จารุณี สุขสวัสดิ์
จารุณี สุขสวัสดิ์ (ฝรั่งเศส: แคโรลีน เดส์แน็ช Caroline Desneiges; เกิด 12 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2505) ชื่อเล่น เปิ้ล เป็นนักแสดงหญิงลูกครึ่งไทย-ฝรั่งเศส ศิลปินและดาวค้างฟ้าตลอดกาล เจ้าของฉายา "ดาราทอง" "ราชินีจอเงิน" "ราชินีนักบู๊" หนึ่งในตำนานนางเอกหนังไทยขวัญใจมหาชน เป็นรองประธานมูลนิธิส่งเสริมยุวเกษตรกรไทยในพระราชูปถัมภ์ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี มีบิดาเป็นชาวฝรั่งเศส ชื่อแฟร์น็อง เดส์แน็ช (Fernand Desneiges) และมารดาเป็นชาวไทย ชื่อระเบียบ สุขสวัสดิ์ ประวัติ
ก่อนจะเป็นที่รู้จักในวงการบันเทิง จารุณี สุขสวัสดิ์เคยทำงานในสวนสนุกแฮปปี้แลนด์ (คลองจั่น บางกะปิ) ทำหน้าที่จำหน่ายบัตรผ่านประตูและเครื่องดื่ม บางโอกาสก็แสดงเป็นสโนว์ไวท์ในขบวนพาเหรดของสวนสนุกและยังเคยหารายได้พิเศษด้วยการทำงานรับจ้างเป็นจับกังและคนงานก่อสร้างเพื่อส่งเสียตนเองให้มีโอกาสได้เรียนหนังสือและเจียดเงินส่งให้ครอบครัว จารุณี แสดงภาพยนตร์ครั้งแรกในสังกัดสีบุญเรืองฟิล์มเรื่อง "สวัสดีคุณครู" เป็นเรื่องแรกภายใต้การกำกับการแสดงของบรมครู "พันคำ" เมื่อปี พ.ศ. 2520 จากการส่งใบสมัครเข้าไป เพื่อต้องการหาเงินมาจุนเจือครอบครัว จนได้รับการคัดเลือก โดยแสดงร่วมกับนางเอกวัยรุ่นอีกคน คือ กาญจนา บุญประเสริฐ และเป็นนางเอกเต็มตัวในภาพยนตร์เรื่องที่สอง "รักแล้วรอหน่อย" (เรื่องเดียวกับ "วนาลี") คู่กับ สรพงศ์ ชาตรี พ.ศ. 2523 บ้านทรายทอง กำกับการแสดงโดย รุจน์ รณภพ แห่งบริษัทไฟว์สตาร์โปรดักชั่น ประสบความสำเร็จท่วมท้น ทำรายได้สูงเป็นประวัติการณ์ถึง 9 ล้านบาทซึ่งถือว่ามหาศาลในยุคนั้น ตามด้วย พจมาน สว่างวงศ์ ซึ่งทำรายได้ถล่มทลายไม่แพ้กัน ทำให้ชื่อของจารุณี สุขสวัสดิ์ เป็นที่ต้องการของบรรดาผู้สร้าง ผู้กำกับ สายหนังและแฟนภาพยนตร์ไทยจนได้รับสมญานามจากสื่อมวลชนว่าเป็น "ดาราทอง" นอกจากนี้ จารุณียังเป็นนักแสดงจอเงินเพียงผู้เดียวที่สวมบทบาทเป็นทั้ง "ปริศนา" "เจ้าสาวของอานนท์" และ "รัตนาวดี" จากนวนิยายไตรภาค บทประพันธ์ของหม่อมเจ้าวิภาวดี รังสิตหรือ ว.ณ ประมวญมารค โดยรัตนาวดีถือเป็นภาพยนตร์เรื่องสุดท้ายภายใต้การกำกับการแสดงของรุจน์ รณภพที่จารุณีแสดงให้กับบริษัทไฟว์สตาร์โปรดักชั่นในฐานะนักแสดงนำหญิง ก่อนที่หลายปีต่อมา จารุณีจะมารับบทเป็นนักแสดงสมทบให้กับบริษัทไฟว์สตาร์อีกครั้งในเรื่อง "บุญชุ 8 เพื่อเธอ" ภาพยนตร์ที่จารุณีแสดงโดยเฉพาะในยุคเฟื่องฟูนั้นจะเรียกติดปากโดยอัตโนมัติว่า "หนังจารุณี" ทั้งๆ ที่จารุณีไม่ได้เป็นผู้กำกับการแสดงหรือผู้สร้าง เพียงแต่ทำหน้าที่เป็นนักแสดงเท่านั้น ภาพยนตร์ที่จารุณีแสดงส่วนใหญ่มักได้รับการพากย์เสียงโดย ดวงดาว จารุจินดา พระเอกในวงการที่ถือเป็นคู่ขวัญของจารุณีมี 3 คน คือ สรพงศ์ ชาตรี พระเอกอันดับหนึ่งแห่งยุค, ทูน หิรัญทรัพย์ พระเอกคู่ขวัญของจารุณีที่ประชาชนให้การชื่นชอบและยอมรับมากที่สุด และพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ ที่ถือเป็นพระเอกคู่ขวัญในยุคท้ายของจารุณี จารุณี สุขสวัสดิ์ มีงานหลั่งไหลเข้ามามากมายจนได้ชื่อว่าเป็น "นางเอกคิวทอง" สามารถแสดงได้ทุกบทบาททั้งชีวิต บู๊ ตลก แก่น เซี้ยว เปรี้ยว ซนและได้รับความนิยมสูงสุดในยุคนั้น เนื่องจากจารุณีมีรัศมีความเป็นสุดยอดดารา (Superstar) แสดงภาพยนตร์เป็นธรรมชาติ มีฝีมือและเสน่ห์ (charismatic) ในการแสดงที่แพรวพราว หาตัวจับได้ยาก ไม่ว่าจะเป็นสีหน้าท่าทาง แววตา อารมณ์และความรู้สึก ภาพยนตร์ของเธอทำเงินทุกเรื่องไม่ว่าจะเป็นภาพยนตร์ฟอร์มเล็กหรือฟอร์มใหญ่ ถึงขนาดมีการการันตีว่า "ถ้าหนังเรื่องไหนได้จารุณีเป็นนางเอกแล้ว รับรองไม่มีเจ๊งหรือขาดทุนอย่างแน่นอน" แฟนภาพยนตร์เป็นจำนวนมากที่รักและศรัทธาในตัวจารุณีได้ก่อตั้ง "ชมรมสุขสวัสดิ์" ขึ้นเพื่อเผยแพร่แลกเปลี่ยนข่าวสารซึ่งกันและกัน ถือเป็นแฟนคลับยุคแรกๆ ของศิลปินที่มีชื่อเสียงในยุคนั้น ยุคที่ยังไม่มีระบบสารสนเทศและสื่ออิเล็กทรอนิกส์ที่ทันสมัยเหมือนในยุคปัจจุบัน แม้ว่าจารุณี สุขสวัสดิ์ จะเป็นนักแสดงมืออาชีพที่มีชื่อเสียงโด่งดังสุดขีดระดับตำนานประวัติศาสตร์ "ราชินีหนังไทย" และ "ราชินีจอเงิน" นับจาก เพชรา เชาวราษฎร์แล้ว ในด้านชีวิตส่วนตัวกลับต้องทำงานหนักตลอดเวลา ไม่ได้พักผ่อนเพียงพอและประสบมรสุมชีวิตหนักๆ หลายครั้ง เช่น เกิดอุบัติเหตุร้ายแรงครั้งแรกขณะขี่เรือหางยาวเพื่อถ่ายทำภาพยนตร์เรื่อง "ลูกสาวกำนัน" จนเกือบเสียชีวิต อุบัติเหตุร้ายแรงครั้งที่สอง ระหว่างเดินทางในกองถ่ายภาพยนตร์เรื่อง "บ้านสีดอกรัก" ที่เชียงใหม่ จนเกือบต้องพิการตลอดชีวิต และประสบปัญหาด้านสุขภาพ มีอาการตัวบวมเนื่องจากต่อมไทรอยด์เป็นพิษระหว่างถ่ายทำภาพยนตร์เรื่อง "วันนี้ยังมีรัก" ประกอบกับในช่วงนั้น รายได้และจำนวนการผลิตหนังไทยเริ่มลดลง เป็นผลให้จารุณี สุขสวัสดิ์ ต้องหยุดงานภาพยนตร์ไปช่วงระยะเวลาหนึ่งทั้ง ๆ ที่ยังมีชื่อเสียงอยู่ ในที่สุดจารุณี สุขสวัสดิ์ ก็ได้มีโอกาสเข้าสู่วงการละครโทรทัศน์ ผลงานละครโทรทัศน์เรื่องแรก คือ ไฟเสน่หา หลังจากนั้นจึงมีผลงานเพลงกับค่ายคีตาและงานบันเทิงด้านต่าง ๆ เช่น พิธีกร ละครเวที เป็นต้น ในวงการภาพยนตร์ไทย นางเอกภาพยนตร์ที่มีชื่อเสียงและมีดีกรีความโด่งดังระดับแม่เหล็กของวงการ เรียกว่าเป็นราชินีจอเงินที่ดังเป็นพลุ มีอยู่ 2 ท่านเท่านั้น คือ เพชรา เชาวราษฎร์ (2504-2513) และจารุณี สุขสวัสดิ์ (2520-2529) ประสบอุบัติเหตุย้อนกลับเมื่อปี 2524 จารุณีได้ประสบอุบัติเหตุกลางกองถ่าย "ลูกสาวกำนัน" ภาพยนตร์เริ่มถ่ายทำตั้งแต่ต้นปี พ.ศ. 2524 โดยวันที่ 9 กุมภาพันธ์ กองถ่ายทำภาพยนตร์ได้ถ่ายทำที่คลอง 10 รังสิต จังหวัดปทุมธานี ปรากฏว่า เวลา 10.00 น. จารุณี สุขสวัสดิ์ประสบอุบัติเหตุสะเทือนขวัญ เนื่องจากต้องเข้าฉากขับเรือหางยาวผาดโผน โดยขับเรือกระโจนด้วยความเร็วสูงข้ามเรือบดที่จอดขวางอยู่ แต่กราบขวาเรือกลับแหวกทางน้ำกระแทกเสาตอม่อสะพานข้ามคลอง ทำให้สภาพของเรือพังยับเยิน ส่วนผจญ ดวงขจร ซึ่งนั่งอยู่ทางหัวเรือ ถูกแรงอัดจากเสาสะพานเข้าที่ด้านขวาของร่างกาย ร่างของจารุณี และผจญ จึงลอยละลิ่วพลัดตกลงไปในน้ำ อาการบาดเจ็บของจารุณี มีข้อมือขวาแตก ใบหน้าด้านขวามีรอยถลอก ดั้งจมูกหัก ข้อเท้าบวม ต่อมาถูกนำส่งโรงพยาบาลเปาโล เพื่อทำการผ่าตัดฝ่ามือ และดามเส้นลวด พร้อมทั้งเข้าเฝือกที่แขน โดยพักรักษาตัวในโรงพยาบาลนานร่วมเดือนจนหายเป็นปกติ[1] ต่อมาในปี 2527 จารุณีได้ประสบอุบัติเหตุอีกครั้งในการถ่ายทำภาพยนตร์เรื่อง "บ้านสีดอกรัก" เกิดอุบัติเหตุทางรถยนต์ขณะถ่ายทำที่เชียงใหม่ ซึ่งมีดาราหลายคนที่ร่วมโดยสารไปด้วยและได้รับบาดเจ็บ เช่น เนาวรัตน์ ยุกตะนันทน์ ธงไชย แมคอินไตย์ พรพรรณ และ สรพงศ์ ชาตรี ในเหตุการณ์นี้ผู้ที่ได้รับบาดเจ็บสาหัสที่สุดคือตัวจารุณีเอง[2] ผลงานภาพยนตร์
ผลงานละครโทรทัศน์
พิธีกรรายการ 2 ป. ขอเล่าเรื่อง คู่กับ อัญชะลี ไพรีรัก ช่อง ท็อปนิวส์ รายการ Top Health Story สุขภาพแบบท็อป ๆ ช่อง เจเคเอ็น 18 ละครสั้น
ผลงานเพลง
คอนเสิร์ต
มิวสิกวิดีโอ
รางวัลที่ได้รับสาขานำหญิง
สาขาสมทบหญิง
สาขาอื่น ๆ
อ้างอิง
แหล่งข้อมูลอื่นวิกิคำคมมีคำคมเกี่ยวกับ จารุณี สุขสวัสดิ์
|