภาคม พ.ศ. 2517 ณ วัดเทพศิรินทราวาสราชวรวิหาร เครื่องราชอิสริยาภรณ์
อ้างอิง
|