อาทิตย์ อุไรรัตน์
อาทิตย์ อุไรรัตน์ (เกิด 9 พฤษภาคม พ.ศ. 2481) เป็นนักการเมืองชาวไทย ผู้ก่อตั้งมหาวิทยาลัยรังสิต[1][2] อดีตรองประธานรัฐสภาและประธานสภาผู้แทนราษฎร อดีตผู้ว่าการประปานครหลวง และอดีตรัฐมนตรีหลายกระทรวง อดีตรองหัวหน้าพรรคสามัคคีธรรม[3] อดีตเจ้าของโรงพยาบาลเอกชนในเครือพญาไท เขาได้รับฉายา "วีรบุรุษประชาธิปไตย" จากเหตุการณ์พฤษภาทมิฬ ที่ได้เสนอชื่ออานันท์ ปันยารชุน เป็นนายกรัฐมนตรีแทน สมบุญ ระหงษ์ ที่กล่าวกันว่าจะมารับช่วงต่อรัฐบาล รสช. เจ้าของฉายา "ดร.ไข่ผง" จากการเคยมีกิจการโรงงานผลิตไข่ผงที่จังหวัดฉะเชิงเทรา และอดีตกรรมการที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์[4] ประวัติและการศึกษาอาทิตย์ อุไรรัตน์ หรือ ดร.อาทิตย์ อุไรรัตน์ สำเร็จการศึกษาระดับมัธยมศึกษาจากโรงเรียนกรุงเทพคริสเตียนวิทยาลัย, โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา จากนั้นได้เข้าศึกษาต่อยังคณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ภาควิชาการทูตและการต่างประเทศ สำเร็จการศึกษาระดับปริญญาโท มหาบัณฑิต สาขาความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ จาก Fletcher School of Law and Diplomacy, มหาวิทยาลัยทัฟส์ รัฐ Massachusetts ประเทศสหรัฐอเมริกา และ มหาบัณฑิต สาขาการบริหารรัฐกิจ จากมหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนียสเตต เมืองลอสแอนเจลิส สหรัฐ ด้วยทุนรัฐบาลไทย และสำเร็จการศึกษาระดับปริญญาเอก ดุษฎีบัณฑิตทางรัฐศาสตร์ สาขารัฐประศาสนศาสตร์ จาก มหาวิทยาลัยโคโลราโด โบลเดอร์ รัฐโคโลราโด สหรัฐ การทำงานดร.อาทิตย์ อุไรรัตน์ เริ่มรับราชการเป็นปลัดอำเภอเมืองนครนายก จังหวัดนครนายก ต่อมาได้โอนไปสังกัดสำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน ดำรงตำแหน่งเป็นหัวหน้ากองวิชาการ และย้ายไปรับตำแหน่งหัวหน้ากองบริหารทั่วไป การทางพิเศษแห่งประเทศไทย และเป็นรองเลขาธิการคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ต่อมาจึงได้เข้ามารับหน้าที่ที่ปรึกษาระเบียบบริหารของนายกรัฐมนตรี (พล.อ.เกรียงศักดิ์ ชมะนันท์) เป็นประธานคณะอนุกรรมการปรับปรุงระเบียบข้าราชการการพลเรือน เป็นกรรมการการประปานครหลวง ในปี พ.ศ. 2526 เป็นประธานอนุกรรมการพิจารณาปรับปรุงกิจการ การประปานครหลวง และเป็นผู้ว่าการการประปานครหลวง ในปี พ.ศ. 2527 งานการเมืองดร.อาทิตย์ อุไรรัตน์ เข้าสู่งานการเมืองโดยการลงสมัครรับเลือกตั้งผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ในการเลือกตั้งครั้งแรกเมื่อ ปี พ.ศ. 2518 ในนามพรรคพลังใหม่ แข่งกับธรรมนูญ เทียนเงิน จากพรรคประชาธิปัตย์ ต่อมาได้ลงสมัครรับเลือกตั้ง สส. กรุงเทพมหานคร เขตป้อมปราบฯ-ปทุมวัน ในปี พ.ศ. 2519 ในนามพรรคพลังใหม่ โดยร่วมทีมเดียวกับ ปราโมทย์ นาครทรรพ [5] แข่งกับหม่อมราชวงศ์เสนีย์ ปราโมช หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ แต่ผลการเลือกตั้งแพ้ลำดับสุดท้ายของผู้ได้รับการเลือกตั้งไปเพียงประมาณ 4,500 คะแนน ทั้งที่เป็นนักการเมืองหน้าใหม่ เพิ่งลงสมัคร สส. เป็นครั้งแรก ดร.อาทิตย์ เคยได้รับแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งรองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ในรัฐบาลของ พอ.อ. เกรียงศักดิ์ ชมะนันทน์ และเป็นเลขาธิการพรรคชาติประชาธิปไตย ที่ พล.อ.เกรียงศักดิ์ ชมะนันทน์ ก่อตั้งและดำรงตำแหน่งหัวหน้าพรรค เพื่อลงเลือกตั้งซ่อมที่จังหวัดบุรีรัมย์ ในปี พ.ศ. 2524 ต่อมาได้ย้ายพรรคและรับตำแหน่งเลขาธิการพรรคกิจประชาคม ที่บุญชู โรจนเสถียร ก่อตั้งและดำรงตำแหน่งหัวหน้าพรรค เมื่อปี พ.ศ. 2529 ก่อนที่จะได้รับเลือกตั้งเป็นครั้งแรก ด้วยการเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดฉะเชิงเทรา ในการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรไทยเป็นการทั่วไป พ.ศ. 2531 ต่อจากนั้นได้ย้ายไปเป็นโฆษกพรรคพรรคเอกภาพ ซึ่งเป็นพรรคที่เกิดจากการรวมตัวกันของพรรคฝ่ายค้านในรัฐบาล พล.อ. เปรม ติณสูลานนท์ คือ พรรคประชาชน ของเฉลิมพันธ์ ศรีวิกรม์, พรรคก้าวหน้า ของอุทัย พิมพ์ใจชน, พรรครวมไทย ของ นายณรงค์ วงศ์วรรณ และ พรรคกิจประชาคม ของบุญชู โรจนเสถียร ในปี พ.ศ. 2533 ต่อมาในปี พ.ศ. 2533 ได้รับแต่งตั้งเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ในรัฐบาล พล.อ. ชาติชาย ชุณหะวัณ[6] ต่อจากนั้นในปี พ.ศ. 2535 จึงได้เข้ารับตำแหน่งรองหัวหน้าพรรคสามัคคีธรรมที่มี นายณรงค์ วงศ์วรรณ เป็นหัวหน้าพรรค[7] ซึ่งในช่วงเหตุการณ์พฤษภาทมิฬ ได้รับแต่งตั้งให้ทำหน้าที่ประธานสภาผู้แทนราษฎร และรักษาการประธานรัฐสภา เมื่อปี พ.ศ. 2535 ซึ่งในเหตุการณ์ครั้งนั้น ดร.อาทิตย์ ได้รับฉายาว่า "วีรบุรุษประชาธิปไตย" ด้วยในเวลาเย็นของวันที่ 10 มิถุนายน พ.ศ. 2535 เป็นผู้นำชื่อ นายอานันท์ ปันยารชุน อดีตนายกรัฐมนตรี ขึ้นทูลเกล้าฯ เป็นนายกรัฐมนตรีอีกสมัย แทนชื่อ พล.อ.อ.สมบุญ ระหงษ์ หัวหน้าพรรคชาติไทย ที่ถือกันขณะนั้นว่าเป็นตัวแทนของฝ่ายคณะรักษาความสงบเรียบร้อยแห่งชาติ (รสช.) โดยในครั้งนั้น ดร.อาทิตย์ได้รับแรงกดดันจากหลายส่วน เนื่องจากมีความต้องการจากฝ่ายการเมืองขั้วที่สนับสนุน พล.อ.สุจินดา คราประยูร ที่จะให้ พล.อ.อ.สมบุญ ขึ้นดำรงตำแหน่ง แต่ทว่า ดร.อาทิตย์เห็นว่า หากเป็น พล.อ.อ.สมบุญ จะก่อให้เกิดความวุ่นวายต่อได้ เพราะมีเสียงของภาคประชาชนไม่เห็นด้วยอย่างรุนแรง จึงได้ติดต่อทาบทาม นายชวน หลีกภัย หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งเป็นพรรคฝ่ายค้าน แต่ทางนายชวนปฏิเสธ เนื่องจากหากรับไปแล้ว จะเป็นรัฐบาลเสียงข้างน้อย เสถียรภาพของรัฐบาลจะง่อนแง่น ดร.อาทิตย์จึงตัดสินใจเสนอชื่อ นายอานันท์ ปันยารชุน อดีตนายกรัฐมนตรีให้กลับมาดำรงตำแหน่งอีกครั้ง โดยได้ติดต่อทาบทามนายอานันท์ถึง 3 ครั้ง นายอานันท์จึงยอมรับในครั้งสุดท้าย โดยเป็นการติดต่อกันผ่านทางสายโทรศัพท์จากพระตำหนักจิตรลดารโหฐาน สวนจิตรลดา พระราชวังดุสิต ซึ่งขณะนั้น ดร.อาทิตย์ในฐานะประธานสภาผู้แทนราษฎร จะทำการเข้าเฝ้าฯ เพื่อทูลเกล้าฯถวายชื่อนายกรัฐมนตรีคนใหม่ แต่ทว่าไปด้วยกระดาษเปล่าที่มีตราครุฑประทับบนหัวกระดาษเท่านั้น แล้วให้ฝ่ายเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรใช้เครื่องพิมพ์ดีดพิมพ์ชื่อนายอานันท์ขณะนั้นเอง[8] หลังจากพรรคสามัคคีธรรมยุติการดำเนินงานไป จึงได้ก่อตั้งพรรคเสรีธรรม ร่วมกับพินิจ จารุสมบัติ และลงสมัครได้รับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จังหวัดฉะเชิงเทรา และยังได้รับตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ในรัฐบาล นายชวน หลีกภัย[9] สมัยแรก ในโควตาพรรคเสรีธรรมอีกด้วย ต่อมาได้เข้าร่วมงานกับพรรคประชาธิปัตย์ โดยดำรงตำแหน่งรองหัวหน้าพรรค และเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และสิ่งแวดล้อม ในรัฐบาล นายชวน หลีกภัย สมัยที่ 2 และเคยลงรับแข่งขันเป็นหัวหน้าพรรคด้วย ต่อจาก นายชวน หลีกภัย ที่ขอยุติบทบาทลงในปี พ.ศ. 2546 โดยแข่งคู่กับ นายบัญญัติ บรรทัดฐาน และ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ซึ่ง ดร.อาทิตย์ได้คะแนนมาเป็นลำดับที่ 3[10] ปัจจุบัน ดร.อาทิตย์ อุไรรัตน์ ได้วางมือจากการเมืองแล้ว แต่ก็มักให้ความเห็นหรือแสดงทัศนวิจารณ์เรื่องการเมืองอยู่บ่อย ๆ ตามสื่อสารมวลชนโดยเฉพาะทางช่องเอเอสทีวี และสื่ออื่นในเครือผู้จัดการ[11] และมักปรากฏข่าวอยู่เสมอ ๆ ว่า จะเข้ารับตำแหน่งหัวหน้าพรรคการเมืองใหม่ ของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย (พธม.) ทั้ง ๆ ที่มิได้เป็นสมาชิกพรรคแต่อย่างใด[12][13] ได้เข้าร่วมกิจกรรมทางการเมือง และเป็นที่ปรึกษาพรรคการเมืองใหม่ ภายหลัง รัฐประหารในประเทศไทย พ.ศ. 2557 พนักงานสอบสวน กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิด เกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ออกหมายเรียก ดร. อาทิตย์[14] ข้อหานำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลอันเป็นเท็จ เกิดความเสียหายต่อความมั่นคงของประเทศ ตาม พระราชบัญญัติ คอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2550 และกฎหมายอาญา ข้อหาหมิ่นประมาท ทักษิณ ชินวัตร มอบอำนาจให้ ขัตติยา สวัสดิผล ฟ้องร้องคดีหมิ่นประมาททางคอมพิวเตอร์[15] ชีวิตส่วนตัวดร.อาทิตย์ เป็นบุตรของนายประสิทธิ์ อุไรรัตน์ อดีตผู้ว่าราชการหลายจังหวัด ผู้ว่าการทางพิเศษแห่งประเทศไทย (กทพ.) และรองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร และคุณหญิงพัฒนา อุไรรัตน์ ชีวิตครอบครัวสมรสกับนางบุญนำ อุไรรัตน์ (สกุลเดิม ฉายะบุตร) เมื่อวันที่ 19 สิงหาคม พ.ศ. 2509 มีบุตรธิดา 3 คน
การดำรงตำแหน่งอื่น ๆ
เครื่องราชอิสริยาภรณ์เครื่องราชอิสริยาภรณ์ไทย
เครื่องราชอิสริยาภรณ์ต่างประเทศอ้างอิง
แหล่งข้อมูลอื่น
|