พรรคสามัคคีธรรมพรรคสามัคคีธรรม (อังกฤษ: Justice Unity Party) เป็นพรรคการเมืองไทยที่สนับสนุนกองทัพและอนุรักษ์นิยม จัดตั้งขึ้นภายหลังการรัฐประหารโดยกองทัพเมื่อวันเสาร์ที่ 23 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2534[1] ก่อตั้งโดยนายณรงค์ วงศ์วรรณ อดีตหัวหน้าพรรคเอกภาพ เป็นหัวหน้าพรรคและนาวาอากาศตรีฐิติ นาครทรรพ ผู้ใกล้ชิดกับคณะรักษาความสงบเรียบร้อยแห่งชาติเป็นเลขาธิการพรรค[2] พรรคสามัคคีธรรมเป็นตัวแทนผลประโยชน์ของกองทัพ ข้าราชการ และเจ้าของธุรกิจในจังหวัด[1] พรรคสามัคคีธรรม ได้ประกาศนโยบายของพรรคไว้ว่า "จะพัฒนาประเทศให้มีความเจริญรุ่งเรืองและมีความมั่นคงทั้งในทางเศรษฐกิจ สังคม และการเมือง เพื่อความผาสุขของประชาชนโดยถ้วนหน้า ทั้งนี้ โดยอาศัยวิธีการตามหลักการปกครองระบบประชาธิปไตยอันมีองค์พระมหากษัตริย์เป็นประมุข"[3] คณะกรรมการบริหารพรรคสามัคคีธรรม
ความสัมพันธ์กับ รสช.พรรคสามัคคีธรรม ถูกมองว่าเป็นพรรคการเมืองที่ถูกตั้งขึ้นเพื่อสนับสนุนแกนนำ รสช. และอาจกล่าวได้ว่า แกนนำ รสช.บางคน มีส่วนสนับสนุนพรรคนี้ เพื่อเป็นเครื่องมือในการรักษาอำนาจหลังการเลือกตั้ง จึงมีที่มาคล้ายคลึงกับพรรคเสรีมนังคศิลา ที่เคยสนับสนุน จอมพล ป.พิบูลสงคราม และพรรคสหประชาไทย ที่เคยสนับสนุน จอมพลถนอม กิตติขจร ในการรักษาอำนาจหลังการรัฐประหาร นอกจากนี้ นักการเมืองบางคนที่สังกัดพรรคนี้ ยังเคยเป็นสมาชิกพรรคเสรีนังคศิลา และพรรคสหประชาไทยอีกด้วย การเลือกตั้ง มีนาคม พ.ศ. 2535ในการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรในประเทศไทย ในเดือนมีนาคม พ.ศ. 2535 พรรคสามัคคีธรรม ได้รับเลือกตั้งเข้ามาจำนวน 79 คน จากจำนวน 360 ที่นั่ง เป็นอันดับที่ 1 จึงต้องจัดตั้งรัฐบาลผสม โดยการสนับสนุนจากพรรคการเมือง 4 พรรค คือ พรรคชาติไทย (74 คน) พรรคกิจสังคม (31 คน) พรรคประชากรไทย (7 คน) และพรรคราษฎร (4 คน) รวมเป็น 195 คน ขณะที่พรรคความหวังใหม่ พรรคประชาธิปัตย์ พรรคพลังธรรม พรรคเอกภาพ พรรคปวงชนชาวไทย และพรรคมวลชน ร่วมกันเป็นฝ่ายค้าน เนื่องจากปัญหาของนายณรงค์ ที่ต่อมามีการยืนยันจาก นางมาร์กาเร็ต แท็ตไวเลอร์ โฆษกกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐในขณะนั้น ว่าเป็นผู้หนึ่งที่ต้องห้ามไม่สามารถขอวีซ่าเดินทางเข้าสหรัฐฯ ได้เพราะมีความใกล้ชิดกับการค้ายาเสพติด[4] ซึ่งกรณีดังกล่าว นายณรงค์ วงศ์วรรณ ได้ปฏิเสธอย่างสิ้นเชิง และว่าข่าวนี้เป็นการจงใจสร้างเรื่องขึ้นเพื่อกีดกันไม่ให้ตนขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรี[5] แต่ในที่สุดแกนนำพรรคร่วมรัฐบาล ได้เลือกเสนอชื่อ พล.อ.สุจินดา คราประยูร ขึ้นทูลเกล้าฯ และมีพระบรมราชโองการ โปรดเกล้าฯ แต่งตั้งให้ พล.อ.สุจินดา คราประยูร เป็นนายกรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 7 เมษายน พ.ศ. 2535 ท่ามกลางกระแสเรียกร้องจากประชาชนที่ว่า "นายกฯ ต้องมาจากการเลือกตั้ง" ซึ่งเป็นกระแสหลักของสังคมในขณะนั้น ต่อเนื่องมาจากยุคของ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ และทำให้พรรคร่วมรัฐบาลทั้ง 5 ถูกขนานนามจากสื่อมวลชนยุคนั้นว่า เป็น"พรรคมาร" เพื่อเปรียบเทียบกับ "พรรคเทพ" ที่หมายถึงพรรคฝ่ายค้าน 4 พรรค หลังการขึ้นดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ของ พล.อ.สุจินดา เกิดกระแสต่อต้านจากสังคมมากมาย ถึงขั้นมีประชาชนชุมนุมประท้วงจำนวนมาก และในที่สุดนำไปสู่ เหตุการณ์พฤษภาทมิฬ จนทำให้ในต้องจัดการเลือกตั้งทั่วไปอีกครั้งในปีเดียวกัน คือในวันที่ 13 กันยายน พ.ศ. 2535 การเปลี่ยนชื่อพรรคในเดือนกรกฎาคม พ.ศ. 2535 พรรคสามัคคีธรรม ได้มีการเปลี่ยนชื่อพรรค และคณะกรรมการบริหารพรรค โดยใช้ชื่อว่า "พรรคเทิดไท" มีนายอนุวรรตน์ วัฒนพงศ์ศิริ เป็นหัวหน้าพรรค และมีนายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ เป็นเลขาธิการพรรค[6] แต่ก็ต้องยุติการดำเนินงานการเมือง ในเดือนสิงหาคม พ.ศ. 2535 โดยการลาออกจากการเป็นสมาชิกพรรคของคณะกรรมการบริหารพรรคทั้งคณะ[7] โดยในการเลือกตั้งเมื่อวันที่ 13 กันยายน พ.ศ. 2535 ทางพรรคมิได้ส่งผู้สมัครลงรับเลือกตั้ง ศาลฎีกาจึงมีคำสั่งศาลฎีกา ที่ 4098/2535 ลงวันที่ 24 ธันวาคม พ.ศ. 2535 ยุบพรรคเทิดไท[8] อ้างอิง
|