Share to:

 

นครรัฐวาติกัน

นครรัฐวาติกัน

Stato della Città del Vaticano (อิตาลี)
ตราราชการ
ตราราชการนครรัฐวาติกัน
ที่ตั้งของนครรัฐวาติกัน
เมืองหลวง
และเมืองใหญ่สุด
นครวาติกัน
41°54′N 12°27′E / 41.900°N 12.450°E / 41.900; 12.450
ภาษาราชการภาษาอิตาลี[i]
การปกครองรัฐเดี่ยว สมบูรณาญาสิทธิราชย์คริสเตียน[1] (ภายใต้ศาสนวิทยา[2] และ ราชาธิปไตยโดยเลือกตั้ง[3] เทวาธิปไตย[4])
พระสันตะปาปาฟรานซิส
พระคาร์ดินัล
จูเซปเป มาร์เตลโล
เอกราช 
11 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2472
พื้นที่
• รวม
0.44 ตารางกิโลเมตร (0.17 ตารางไมล์) (อันดับ 196)
• อันดับขนาดของพื้นที่
1 E5
ประชากร
• 2017 ประมาณ
1,000[2] (อันดับ 236)
2,272 ต่อตารางกิโลเมตร (5,884.5 ต่อตารางไมล์) (อันดับ 6)
สกุลเงินยูโร (€)[ii] (EUR)
เขตเวลาUTC+1 (CET)
• ฤดูร้อน (เวลาออมแสง)
UTC+2 (CEST)
ขับรถด้านขวา[iii]
รหัสโทรศัพท์39[iv]
รหัส ISO 3166VA
โดเมนบนสุด.va
เว็บไซต์
https://www.vaticanstate.va/en/
นครรัฐวาติกัน *
  แหล่งมรดกโลกโดยยูเนสโก
ภูมิภาค **ยุโรปและอเมริกาเหนือ
เกณฑ์พิจารณา(i), (ii), (iv), (vi)
อ้างอิง286
ประวัติการขึ้นทะเบียน
ขึ้นทะเบียน2527 (คณะกรรมการสมัยที่ 8)
* ชื่อตามที่ได้ขึ้นทะเบียนในบัญชีแหล่งมรดกโลก
** ภูมิภาคที่จัดแบ่งโดยยูเนสโก

นครรัฐวาติกัน (อังกฤษ: Vatican City State; อิตาลี: Stato della Città del Vaticano) เป็นนครรัฐที่ไม่มีทางออกสู่ทะเลซึ่งน้อยที่สุดในโลกทั้งในแง่พื้นที่และประชากร ตั้งอยู่ในกรุงโรม ประเทศอิตาลี เป็นที่ประทับของพระสันตะปาปา ซึ่งเป็นประมุขสูงสุดแห่งศาสนจักรโรมันคาทอลิก ศูนย์กลางคือมหาวิหารนักบุญเปโตร ซึ่งออกแบบโดยมีเกลันเจโล

การปกครองเป็นแบบอำนาจเบ็ดเสร็จ อำนาจตกอยู่ที่พระสันตะปาปาเพียงผู้เดียว จะหมดวาระก็ต่อเมื่อสิ้นพระชนม์ พระองค์ปัจจุบันคือสมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิส ซึ่งได้รับเลือกเมื่อวันที่ 13 มีนาคม พ.ศ. 2556

จัตุรัสด้านหน้ามหาวิหารนักบุญเปโตรเมื่อมองจากยอดโดมมีเกลันเจโล

ประวัติศาสตร์

เมื่อวันที่ 11 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2472 นครรัฐวาติกันและอิตาลีได้ลงนามสนธิสัญญา ยอมรับสถานะของนครรัฐวาติกันเป็นรัฐเอกราชมีอำนาจอธิปไตยของตนเอง[5] ตั้งแต่ พ.ศ. 2503 นครรัฐวาติกันได้รับการจารึกให้เป็นดินแดน ที่จะต้องได้รับการปกป้องรักษาไว้เป็นพิเศษในสถานการณ์ที่มีความขัดแย้งทางอาวุธ (International Register of Cultural Works under Special Protection in Case of Armed Conflict) เนื่องจากเป็นแหล่งศิลปวัฒนธรรมของโลก มีหอสมุดอันเก่าแก่ตั้งแต่คริสต์ศตวรรษที่ 13 (the Apostolic Library of the Vatican)

ต่อมา ในคริสต์ศตวรรษที่ 15 ได้มีการจัดตั้งหอจดหมายเหตุนครรัฐวาติกัน (Secret Archive of the Vatican) พิพิธภัณฑ์วาติกัน มหาวิหารนักบุญเปโตร และมีสำนักพิมพ์ของตนชื่อ the Vatican Polyglot Press ซึ่งเป็นที่จัดพิมพ์ผลงานภาษาต่าง ๆ รวมทั้งออกหนังสือพิมพ์รายวัน Observatore Romano ซึ่งตีพิมพ์เผยแพร่ตั้งแต่ พ.ศ. 2404 และตั้งแต่ พ.ศ. 2474 นครรัฐวาติกันได้จัดตั้งสถานีวิทยุกระจายเสียง ถ่ายทอดเสียงภาษาต่าง ๆ ถึง 30 ภาษา ปัจจุบัน นครรัฐวาติกันมีสถานีวิทยุกระจายเสียง 3 สถานี สถานีโทรทัศน์ 1 สถานี

รัฐบาล

พระสันตะปาปา

พระสันตะปาปาทรงอำนาจสูงสุดทั้งด้านนิติบัญญัติ บริหาร และตุลาการ[6] พระสันตะปาปาองค์ล่าสุดคือสมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิส ชาวอาร์เจนตินาเชื้อสายอิตาลี ทรงได้รับเลือกตั้งเมื่อวันที่ 13 มีนาคม พ.ศ. 2556 โดยคณะพระคาร์ดินัล ซึ่งเป็นสภาที่ปรึกษาของสมเด็จพระสันตะปาปา โดยพระคาร์ดินัลที่มีอายุต่ำกว่า 80 ปีเท่านั้นจึงจะมีสิทธิออกเสียงเลือกตั้ง พระสันตะปาปาที่ทรงได้รับเลือกตั้งแล้วตามปกติจะอยู่ในตำแหน่งไปจนตลอดพระชนม์ชีพ เว้นแต่จะมีการสละตำแหน่งพระสันตะปาปา ซึ่งสมเด็จพระสันตะปาปาองค์ก่อนหน้านี้คือสมเด็จพระสันตะปาปาเบเนดิกต์ที่ 16 ได้สละตำแหน่งเมื่อวันที่ 28 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556

การบริหารศาสนจักร

การบริหารศาสนจักรเป็นหน้าที่ของสภาปกครองโรมัน (the Roman Curia) หรือสำนักงานบริหารศาสนจักรส่วนกลาง ซึ่งมักเรียกว่าสันตะสำนัก (Holy/Apostolic See) มีหน่วยงานหลักคือ สำนักเลขาธิการแห่งรัฐ (Secretariat of State) รับผิดชอบการบริหารประเทศ โดยมีพระคาร์ดินัลเลขาธิการแห่งรัฐ (Cardinal Secretary of State) เป็นหัวหน้า (เทียบเท่านายกรัฐมนตรี) มีหน้าที่รับผิดชอบกิจการด้านการเมืองและการทูตของนครรัฐวาติกัน

เมื่อวันที่ 28 มิถุนายน พ.ศ. 2531 สมเด็จพระสันตะปาปาจอห์น ปอลที่ 2 ทรงปรับโครงสร้างของสำนักเลขาธิการแห่งรัฐ โดยแบ่งเป็น 2 หน่วยงาน คือ

  1. The Section for General Affairs หรือ The First Section รับผิดชอบด้านการบริหารของศาสนจักรและดูแลสถานทูตต่าง ๆ ประจำนครรัฐวาติกัน หัวหน้าหน่วยงาน คือ The Substitute for General Affairs และมีผู้ช่วย คือ The Assessor for General Affairs
  2. The Section for Relations with States รับผิดชอบด้านความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ และการแต่งตั้งบิชอปในประเทศต่าง ๆ หัวหน้าหน่วยงาน คือ The Secretary for Relations with States และมีผู้ช่วย คือ The Under-Secretary for Relations with States

นอกจากหน่วยงานทั้งสองข้างต้นแล้วยังมีสมณะกระทรวงต่าง ๆ ซึ่งเทียบได้กับกระทรวงรวม 9 กระทรวง เรียกชื่อตามลักษณะงานในความรับผิดชอบ ได้แก่

  1. สมณะกระทรวงหลักความเชื่อ รับผิดชอบเกี่ยวกับการส่งเสริมศรัทธาและศีลธรรมทั่วโลก
  2. สมณะกระทรวงการแต่งตั้งนักบุญ รับผิดชอบเกี่ยวกับขั้นตอนการประกาศเป็นนักบุญ
  3. สมณะกระทรวงคริสตจักรตะวันออก รับผิดชอบเกี่ยวกับกิจกรรมของคริสตจักรคาทอลิกตะวันออก (ไบแซนไทน์)
  4. สมณะกระทรวงมุขนายก รับผิดชอบเกี่ยวกับการตั้งมุขนายกและมุขมณฑล
  5. สมณะกระทรวงพิธีกรรมและศีลศักดิ์สิทธิ์ รับผิดชอบเกี่ยวกับกิจกรรมการนมัสการในคริสต์ศาสนา
  6. สมณะกระทรวงการประกาศพระวรสารสู่ปวงชน รับผิดชอบเกี่ยวกับกิจกรรมแพร่ธรรมของมิชชันนารีในศาสนจักรในทวีปแอฟริกาและเอเชีย ซึ่งรวมถึงประเทศไทยด้วย
  7. สมณะกระทรวงสถาบันชีวิตที่ถวายแล้วและคณะชีวิตแพร่ธรรม รับผิดชอบเกี่ยวกับการส่งเสริมและกำกับดูแลคณะนักบวชคาทอลิกคณะต่าง ๆ
  8. สมณะกระทรวงบาทหลวง รับผิดชอบเกี่ยวกับบาทหลวงและผู้ช่วยบาทหลวงที่มิใช่นักบวช รวมถึงกิจกรรมและวินัยของบาทหลวงประจำมุขมณฑล
  9. สมณะกระทรวงการศึกษาคาทอลิก รับผิดชอบเกี่ยวกับเซมินารี รวมทั้งการส่งเสริมและการจัดตั้งสถานศึกษาคาทอลิก โดยเฉพาะ โรงเรียนและมหาวิทยาลัยต่าง ๆ

ภูมิศาสตร์

แผนที่ของ ริโอนี บอร์โก ของกรุงโรม
ในปี พ.ศ. 2322 ก่อนแบ่งแยกนครรัฐวาติกัน

คำว่า วาติกัน ปรากฏก่อนการสถาปนาศาสนจักร โดยมาจากคำในยุคโรมัน (ละติน: Mons Vaticanus) หมายถึง ภูเขาวาติกัน[7] เขตของนครรัฐวาติกันเป็นส่วนหนึ่งของ Mons Vaticanus และเขตวาติกันในอดีตที่อยู่ติดกัน วาติกันคือที่ตั้งของมหาวิหารนักบุญเปโตร, พระราชวังพระสันตะปาปา, โบสถ์น้อยซิสทีน และพิพิธภัณฑ์รวมทั้งอาคารอื่น ๆ พื้นที่นี้เคยเป็นส่วนหนึ่งของรีโอนี (พื้นที่ศูนย์กลางทางประวัติศาสตร์) บอร์โก ของกรุงโรมกระทั่งปี พ.ศ. 2472 ได้แบ่งแยกออกมาตามแนวฝั่งตะวันตกของแม่น้ำไทเบอร์ วาติกันก่อตั้งขึ้นอยู่โดยได้รับการป้องกันภายในเขตกำแพงของสมเด็จพระสันตะปาปาลีโอที่ 4 (พ.ศ. 1390 – 1398) และต่อมาขยายโดยกำแพงป้อมปราการที่ปรากฏในปัจจุบันซึ่งสร้างขึ้นในสมัยของสมเด็จพระสันตะปาปาปอลที่ 3 (พ.ศ. 2077 – 2092), สมเด็จพระสันตะปาปาปิอุสที่ 4 (พ.ศ. 2102 – 2108) และสมเด็จพระสันตะปาปาเออร์บันที่ 8 (พ.ศ. 2166 – 2187)

แผนที่ของนครรัฐวาติกัน, แสดงกลุ่มอาคารที่สำคัญและบริเวณสวนวาติกัน

เมื่อสนธิสัญญาลาเตรัน ในปี พ.ศ. 2472 กำหนดเตรียมการจัดตั้งนครรัฐ ขอบเขตของดินแดนที่เสนอนั้นได้รับการพิจารณาจากส่วนใหญ่ทั้งหมดที่อยู่ภายในวงรอบนี้ สำหรับสถานที่บางแห่งของเขตแดนไม่มีกำแพง แต่มีอาคารบางหลังที่จัดเป็นส่วนหนึ่งของเขตแดนแทน และบางส่วนเล็ก ๆ ของเขตแดนก็มีการสร้างกำแพงสมัยใหม่ขึ้นมา

อาณาเขตประกอบด้วย จัตุรัสนักบุญเปโตร ซึ่งแบ่งแยกจากดินแดนของอิตาลีโดยมีเพียงเส้นสีขาวตามแนวขอบเขตของจัตุรัส ที่ซึ่งติดกับจัตุรัสปิอุสที่สิบสองของกรุงโรม สามารถเข้าถึงจัตุรัสนักบุญเปโตรได้โดยผ่านถนน della Conciliazione ทอดระหว่างริมฝั่งแม่น้ำไทเบอร์ไปยังมหาวิหารนักบุญเปโตร ซึ่งสร้างขึ้นโดยเบนิโต มุสโสลินี หลังจากบทสรุปของสนธิสัญญาลาเตรัน

ไม่มีการควบคุมหนังสือเดินทางสำหรับผู้เข้าชมนครวาติกันจากดินแดนอิตาลีโดยรอบ สามารถเข้าถึงในบริเวณจัตุรัสและมหาวิหารนักบุญเปโตรโดยสาธารณะและไม่มีค่าใช้จ่าย สำหรับโอกาสที่สมเด็จพระสันตะปาปาทรงตรัสกับสาธุชนที่มารวมตัวกัน ณ จตุรัสนักบุญเปโตร ผู้ชมเหล่านี้และสำหรับพิธีสำคัญในมหาวิหารและจัตุรัสจะต้องรับบัตรฟรีก่อน, พิพิธภัณฑ์วาติกันซึ่งรวมถึงโบสถ์น้อยซิสทีน มีการเรียกเก็บค่าธรรมเนียมเข้าชม สำหรับสวนวาติกันไม่เปิดให้เข้าชมโดยทั่วไป แต่มีการนำชมสวนและงานขุดใต้มหาวิหารโดยไกด์สำหรับกลุ่มเล็ก ๆ สำหรับสถานที่อื่น ๆ เปิดให้เฉพาะบุคคลที่มีธุระติดต่อสถานที่นั้นเท่านั้น

เศรษฐกิจ

ศาสนจักรวาติกันมีรายได้หลักจากการสนับสนุนทางการเงินขององค์กรคริสต์ศาสนานิกายโรมันคาทอลิกทั่วโลก เงินรายได้นี้เรียกว่า "Peter s Pence" นอกจากนี้ ยังมีรายได้จากการลงทุนต่าง ๆ ภายใต้การบริหารของหน่วยงาน The Patrimony of the Holy See ค่าธรรมเนียมการเข้าชมพิพิธภัณฑ์รายได้จากการจำหน่ายหนังสือ สิ่งพิมพ์ ดวงตราไปรษณียากร ของที่ระลึกสำหรับนักท่องเที่ยว[8]

ประชากร

สันตะองค์รักษ์สวิส
ในชุดเครื่องแบบ

คนเชื้อชาติวาติกันไม่มีในโลก มีแต่พลเมืองสัญชาติวาติกันเป็นอย่างมาก นครรัฐวาติกันมีพลเมืองประมาณ 900 คน ประมาณ 200 คนเป็นสตรี และมีคนทำงานในนครวาติกัน 1,300 คน พลเมืองอันประกอบด้วยองค์สันตะปาปา คาร์ดินัล ผู้ปกครองนครรัฐ วาติกัน เจ้าหน้าที่ประจำวาติกัน และทหารสวิสมีหอกโบราณเป็นอาวุธประดับเกียรติ ซึ่งเป็นองครักษ์ของสันตะปาปาประมาณ 100 คน ทหารสวิส มีมาตั้งแต่ พ.ศ. 2049 การแต่งกายของทหารสวิส กล่าวกันว่าเครื่องแบบออกแบบโดย “มีเกลันเจโล” แต่แท้จริงแล้ว "ราฟาเอล" คือบุคคลที่พัฒนาชุดตามอิทธิพลทางศิลปะสมัยฟื้นฟูศิลปวิทยาและภาพเขียนของเขา ทหารสวิสทุกคนเป็นชาวสวิส และเป็นคาทอลิกที่ดี ทหารสวิสแต่ละคนจะประจำการชั่วระยะหนึ่ง นอกจากนั้นก็ได้แก่เจ้าหน้าที่ทูตวาติกันที่ประจำอยู่ในประเทศต่าง ๆ ทั่วโลก รวมทั้งประเทศไทยด้วย พลเมืองวาติกันเหล่านี้จะมีสัญชาติวาติกันเฉพาะในขณะดำรงตำแหน่งหรือเป็นภรรยาของพลเมืองวาติกัน หรือเป็นบุตรที่มีอายุไม่เกิน 25 ของพลเมืองวาติกัน บุตรคนใดอายุถึง 25 ปี ต้องกลับคืนสัญชาติเดิม[9][10] ผู้ถือสัญชาติวาติกัน หากพ้นตำแหน่งเมื่อใดก็ต้องคืนสู่สัญชาติเดิมของตน พร้อมด้วยบุคคลทุกคนในครอบครัวที่ถือสัญชาติวาติกัน หากชาติเดิมของตนไม่ยอมรับให้ขอสัญชาติอิตาลีซึ่งรัฐบาลอิตาลีมีข้อผูกมัดต้องรับเสมอตามความตกลงในสนธิสัญญาลาเตรัน[11]

เชิงอรรถ

  1. ภาษาอิตาลีเป็นภาษาทางการโดยนิตินัยซึ่งปรากฏในย่อหน้าที่สองของ Legge sulle fonti del diritto และกฎหมายทุกฉบับเขียนขึ้นด้วยภาษาอิตาลี ส่วนภาษาอื่นที่ใช้ได้แก่ภาษาเยอรมัน ภาษาอังกฤษ ภาษาสเปน ภาษาฝรั่งเศส และภาษาโปรตุเกส ส่วนภาษาขององครักษ์ชาวสวิสของสันตะปาปาคือภาษาเยอรมัน
  2. ก่อนปี พ.ศ. 2545 ใช้ลีราวาติกัน (₤)
  3. ผู้เยี่ยมชมและนักท่องเที่ยวไม่ได้รับอนุญาตให้ขับรถภายในวาติกัน ซึ่งจะต้องได้รับอนุญาตเป็นการเฉพาะ โดยปกติจะอนุญาตเฉพาะผู้ที่ติดต่อธุระอย่างเป็นทางการในวาติกันเท่านั้น
  4. ITU-T กำหนดหมายเลข 379 ให้กับนครรัฐวาติกัน แต่นครรัฐนี้ก็ถูกรวมอยู่ในแผนการกำหนดเลขหมายของอิตาลีและใช้รหัสโทรศัพท์ 39 ของอิตาลี ตามด้วยรหัส 06 (สำหรับกรุงโรม) และ 698

อ้างอิง

  1. "Internet portal of Vatican City State". Vatican City State. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 24 พฤษภาคม 2011. สืบค้นเมื่อ 9 กรกฎาคม 2011.
  2. 2.0 2.1 "Holy See (Vatican City)". CIA—The World Factbook. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 19 มิถุนายน 2016. สืบค้นเมื่อ 4 กรกฎาคม 2018.
  3. Robbers, Gerhard (2006) Encyclopedia of World Constitutions. Infobase Publishing. ISBN 978-0-81606078-8. p. 1009
  4. Nick Megoran (2009) "Theocracy", p. 226 in International Encyclopedia of Human Geography, vol. 11, Elsevier ISBN 978-0-08-044911-1
  5. "Text of the Lateran Treaty of 1929". www.aloha.net. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 23 พฤษภาคม 2018. สืบค้นเมื่อ 4 พฤศจิกายน 2019.
  6. "Vatican City (Politics, government, and taxation)". Nations Encyclopedia. สืบค้นเมื่อ 28 พฤศจิกายน 2007.
  7. "Vatican (search)". Online Dictionary. สืบค้นเมื่อ 28 พฤศจิกายน 2007.
  8. "Comunicato del Consiglio di cardinali per lo studio dei problemi organizzativi ed economici della Santa Sede: Bilancio consuntivo consolidato 2007 della Santa sede, del Governatorato dello Stato della Città del Vaticano e Obolo di San Pietro" (ภาษาอิตาลี). คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 10 สิงหาคม 2008. สืบค้นเมื่อ 19 สิงหาคม 2008.
  9. United Nations High Commissioner for Refugees (7 มิถุนายน 1992). "Law on Citizenship and Residence, 7 June 1992". Unhcr.org. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 17 กรกฎาคม 2011. สืบค้นเมื่อ 15 ตุลาคม 2010.
  10. "Cittadinanza vaticana" (ภาษาอิตาลี). Vatican.va. 31 ธันวาคม 2001. สืบค้นเมื่อ 15 ตุลาคม 2010.
  11. "Patti Lateranensi" (ภาษาอิตาลี). vatican.va. สืบค้นเมื่อ 6 พฤศจิกายน 2013.

บรรณานุกรม

แหล่งข้อมูลอื่น


Kembali kehalaman sebelumnya