ประเทศฟีจี
ฟีจี[13] (อังกฤษ: Fiji, /ˈfiːdʒi/ ( ฟังเสียง); ฟีจี: Viti, แม่แบบ:IPA-fj; ฮินดีฟีจี: फ़िजी) หรือชื่อทางการคือ สาธารณรัฐฟีจี (อังกฤษ: Republic of Fiji; ฟีจี: Matanitu ko Viti; ฮินดีฟีจี: फ़िजी गणराज्य) เป็นประเทศหมู่เกาะในภูมิภาคเมลานีเซีย ทางตอนใต้ของมหาสมุทรแปซิฟิก ส่วนหนึ่งของโอเชียเนีย ตั้งอยู่ห่างจากประเทศนิวซีแลนด์ไปทางตะวันออกเฉียงเหนือประมาณ 1,100 ไมล์ทะเล (2,000 กิโลเมตร) ฟีจีประกอบด้วยกลุ่มเกาะมากกว่า 330 เกาะ ในจำนวนนี้มีผู้อยู่อาศัยถาวรประมาณ 110 เกาะ และยังมีเกาะเล็กอีกกว่า 500 เกาะ รวมพื้นที่ทั้งหมดประมาณ 18,300 ตารางกิโลเมตร กลุ่มเกาะที่อยู่ห่างไกลที่สุดคือ Ono-i-Lau ประชากรประมาณ 87% ของประชากรฟีจีทั้งหมด 898,760 คนอาศัยอยู่บนเกาะหลักเพียง 2 เกาะ ได้แก่วีตีเลวูและวานูอาเลวู โดยประชากรกว่า 75% อาศัยอยู่ในบริเวณชายฝั่งรอบเกาะวีตีเลวู ซึ่งเป็นที่ตั้งของเมืองหลวงฟีจี ซูวา รวมทั้งศูนย์กลางเมืองขนาดเล็ก เช่น นาดี ที่ซึ่งการท่องเที่ยวเป็นอุตสาหกรรมหลักในท้องถิ่น และเลาโตกา ซึ่งมีความโดดเด่นในด้านอุตสาหกรรมอ้อย ส่วนพื้นที่ชั้นในของเกาะมีผู้คนอาศัยอยู่อย่างเบาบางเพราะมีสภาพภูมิประเทศเป็นภูเขา[14] หมู่เกาะส่วนใหญ่ของฟีจีมีกำเนิดจากการปะทุของภูเขาไฟที่เริ่มตั้งแต่ราว 150 ล้านปีก่อน ปัจจุบันยังคงพบความเคลื่อนไหวของความร้อนใต้พิภพบางส่วนบนเกาะวานูอาเลวูและตาเวอูนี[15] ส่วนระบบความร้อนใต้พิภพที่พบบนเกาะวีตีเลวูไม่ได้มีแหล่งกำเนิดมาจากภูเขาไฟและมีการปลดปล่อยพื้นผิวที่มีอุณหภูมิต่ำอยู่ระหว่าง 35 ถึง 60 องศาเซลเซียส มนุษย์เริ่มอาศัยอยู่ในฟีจีมาตั้งแต่สองพันปีก่อนคริสตกาล โดยมนุษย์กลุ่มแรกเป็นชาวออสโตรนีเซีย ต่อมาจึงเป็นชาวเมลานีเซียที่ได้รับอิทธิพลบางส่วนจากชาวพอลินีเชีย ชาวยุโรปเดินทางมาถึงฟีจีครั้งแรกในช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 17[16] ในปี ค.ศ. 1874 อังกฤษได้สถาปนาอาณานิคมแห่งฟีจีขึ้นมาหลังจากที่ฟีจีได้เป็นอาณาจักรอิสระในช่วงสั้น ๆ ในช่วงที่มีกษัตริย์ท้องถิ่นปกครองอยู่ ฟีจีได้รับการบริหารในฐานะอาณานิคมในพระองค์จนถึงปี ค.ศ. 1970 จากนั้นจึงได้รับเอกราชและเป็นที่รู้จักกันในชื่อฟีจีในเครือจักรภพ ต่อมาเกิดรัฐประหารขึ้นหลายครั้ง จนปี ค.ศ. 1987 รัฐบาลทหารที่ยึดอำนาจได้ประกาศให้ฟีจีเป็นสาธารณรัฐ การรัฐประหาร ค.ศ. 2006 (พ.ศ. 2549) พลเรือจัตวาแฟรงก์ ไบนิมารามาได้ทำการยึดอำนาจ ต่อมาในปี ค.ศ. 2009 ศาลสูงฟีจีได้ออกคำตัดสินว่าผู้นำที่เป็นทหารนั้นไม่ชอบด้วยกฎหมาย หลังจากนั้นประธานาธิบดีราตู Josefa Iloilo ซึ่งเป็นผู้ที่กองทัพแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งประมุขแห่งรัฐ ได้ยกเลิกรัฐธรรมนูญปี 1997 และแต่งตั้งนายไบนิมารามาขึ้นเป็นรักษาการนายกรัฐมนตรีอีกครั้ง ในปีเดียวกัน ราตู Epeli Nailatikau ขึ้นดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีต่อจากนาย Iloilo[17] วันที่ 17 กันยายน ค.ศ. 2014 มีการจัดการเลือกตั้งทั่วไปตามระบอบประชาธิปไตยขึ้นหลังจากที่ล่าช้าไปหลายปี โดยพรรค FijiFirst ของนายไบนิมารามาชนะไปด้วยคะแนนเสียง 59.2% ผู้สังเกตการณ์การเลือกตั้งจากประเทศอื่นลงความเห็นว่าการเลือกตั้งครั้งนี้มีความน่าเชื่อถือ[18] ฟีจีเป็นประเทศหนึ่งที่มีเศรษฐกิจพัฒนามากที่สุดในภูมิภาคแปซิฟิก[19] หมู่เกาะของฟีจีอุดมไปด้วยทรัพยากรป่าไม้ แร่ธาตุ และแหล่งประมง สกุลเงินที่ใช้คือดอลลาร์ฟีจี แหล่งที่มาหลักของการแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศมาจากอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว การส่งเงินกลับของชาวฟีจีที่ทำงานอยู่ในต่างประเทศ การส่งออกน้ำดื่มบรรจุขวด และอ้อย[4] กระทรวงการปกครองท้องถิ่นและพัฒนาเมืองเป็นผู้กำกับดูแลการปกครองระดับท้องถิ่นของฟีจีซึ่งอยู่ในรูปแบบสภานคร (city) และสภาเมือง (town)[20] ชื่อที่มาของชื่อ "ฟีจี" (อังกฤษ: Fiji) มาจาก "วีตีเลวู" (Viti Levu) เกาะหลักของประเทศฟีจี ซึ่งการออกเสียงภาษาอังกฤษได้อิงตามการออกเสียงของชาวตองงาซึ่งอาศัยอยู่บนเกาะเพื่อนบ้านของฟีจี รายงานอย่างเป็นทางการฉบับหนึ่งเกี่ยวกับกำเนิดของชื่อกล่าวว่า
"Feejee" (ฟีจี) เป็นการสะกดแบบอังกฤษของการออกเสียงภาษาตองงาที่พบได้ในบันทึกและงานเขียนต่าง ๆ จากทั้งมิชชันนารีและนักเดินทางที่ได้ไปเยือนฟีจีจนถึงปลายคริสต์ศตวรรษที่ 19[22][23][24] ภูมิศาสตร์ประเทศฟีจีอยู่ห่างจากฮาวายไปทางตะวันตกเฉียงใต้ราว 5,100 กิโลเมตรและอยู่ห่างจากเมืองซิดนีย์ ประเทศออสเตรเลียประมาณ 3,150 กิโลเมตร[25][26] เป็นศูนย์กลางของภูมิภาคแปซิฟิกตะวันตกเฉียงใต้ อยู่ระหว่างประเทศวานูอาตูและตองงา กลุ่มเกาะของฟีจีตั้งอยู่ระหว่างลองจิจูด 176° 53′ ตะวันออกและ 178° 12′ ตะวันตก เส้นเมริเดียนที่ 180 องศาที่ถูกกำหนดให้เป็นเส้นแบ่งเขตวันสากล ลากผ่านตาเวอูนี เกาะใหญ่อันดับสามของฟีจีพอดี ทำให้มีการปรับเบี่ยงเส้นแบ่งเขตวันสากลออกจากแนวเส้นเมริเดียนเพื่อให้กลุ่มเกาะฟีจีทั้งหมดใช้เขตเวลาเดียวกัน (UTC+12) (รวมทั้งกลุ่มเกาะใกล้เคียงอื่น ๆ อีกหลายแห่ง) กลุ่มเกาะฟีจีตั้งอยู่ระหว่างละติจูด 15° 42′ และ 20° 02′ ใต้ ยกเว้นโรตูมา เกาะเหนือสุดของประเทศฟีจี ซึ่งตั้งอยู่ที่พิกัด 12° 30′ ใต้ ห่างจากกลุ่มเกาะฟีจีไปทางทิศเหนือ 220 ไมล์ทะเล (410 กม.) และห่างจากซูวา 360 ไมล์ทะเล (670 กม.) ฟีจีมีเกาะทั้งหมด 332 เกาะ[4] ในจำนวนนี้ 106 เกาะมีผู้อาศัยอยู่ และมีเกาะเล็กอีก 522 เกาะ มีพื้นที่รวมกันทั้งสิ้น 18,274 ตารางกิโลเมตร (เล็กกว่าจังหวัดกาญจนบุรีซึ่งมีพื้นที่ 19,483 ตร.กม.) เกาะสำคัญที่สุดสองเกาะคือ วีตีเลวู (10,388 ตร.กม.) และวานูอาเลวู (5,587 ตร.กม.) มีพื้นที่รวมกันเป็น 75% ของพื้นที่เกาะทั้งหมด เกาะหลายแห่งมีสภาพเป็นภูเขาและมีป่าเขตร้อนหนาแน่น จุดสูงสุดของฟีจีคือยอดเขาเมาท์โตมานีวี (Mount Tomanivi) บนเกาะวีตีเลวู มีความสูง 1,324 เมตรเหนือระดับน้ำทะเล เกาะวีตีเลวูเป็นที่ตั้งของเมืองหลวงฟีจี ซูวา บนเกาะนี้แห่งเดียวมีประชากรอาศัยอยู่แล้วถึง 3 ใน 4 ของประชากรทั้งประเทศ เมืองสำคัญแห่งอื่นบนเกาะได้แก่ นาดี เป็นที่ตั้งของท่าอากาศยานนานาชาติ และเลาโตกา เมืองท่าสำคัญ เมืองสำคัญบนเกาะวานูอาเลวูได้แก่ ลาบาซา (Labasa) และซาวูซาวู (Savusavu) เกาะใหญ่อันดับที่สามและสี่คือ ตาเวอูนี (Taveuni, 434 ตร.กม.) และคาดาวู (Kadavu, 411 ตร.กม.) ตามลำดับ ห่างออกไปไม่ไกลจากชายฝั่งเมืองนาดีเป็นกลุ่มเกาะที่มีชื่อว่า ยาซาวา (Yasawa Group) ถัดออกไปทางทิศเหนือมีกลุ่มเกาะมามานูกา (Mamanuca) กลุ่มเกาะทั้งสองแห่งนี้เป็นจุดหมายปลายทางที่นิยมของนักท่องเที่ยว ถัดออกไปทางทิศตะวันออกของเกาะวีตีเลวูมีกลุ่มเกาะโลไมวีตี (Lomaiviti) และลาอู (Lau) ที่อยู่ไกลออกไป เหนือสุดของฟีจีเป็นที่ตั้งของเกาะโรตูมา มีสถานะเป็นเขตบริหารพิเศษ และไกลออกไปกว่า 250 ไมล์ทะเล (460 กม.) ทางตะวันตกเฉียงใต้จากกลุ่มเกาะหลักของฟีจี เป็นที่ตั้งของพืดหินใต้น้ำเทวาอีรา (Ceva-i-Ra) ฟีจีมีเขตภูมินิเวศ (ecoregion) สองประเภทได้แก่ ป่าดิบชื้นเขตร้อนฟีจีและป่าดิบแล้งเขตร้อนฟีจี ประวัติศาสตร์ฟีจีมีชนพื้นเมืองอาศัยกระจัดกระจายอยู่บนเกาะต่าง ๆ มาราว 3,500 ปีมาแล้ว ชนพื้นเมืองมักต่อต่อสู้แย่งชิงอำนาจกัน ต่อมาคาโคบาอูซึ่งเป็นหัวหน้าของชนเผ่าหนึ่งสามารถรวบรวมชนเผ่าต่างๆให้เป็นอันหนึ่งอันเดียวกันได้ และสถาปนาให้เป็นกษัตริย์ฟีจี ต่อมาได้มีผู้ค้นพบหมู่เกาะ และ ดินแดนฟีจี เป็นนักสำรวจชาวเนเธอร์แลนด์ (ดัตช์) ที่มีชื่อว่า เอเบล ทัชแมน (ค.ศ. 1603 - 1659) ช่วงปลายศตวรรษที่ 19 กิจการค้ารองเท้าในดินแดนแห่งนี้มีได้รับความนิยมสูง จนเป็นเหุตให้มีชาวยุโรปจากประเทศต่าง ๆ เข้ามายังฟีจีเป็นจำนวนมากเพื่อแสวงหาทรัพยากร ประกอบกับความต้องการทำไร่ต้องเช่าที่ดินจากชนพื้นเมือง และ จ้างแรงงานภายนอกชาวอินเดียจำนวนมากมาทำไร่ ผลจากความละโมบเป็นชนวนเหตุของความวุ่นวายจากการก่อจลาจล และไม่สามารถรักษาความสงบเรียบร้อยภายใน ประกอบกับแรงกดดันจากมหาอำนาจชาติต่าง ๆ เพื่อให้เหตุจลาจลครั้งนี้สงบลง ฟีจีต้องยอมเข้าเป็นอาณานิคมของสหราชอาณาจักร ในปี พ.ศ. 2417 (ค.ศ. 1874) ในยุคอาณานิคมมีความพยายามในการปกป้องกรรมสิทธิ์ในการที่ดินและปกป้องการใช้แรงงานชนพื้นเมือง การเมืองการปกครองระบบรัฐสภา ระบบสองสภา ประกอบด้วยวุฒิสภาที่มาจากการแต่งตั้ง และสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรที่มาจากการเลือกตั้ง การแบ่งเขตการปกครองภาคกลาง (ซูวา)
ภาคเหนือ (ลาบาซา)
ภาคตะวันออก (เลวูกา)
ภาคตะวันตก (เลาโตกา)
(*) เกาะโรตูมา 46 ตารางกิโลเมตร เศรษฐกิจโครงสร้าง
ปัจจุบันอุตสาหกรรมสิ่งทอและเสื้อผ้าของฟีจียังไม่ฟื้นตัวเต็มที่ เนื่องจากประเทศคู่ค้าสำคัญเช่น สหรัฐอเมริกา ประเทศออสเตรเลีย และประเทศนิวซีแลนด์มีการนำเข้าลดลง นอกจากสินค้าประเภทเสื้อผ้าและสิ่งทอแล้ว ฟีจียังมีเหมืองแร่ทองคำ ซึ่งเป็นอุตสาหกรรม ที่มีความผันแปรตามราคาทองคำโลกค่อนข้างสูง ผลผลิตจากเหมืองทองคำ มีจำนวน 119,767 ออนซ์ ในปี พ.ศ. 2545 นอกจากนี้แล้ว ฟีจียังส่งออกน้ำดื่มบรรจุขวดไปยังสหรัฐฯ อีกด้วย โดยอาศัยชื่อเสียงของฟีจีเรื่องการมีแหล่งน้ำธรรมชาติที่สะอาด โครงสร้างพื้นฐานคมนาคม และ โทรคมนาคมการคมนาคม
ท่าอากาศยานนานาชาตินาดีเป็นท่าอากาศยานที่ใหญ่ที่สุดของประเทศฟีจี อยู่ห่างจากตัวเมืองนาดีไปทางเหนือ 9 กิโลเมตร[27] ท่าอากาศยานนานาชาติเนาโซรีอยู่ห่างจากตัวเมืองซูวาไปทางตะวันออกเฉียงเหนือ 23 กิโลเมตร และให้บริการสายการบินในประเทศเป็นหลัก Airports Fiji Limited (AFL) เป็นผู้ดำเนินงานท่าอากาศยาน 15 ท่าอากาศยานของหมู่เกาะฟีจี ได้แก่ ท่าอากาศยานนานาชาตินาดี ท่าอากาศยานนานาชาติเนาโซรี และท่าอากาศยานในเกาะรอบ ๆ อีก 13 ท่าอากาศยาน สายการบินหลักของฟีจีก่อนหน้านี้รู้จักกันในชื่อแอร์แปซิฟิกแต่ปัจจุบันเปลี่ยนชื่อเป็นฟีจีแอร์เวย์[28] ฟีจีแอร์เวย์ยังเป็นสายการบินแม่ของฟีจีลิงก์อีกด้วย ประชากรศาสตร์ประกอบด้วยชาวฟีจี ร้อยละ 51 ส่วนอีกร้อยละ 44 เป็นชาวฟีจีเชื้อสายอินเดีย ชาวฟีจีส่วนใหญ่นับถือศาสนาคริสต์นิกายโรมันคาทอลิก ร้อยละ 85% รองลงมานับถือศาสนาอิสลาม, ศาสนาคริสต์นิกายโปรเตสแตนต์, และศาสนาคริสต์นิกายฟีจีออร์โธดอกซ์ ร้อยละ 52% ศาสนาฮินดู ร้อยละ 14 % ศาสนาซิกข์ 0.9% และไม่นับถือศาสนา ร้อยละ 5 % ตามลำดับ อ้างอิง
แหล่งข้อมูลอื่นรัฐบาล
ข้อมูลทั่วไป
|