ณัฏฐพล ทีปสุวรรณ
ณัฏฐพล ทีปสุวรรณ (เกิด 29 พฤษภาคม พ.ศ. 2509) เป็นนักการเมืองชาวไทย แกนนำพรรคพลังประชารัฐ ซึ่งย้ายมาจากพรรคประชาธิปัตย์ ในปี 2556–2557 เคยร่วมชุมนุมกับกลุ่ม กปปส. และเคยดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ในรัฐบาล พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา ประวัติณัฏฐพล ทีปสุวรรณ เกิดวันที่ 29 พฤษภาคม พ.ศ. 2509 ณ บอสตัน รัฐแมสซาชูเซตส์ สหรัฐ มีชื่อเล่นว่า "ตั้น" เป็นบุตรของ วีระพันธุ์ ทีปสุวรรณ ประธานกรรมการ บมจ.ปูนซีเมนต์นครหลวง,บมจ.อยุธยา อลิอันซ์ ซี.พี. ประกันชีวิต,บมจ.ศรีอยุธยาประกันภัย และธนาคารกรุงศรีอยุธยา และจันทิมา ทีปสุวรรณ นายณัฏฐพล สมรสกับ ทยา ทีปสุวรรณ นักธุรกิจเฟอร์นิเจอร์และอุปกรณ์ตกแต่งบ้าน (สกุลเดิม "ศรีวิกรม์" เป็น บุตรีคนเล็กของ เฉลิมพันธ์ ศรีวิกรม์ อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม และ คุณหญิงศศิมา ศรีวิกรม์ ผู้ก่อตั้งโรงเรียนศรีวิกรม์ ประธานกรรมการบริหาร บมจ.อุตสาหกรรมพรมไทย หรือ "พรมไทปิง" และ บมจ.แผ่นดินทอง พร็อพเพอร์ตี้ ดีเวลลอปเม้นท์) มีบุตรธิดาด้วยกันรวม 3 คน คือ ณฤทัย ทีปสุวรรณ นรุตม์ ทีปสุวรรณ และ นฤพล ทีปสุวรรณ สำเร็จการศึกษา มัธยมศึกษา The Williston Northampton School ประเทศสหรัฐอเมริกา ปริญญาตรี คณะบริหารธุรกิจ สาขาการตลาด Boston University ประเทศสหรัฐอเมริกา ปริญญาโท สาขาการตลาด (ภาคภาษาอังกฤษ) มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ปัจจุบัน กำลังศึกษาหลักสูตรการป้องกันราชอาณาจักร รุ่นที่ ๖๔ วิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักร สถาบันวิชาการป้องกันประเทศ กองบัญชาการกองทัพไทย การทำงานวงการธุรกิจณัฏฐพล เป็นนักธุรกิจ ผู้บริหารกิจการกระเบื้องคัมพานา พรมไทปิง และพรม Royal Thai เคยเป็นผู้อำนวยการฝ่ายการตลาดและการขาย บริษัท อุตสาหกรรมพรมไทย จำกัด (มหาชน) และ กรรมการบริหาร บริษัท ไทย-เยอรมัน เซรามิค อินดัสทรีย์ จำกัด (มหาชน) นอกจากนี้ยังดำรงตำแหน่ง ผู้จัดการทั่วไป บริษัท รอยัลไทย จำกัด ประจำสาขาดูไบ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ดูแลการขยายตลาดพรม แบรนด์ "Royal Thai" ในพื้นที่ประเทศตะวันออกกลาง โดยประสานกับพาร์ตเนอร์ต่างประเทศจากดูไบ คือ เดป้า อินทีเรีย ในเครือเดป้ายูไนเต็ดกรุ๊ป บริษัทออกแบบตกแต่งภายในรายใหญ่ที่สุดในภูมิภาคตะวันออกกลาง และติดอันดับ Top 5 ของโลก วงการกีฬาณัฏฐพล ทีปสุวรรณ มีชื่อเรียกในวงการกีฬาว่า "บิ๊กตั้น" เริ่มต้นจากการดำรงตำแหน่ง เหรัญญิกสมาคมเทควันโดแห่งประเทศไทย ในยุค ณัฐ อินทรปาณ นายกสมาคมฯ คนก่อน โดยได้เข้าไปปรับกระบวนการการเงินของสมาคม ปรับปรุงสิทธิประโยชน์นักกีฬา และปรับปรุงการหาแหล่งเงินทุนสนับสนุน ต่อมา พิมล ศรีวิกรม์ พี่ชายคนโตของภรรยา ได้ขึ้นดำรงตำแหน่ง นายกสมาคมฯ ช่วงต้นปี พ.ศ. 2550 นายณัฏฐพลได้รับเลือกให้ขึ้นดำรงตำแหน่งเป็น เลขาธิการสมาคมเทควันโดแห่งประเทศไทย และได้รับการแต่งตั้งให้เป็น ผู้จัดการทีมชาติไทย นำทีมนักกีฬาเทควันโดไทย เข้าร่วมการแข่งขันเทควันโดชิงแชมป์โลก 2007 ระหว่างวันที่ 18-22 พฤษภาคม พ.ศ. 2550 ณ กรุงปักกิ่ง ประเทศจีน ผลการแข่งขันทีมชาติไทยได้ครองอันดับ 2 รองจากประเทศเกาหลีใต้ โดยมีนักกีฬาจากประเทศต่างๆ เข้าร่วมแข่งขันมากกว่า 70 ประเทศ ในส่วนของวงการฟุตบอล นณัฏฐพล เคยเป็นประธานสโมสรทีมฟุตบอลบางกอกเอฟซีระหว่างปี พ.ศ. 2554-2559 พร้อมกับเป็นกรรมการกลาง สมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ และเป็นผู้จัดการทีมชาติไทย ชุดอายุไม่เกิน 19 ปี ระหว่างปี พ.ศ. 2558-2559 โดยสามารถนำทีมชาติไทยชุดเล็กคว้าแชมป์ ฟุตบอลอาเซียนชิงแชมป์เยาวชนอายุไม่เกิน 19 ปี (AFF U-19 Youth Championship) ปี 2015 ที่ สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว ได้สำเร็จ วงการการเมืองณัฎฐพล ผันตัวเองเข้าสู่วงการเมืองโดยลงสมัครรับเลือกตั้ง สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ครั้งแรก ในการเลือกตั้ง 23 ธันวาคม พ.ศ. 2550 สังกัดพรรคประชาธิปัตย์ ผลการเลือกตั้งได้คะแนนเสียงเป็นอันดับ 4 ไม่ได้รับเลือกตั้ง โดยแพ้ สุวัฒน์ วรรณศิริกุล รองหัวหน้าพรรคพลังประชาชน และภายหลังการเลือกตั้ง ณัฏฐพล ได้รับการแต่งตั้งจากที่ประชุมพรรคประชาธิปัตย์ให้ดำรงตำแหน่งเป็น ผู้อำนวยการพรรคประชาธิปัตย์ ต่อมาในการเลือกตั้งซ่อม 11 มกราคม พ.ศ. 2552 ณัฏฐพล ลงสมัครรับเลือกตั้งอีกครั้งและได้รับการเลือกตั้งเป็น ส.ส. กรุงเทพมหานคร เขต 10 (ราษฎร์บูรณะ ทุ่งครุ จอมทอง บางขุนเทียน บางบอน) ได้รับคะแนนมากกว่า จารุวงศ์ เรืองสุวรรณ ผู้สมัครจากพรรคเพื่อไทย ประมาณ 2 หมื่นคะแนน ในปี พ.ศ. 2553 ณัฎฐพล เป็นผู้อำนวยการการเลือกตั้ง สมาชิกสภากรุงเทพมหานคร (ส.ก.) และสมาชิกสภาเขต (ส.ข.) ของพรรคประชาธิปัตย์ โดยในการเลือกตั้งครั้งนั้นพรรคประชาธิปัตย์ชนะการเลือกตั้ง ส.ก. 45 เขตเลือกตั้ง จาก 61 เขตเลือกตั้ง และชนะการเลือกตั้ง ส.ข. 210 คน จากที่มีการจัดการเลือกตั้ง 256 คน ใน 36 เขต[2] ในการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร เมื่อวันที่ 3 กรกฎาคม พ.ศ. 2554 นายณัฏฐพลลงสมัครรับเลือกตั้งในเขตเลือกตั้งที่ 26 (ราษฎร์บูรณะ ทุ่งครุ) โดยได้คะแนน 46,910 คะแนน เอาชนะ นพสรัญ วรรณศิริกุล จากพรรคเพื่อไทย ที่ได้คะแนน 45,092 คะแนน[3] ซึ่งต่อมานายณัฏฐพลได้ลาออกจากตำแหน่งเมื่อวันที่ 11 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556 เพื่อเป็นแกนนำการชุมนุมคัดค้านกฎหมายนิรโทษกรรม วิกฤตการณ์การเมืองไทย พ.ศ. 2556–2557ในวิกฤตการณ์การเมืองไทย พ.ศ. 2556–2557 ณัฏฐพล ได้ลาออกจากการเป็น ส.ส. และสมาชิกพรรค เพื่อเข้าร่วมเป็นแกนนำในการชุมนุมของกปปส. ร่วมกับคนอายุคราวเดียวกัน คือ ชุมพล จุลใส, พุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ และสกลธี ภัททิยกุล โดยนายณัฏฐพลถือเป็นแกนนำที่อาวุโสที่สุดในบรรดาแกนนำทั้ง 4 คนนี้ [4] [5] นอกจากนี้แล้ว ทยา ทีปสุวรรณ ภรรยานายณัฏฐพล ก็ได้เข้าร่วมชุมนุมในครั้งนี้ โดยถือว่าเป็นแนวร่วมเคียงข้างสามี[6] ซึ่งในวันที่ 13 มกราคม พ.ศ. 2557 ที่ทางกปปส.ชุมนุมแบบแยกเวทีออกทั้งหมดเป็น 7 เวที ปิดการจราจรตามทางแยกต่าง ๆ ในกรุงเทพมหานคร ณัฏฐพลและทยามีบทบาทเป็นแกนนำที่เวทีบริเวณแยกอโศก[7] อีกทั้งในระยะแรกของการชุมนุมที่บริเวณสถานีรถไฟสามเสน ณัฎฐพลก็เป็นผู้ออกไปสำรวจสถานที่และตัดสินใจเอาที่นี่เป็นที่ชุมนุมร่วมกับพุทธิพงษ์ และในการชุมนุมใหญ่ครั้งแรกเมื่อวันที่ 24 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556 มีการแจกสติกเกอร์จำนวน 1,000,000 แผ่น แก่ผู้ชุมนุม ณัฏฐพลก็เป็นผู้ดำเนินการในส่วนนี้ และยังเป็นผู้ดูแลเรื่องเทคนิคเครื่องเสียงบนเวทีอีกด้วย[8] ต่อมาในวันที่ 14 พฤษภาคม พ.ศ. 2557 ศาลอาญาอนุมัติหมายจับแกนนำ กปปส. รวม 43 คน ผู้ต้องหาคดีกบฏ และความผิดอื่น รวม 8 ข้อหา[9] [10] ซึ่งณัฏฐพลและพวกก็ต่อสู้คดีตามกระบวนการยุติธรรม โดยศาลสั่งปล่อยตัวชั่วคราว[11][12] พรรคพลังประชารัฐต่อมา ณัฏฐพลได้เข้าเป็นสมาชิกพรรคพลังประชารัฐ ก่อนจะได้รับเลือกเป็นรองหัวหน้าพรรค เมื่อวันที่ 29 กันยายน พ.ศ. 2561 ในการเลือกตั้งทั่วไปเมื่อวันที่ 24 มีนาคม พ.ศ. 2562 ณัฏฐพลเป็นผู้สมัครรับเลือกตั้งแบบบัญชีรายชื่อ ลำดับ 1 ของพรรคพลังประชารัฐ และได้รับการรับรองผลการเลือกตั้งเมื่อวันที่ 8 พฤษภาคม พ.ศ. 2562[13] วันที่ 10 กรกฎาคม พ.ศ. 2562 ณัฏฐพลได้รับพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่ง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ[14] วันที่ 24 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2564 ศาลอาญามีคำพิพากษาให้จำคุกณัฏฐพลเป็นเวลา 6 ปี 16 เดือน ส่งผลให้ณัฏฐพลพ้นสภาพการเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการทันที พร้อมทั้งให้ตัดสิทธิเลือกตั้งเป็นเวลา 5 ปี[15] และหยุดปฏิบัติหน้าที่ ส.ส. จนกว่าศาลรัฐธรรมนูญจะวินิจฉัยสมาชิกภาพของเขา แต่ต่อมาเขาได้ยื่นหนังสือลาออกจากตำแหน่ง ส.ส.บัญชีรายชื่อ ตั้งแต่ 29 พฤษภาคม พ.ศ. 2564 วันที่ 8 ธันวาคม พ.ศ. 2564 ศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยว่าสมาชิกภาพการเป็น ส.ส. ของณัฏฐพล ทีปสุวรรณ ผู้ถูกร้องที่ 5 สิ้นสุดลงตั้งแต่วันที่ 7 เมษายน พ.ศ. 2564[16] เครื่องราชอิสริยาภรณ์
อ้างอิง
แหล่งข้อมูลอื่น
|