ไกรศักดิ์ ชุณหะวัณ
ไกรศักดิ์ ชุณหะวัณ (8 ตุลาคม 2490 – 11 มิถุนายน 2563) เป็นนักการเมืองชาวไทย เคยดำรงตำแหน่งรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ สมาชิกวุฒิสภา จังหวัดนครราชสีมา และสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรระบบสัดส่วน ประวัติไกรศักดิ์ ชุณหะวัณ เกิดวันที่ 8 ตุลาคม พ.ศ. 2490 มีชื่อเล่นว่า "โต้ง" เป็นบุตรชายคนเดียวของ พลเอก ชาติชาย ชุณหะวัณ อดีตนายกรัฐมนตรี และ ท่านผู้หญิง บุญเรือน ชุณหะวัณ เขาเคยมีบทบาทเป็นหนึ่งในทีมที่ปรึกษาบ้านพิษณุโลก ซึ่งเป็นทีมที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี ในสมัยรัฐบาลของบิดา ไกรศักดิ์ สมรสกับอโณทัย ชุณหะวัณ มีธิดา 2 คน คือ ธิษะณา ชุณหะวัณ (ชื่อเล่น : แก้วตา) สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรกรุงเทพมหานคร และสิริจรรยา ชุณหะวัณ (ชื่อเล่น : ขวัญตา) การศึกษานายไกรศักดิ์ สำเร็จการศึกษาปริญญาตรีศิลปศาสตรบัณฑิต สาขาความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ จากมหาวิทยาลัยจอร์จวอชิงตัน สหรัฐอเมริกา เมื่อ พ.ศ. 2517 และปริญญาโทศิลปศาสตร์มหาบัณฑิต สาขาเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ศึกษา (การเมือง) จากวิทยาลัยบูรพคดีศึกษาและการศึกษาแอฟริกา มหาวิทยาลัยลอนดอน (School of Oriental and African Studies - SOAS) สหราชอาณาจักร เมื่อ พ.ศ. 2520 การทำงานหลังจบการศึกษา นายไกรศักดิ์กลับมาเป็นอาจารย์สอนหนังสือที่มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ และเป็นนักวิชาการอิสระที่ได้ชื่อว่าค่อนข้างเอียงซ้าย แต่เมื่อพลเอกชาติชาย ชุณหะวัณ รับตำแหน่งนายกรัฐมนตรี เมื่อ พ.ศ. 2532 ก็ได้ลาออกจากราชการมาเป็นคณะที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี ร่วมกับ บวรศักดิ์ อุวรรณโณ, สุรเกียรติ์ เสถียรไทย และพันศักดิ์ วิญญรัตน์ หลังจากนั้น จึงหันมาทำงานพัฒนาการเมือง และสมัครรับเลือกตั้งสมาชิกวุฒิสภา เมื่อปี พ.ศ. 2543 บทบาทการเมืองในฐานะที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี (พลเอกชาติชาย ชุณหะวัณ) พ.ศ. 2532 เป็นผู้แทนพิเศษของรัฐบาลไทย ในการประชุมเพื่อแก้ปัญหา กรณีพิพาทในประเทศกัมพูชา ร่วมเจรจาสันติภาพในประเทศกัมพูชา, ลาว, เวียดนาม ผลักดันนโยบายแปรสนามรบเป็นสนามการค้า ผลักดันให้มีการก่อสร้างสะพานมิตรภาพไทย-ลาว ร่วมเจรจาแก้ไขมาตรการกีดกันทางการค้ากับสหรัฐอเมริกา (มาตรา 301) และร่วมเจรจาและผลักดันให้มีการก่อตั้งเอเปค (APEC) ในฐานะประธานกรรมาธิการการต่างประเทศ วุฒิสภา ตลอดระยะเวลา 6 ปี (พ.ศ. 2543-2549) ติดตามตรวจสอบนโยบายของรัฐบาลชวน และรัฐบาลทักษิณ ตลอดระยะเวลา 6 ปี หลังรัฐประหาร 2549หลังการรัฐประหารในประเทศไทย พ.ศ. 2549 ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี รัฐบาลพลเอกสุรยุทธ์ จุลานนท์ มีมติเมื่อวันที่ 28 พฤศจิกายน 2549 แต่งตั้งนายไกรศักดิ์ เป็นกรรมการบริหารสำนักงานบริหารและพัฒนาองค์ความรู้ (สบร.) หรือ Office of Knowledge Management and Development (OKMD) ไกรศักดิ์ มีบทบาทในการผลักดันให้รัฐบาลพลเอกสุรยุทธ์ จุลานนท์ รื้อฟื้นคดีฆ่าตัดตอน 2,500 ราย ที่เกิดขึ้นในระหว่างการประกาศทำสงครามยาเสพติด ในสมัยรัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ทำให้กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) เร่งคลี่คลายคดีฆ่าตัดตอนซึ่งเกิดขึ้นตั้งแต่ พ.ศ. 2546 ต่อมาได้รับแต่งตั้งจากมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 14 สิงหาคม 2550 เป็นกรรมการอิสระตรวจสอบ ศึกษาและวิเคราะห์การกำหนดนโยบายปราบปรามยาเสพติดให้โทษ และการนำนโยบายไปปฏิบัติจนเกิดความเสียหายต่อชีวิต ร่างกาย ชื่อเสียงและทรัพย์สินของประชาชน (คตน.) เพื่อตรวจสอบนโยบายของรัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ที่นำไปสู่การฆ่าตัดตอน 2,500 ราย โดยคณะกรรมการดังกล่าวมีหน้าที่ตรวจสอบ สอบสวน ศึกษาและวิเคราะห์ เพื่อให้ได้ข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการกำหนดนโยบายปราบปรามยาเสพติด ซึ่งนำไปสู่การสูญเสียชีวิตและทรัพย์ของประชาชน รวมทั้งกำหนดมาตรการแก้ไข และเยียวยาผู้เสียหายจากมาตรการดังกล่าว ปี พ.ศ. 2550 นายไกรศักดิ์ได้สมัครเป็นสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์พร้อมกับเพื่อน สว.อิสระทางภาคอีสานหลายคน เช่น พญ.มาลินี สุขเวชชวรกิจ อดีต ส.ว.นครสวรรค์, นายพิเชฐ พัฒนโชติ อดีต ส.ว.นครราชสีมา เป็นต้น เพื่อลงรับสมัครเลือกตั้งในปลายเดือนธันวาคม 2550 ในฐานะขุนพลภาคอีสานของพรรคประชาธิปัตย์ ในการเลือกตั้ง 23 ธันวาคม พ.ศ. 2550 นายไกรศักดิ์ ชุณหะวัณ ลงสมัครรับเลือกตั้ง ส.ส. ระบบสัดส่วน เขต 5 พรรคประชาธิปัตย์ ในลำดับที่ 1 และสามารถชนะการเลือกตั้ง ภายหลังการเลือกตั้ง 23 ธันวาคม พ.ศ. 2550 และมีการจัดตั้งรัฐบาลนายสมัคร สุนทรเวช พรรคประชาธิปัตย์ที่เป็นฝ่ายค้านพรรคเดียวได้ประกาศจัดตั้ง รัฐบาลเงา หรือ ครม.เงา ขึ้น ในเดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ. 2551 และ นายไกรศักดิ์ ชุณหะวัณ ได้รับเลือกจากที่ประชุมพรรค ให้ทำหน้าที่ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์เงา เมื่อวันที่ 15 กรกฎาคม พ.ศ. 2551 พรรคประชาธิปัตย์ได้จัดการประชุมใหญ่วิสามัญประจำปี เพื่อเลือกตั้งคณะกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่ตามข้อบังคับพรรค และ นายไกรศักดิ์ ชุณหะวัณ ได้รับเลือกให้ดำรงตำแหน่ง รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ รับผิดชอบดูแลพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ถึงแก่อนิจกรรมนายไกรศักดิ์ ถึงแก่อนิจกรรม เมื่อวันที่ 11 มิถุนายน พ.ศ. 2563 ด้วยโรคมะเร็ง ในวัย 72 ปี[1] มีพิธีพระราชทานเพลิงศพเมื่อวันที่ 21 กันยายน พ.ศ. 2563 ณ เมรุหลวงหน้าพลับพลาอิศริยาภรณ์ วัดเทพศิรินทราวาส บทความและข้อเขียนทางวิชาการ
ผลงานภาษาอังกฤษ
ความสามารถด้านภาษาต่างประเทศ
ประสบการณ์ทำงาน
ผลงานศิลปะ
อัลบั้มพิเศษ
คอนเสิร์ต
ผลงานกำกับ
ผลงานภาพยนตร์
เครื่องราชอิสริยาภรณ์
ครอบครัว
อ้างอิง
แหล่งข้อมูลอื่น
|