ปราปต์ปฎล สุวรรณบาง
ปราปต์ปฎล สุวรรณบาง (เกิด 9 กรกฎาคม พ.ศ. 2512) ชื่อเล่น ปราปต์ เป็นนักแสดง นายแบบ และศิลปินชาวไทย ประวัติปราปต์ปฎลเข้าสู่วงการบันเทิงในขณะที่ยังศึกษาในระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพ (ปวช.) อยู่ที่วิทยาเขตพณิชยการพระนคร โดยได้พบกับดีไซเนอร์ซึ่งเป็นแมวมองที่เซ็นทรัล ลาดพร้าว จึงเริ่มงานด้วยการถ่ายแบบ, เดินแฟชั่น และถ่ายมิวสิควีดีโอ จากนั้นจึงได้มีผลงานการแสดงครั้งแรกกับบทร้ายในเรื่อง สุภาพบุรุษที่สุดในโลก ในปี พ.ศ. 2532[1] ปราปต์ปฎล มักได้รับบทเป็นขุนศึก แม่ทัพ นายกอง จากภาพยนตร์และละครในแนวอิงประวัติศาสตร์ หรือตัวร้ายในละครโทรทัศน์หรือภาพยนตร์เรื่องต่าง ๆ การก้าวเข้าสู่วงการดนตรีถือเป็นงานอีกด้านหนึ่งที่ปราปต์รักและชื่นชอบ ด้วยบุคลิกภาพที่ชัดเจนและเป็นผู้ทำประโยชน์ในกิจกรรมสาธารณกุศลมากมาย ทำให้ปราปต์ปฎลสร้างสรรค์ผลงานเพลงของตัวเอง ในปี 2557 กับซิงเกิ้ลแรก 'แล้วพบกันเมื่อเจอ'[2] ในการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรไทยเป็นการทั่วไป พ.ศ. 2566 เขาลงสมัครรับเลือกตั้งในสังกัดพรรคไทยภักดี เขตเลือกตั้งที่ 3 กรุงเทพมหานคร แต่ไม่ได้รับการเลือกตั้ง ผลงานละครโทรทัศน์ภาพยนตร์
ผลงานเพลง
ปราปต์ปฎล สุวรรณบาง นักแสดงมากความสามารถคว้าไมค์ทำซิงเกิ้ลแรกในชีวิต กับซิงเกิ้ล แล้วพบกันเมื่อเจอ ที่มาของเพลงเริ่มจากเค้าได้มีโอกาสร้องเพลงและสามารถสร้างความสุขกับเสียงเพลงที่นำมาร้อง คำถามที่มักได้รับประจำคือ...ร้องเพลงอะไร...ร้องเพลงใคร จึงทำให้เป็นแรงบันดาลใจในการทำเพลงนี้ขึ้นมา โดยเนื้อหาของเพลงอยากบอกว่าเราไม่อาจเปลี่ยนตัวตนของเราได้ ขอแค่ยอมรับในสิ่งที่เราเป็นแค่นี้คำว่าผิดหวังและเสียใจกับความรักก็จะไม่มีอีกแล้ว.. รางวัลที่ได้รับ
ชีวิตส่วนตัวเคยคบหากับ นางอิณธิรา นาธาน ไม่ได้จดทะเบียนสมรส มีบุตรชาย 1 คน ชื่อ นายติณห์มยุต เมี้ยนกลาง ปัจจุบันคบหากับ ชนกวนันท์ สีลุน คดีความเขาถูกสังคมจับตามองจากการที่มีส่วนร่วมกับ Forex-3D แต่เจ้าตัวได้ยืนยันว่า ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องแต่อย่างใด เขาเดินทางเข้ารับทราบข้อกล่าวหาคดีฟอกเงิน จากความเกี่ยวเนื่องกับทรัพย์สินของผู้ต้องหาในคดีแชร์ลูกโซ่ Forex-3D ที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ ศูนย์ราชการแจ้งวัฒนะ บทบาทการเมืองในปี 2566 ปราบปฏล ได้เปิดตัวกับพรรคไทยภักดี โดยมีเขาจะเป็น 1 ในผู้สมัคร ส.ส.กทม. ของทางพรรค ต่อมา ปราปต์ ได้อธิบายเหตุผลในการเข้ามาทำงานการเมืองผ่านทางเฟซบุ๊ก Praptpadol Suwanbang สรุปได้ว่า หลังจากวันที่ 7 มี.ค. ได้เดินทางไปดีเอสไอ เพื่อติดตามคดีของตนเองที่ถูกดีเอสไอแจ้งข้อหาฟอกเงิน และได้มีการเปิดเผยพฤติกรรมของเจ้าหน้าที่รัฐ ที่ปราปต์ระบุว่ามีการเรียกรับเงินหลักสิบล้านบาท จากนั้นได้มีการออกรายการให้สัมภาษณ์ มีความเครียด แล้ววันที่ 9 มี.ค. ได้รับสายของนพ.วรงค์ หัวหน้าพรรคโทรหา ที่โทรมาบอกว่า อยากจะให้ใช้ความกล้าหาญที่มีอยู่ต่อสู้ต่อไป ปราปต์ บอกว่าตอนแรกลังเล แต่สุดท้ายเห็นถึงความจริงใจที่หัวหน้าพรรคโทรมาชวนเอง รับโอกาสเข้าสู่เส้นทางการต่อสู้แบบใหม่เพื่อทำให้เกิดความยุติธรรมในสังคม อ้างอิง
แหล่งข้อมูลอื่น
|