Share to:

 

ประเทศเอธิโอเปีย

9°00′N 38°42′E / 9°N 38.7°E / 9; 38.7

สหพันธ์สาธารณรัฐประชาธิปไตยเอธิโอเปีย

ชื่อในภาษาราชการ
ตราแผ่นดินของเอธิโอเปีย
ตราแผ่นดิน
ที่ตั้งของเอธิโอเปีย
เมืองหลวง
และเมืองใหญ่สุด
อาดดิสอาบาบา
9°1′N 38°45′E / 9.017°N 38.750°E / 9.017; 38.750
ภาษาราชการโซมาลี
ทือกรึญญา
อาฟาร์
อามารา
โอโรโม[1][2][3]
กลุ่มชาติพันธุ์
(ค.ศ. 2007[5][6])
ศาสนา
(ค.ศ. 2016[7])
การปกครองสหพันธ์ สาธารณรัฐระบบรัฐสภา[8]
Taye Atske Selassie
อาบีย์ อาห์เม็ด
สภานิติบัญญัติสมัชชารัฐสภากลาง
สภาสหพันธ์
สภาผู้แทนราษฎร
การก่อตั้ง
• ก่อตั้งจักรวรรดิ
ค.ศ. 1270
7 พฤษภาคม ค.ศ. 1769
11 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 1855
ค.ศ. 1904
9 พฤษภาคม ค.ศ. 1936
31 มกราคม ค.ศ. 1942
• เริ่มต้นการปกครองของเผด็จการทหารเดร์ก
12 กันยายน ค.ศ. 1974
28 พฤษภาคม ค.ศ. 1991
21 สิงหาคม ค.ศ. 1995
พื้นที่
• รวม
1,104,300[9] ตารางกิโลเมตร (426,400 ตารางไมล์) (อันดับที่ 26)
0.7
ประชากร
• 2021 ประมาณ
117,876,227[10] (อันดับที่ 12)
• สำมะโนประชากร 2007
73,750,932[6]
92.7 ต่อตารางกิโลเมตร (240.1 ต่อตารางไมล์) (อันดับที่ 123)
จีดีพี (อำนาจซื้อ) 2022 (ประมาณ)
• รวม
4.01 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ[11] (อันดับที่ 58)
3,407 ดอลลาร์สหรัฐ[12]
จีดีพี (ราคาตลาด) 2022 (ประมาณ)
• รวม
1.22591 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ[12] (อันดับที่ 65)
1,040 ดอลลาร์สหรัฐ[12]
จีนี (ค.ศ. 2015)Negative increase 35.0[13]
ปานกลาง
เอชดีไอ (ค.ศ. 2019)เพิ่มขึ้น 0.485[14]
ต่ำ · อันดับที่ 173
สกุลเงินBirr (ETB)
เขตเวลาUTC+3 (เวลาแอฟริกาตะวันออก)
ขับรถด้านขวามือ
รหัสโทรศัพท์+251
โดเมนบนสุด.et

เอธิโอเปีย (อังกฤษ: Ethiopia; โซมาลี: Itoobiya; ทือกรึญญา: ኢትዮጵያ; อาฟาร์: Itiyoppiya; อามารา: ኢትዮጵያ, ออกเสียง [i.tjo.p’ja]; โอโรโม: Itiyoophiyaa) หรือชื่อทางการคือ สหพันธ์สาธารณรัฐประชาธิปไตยเอธิโอเปีย (อังกฤษ: Federal Democratic Republic of Ethiopia; โซมาลี: Jamhuuriyadda Dimuqraadiga Federaalka Itoobiya; ทือกรึญญา: ፌዴራላዊ ዴሞክራሲያዊ ሪፐብሊክ ኢትዮጵያ; อาฟาร์: Itiyoppiya Federaalak Demokraatik Rippeblikih; อามารา: የኢትዮጵያ ፌዴራላዊ ዴሞክራሲያዊ ሪፐብሊክ; โอโรโม: Rippabliikii Federaalawaa Dimokraatawaa Itiyoophiyaa) เป็นประเทศที่ไม่มีทางออกสู่ทะเลที่ตั้งอยู่ในส่วนแหลมของทวีปแอฟริกาในแอฟริกาตะวันออก มีพรมแดนติดกับเอริเทรียทางตอนเหนือ จิบูตีทางตะวันออกเฉียงเหนือ โซมาเลียทางทิศตะวันออกและตะวันออกเฉียงใต้ เคนยาทางทิศใต้ ซูดานใต้ทางทิศตะวันตก และซูดานทางตะวันตกเฉียงเหนือ[a][15] เอธิโอเปียครอบคลุมพื้นที่ 1,112,000 ตารางกิโลเมตร (472,000 ตารางไมล์)[16] ข้อมูลเมื่อ 2023, มีประชากรอยู่ประมาณ 128 ล้านคน ทำให้เป็นประเทศที่มีประชากรมากเป็นอันดับที่ 13 ของโลก มีประชากรมากเป็นอันดับที่ 2 ในแอฟริการองจากไนจีเรีย และเป็นประเทศที่ไม่มีทางออกสู่ทะเลที่มีประชากรมากที่สุดในโลก[17][18] อาดดิสอาบาบา เมืองหลวงและเมืองที่ใหญ่ที่สุดของประเทศ อยู่ห่างจากรอยแยกแอฟริกาตะวันออกหลายกิโลเมตร ซึ่งแบ่งประเทศออกเป็นแผ่นเปลือกโลกแอฟริกาและโซมาเลีย[19]

มนุษย์สมัยใหม่ที่มีโครงสร้างทางกายวิภาคถือกำเนิดมาจากเอธิโอเปียในยุคปัจจุบัน และออกเดินทางสู่ตะวันออกใกล้และที่อื่น ๆ ในยุคหินเก่าตอนกลาง[20][21][22][23][24] ทางตะวันตกเฉียงใต้ของเอธิโอเปียได้รับการเสนอให้เป็นแหล่งกำเนิดของตระกูลภาษาแอโฟรเอชีแอติก[25] เอธิโอเปียเป็นประเทศที่เก่าแก่ที่สุดของแอฟริกา และเป็นหนึ่งในประเทศที่เก่าแก่ที่สุดในโลกด้วยประวัติศาสตร์ยาวนานกว่า 3,000 ปี[26][27]ใน 980 ปีก่อนคริสต์ศักราช อาณาจักร D'mt ได้ขยายอาณาจักรเหนือเอริเทรียและทางตอนเหนือของเอธิโอเปีย ในขณะที่อาณาจักรอักซุมยังคงรักษาอารยธรรมที่เป็นเอกภาพในภูมิภาคนี้เป็นเวลา 900 ปี โดยศาสนาคริสต์ได้รับการยอมรับจากอาณาจักรในปี 330[28] หลังจากการล่มสลายของอาณาจักรอักซุมใน ค.ศ. 960 ราชวงศ์ซากเวได้ปกครองส่วนทางตอนเหนือและตอนกลางของเอธิโอเปีย จนกระทั่งถูกเยคูโน อัมลัค โค่นล้มใน ค.ศ. 1270 เป็นการก่อตั้งจักรวรรดิเอธิโอเปียและราชวงศ์โซโลมอน เมื่อถึงคริสต์ศตวรรษที่ 14 จักรวรรดิเติบโตขึ้นผ่านการขยายอาณาเขตและการต่อสู้กับดินแดนที่อยู่ติดกัน สิ่งที่น่าสังเกตมากที่สุดคือ สงครามเอธิโอเปีย–อาดาล (ค.ศ. 1529–1543) มีส่วนทำให้เกิดการแบ่งแยกของจักรวรรดิ ซึ่งท้ายที่สุดก็ตกอยู่ภายใต้การกระจายอำนาจที่เรียกว่า เซเมเน เมซาฟินต์ ในช่วงกลางคริสต์ศตวรรษที่ 18 จักรพรรดิเทโวโดรอสที่ 2 ทรงสละราชบัลลังก์เซเมเน เมซาฟินต์เมื่อต้นรัชสมัยของพระองค์ใน ค.ศ. 1855 ซึ่งถือเป็นการรวมตัวกันอีกครั้งของจักรวรรดิ[29]

ตั้งแต่ ค.ศ. 1878 เป็นต้นมา จักรพรรดิเมเนลิกที่ 2 ทรงเปิดการพิชิตดินแดนหลายครั้งซึ่งส่งผลให้เกิดพรมแดนปัจจุบันของเอธิโอเปีย ในช่วงปลายคริสต์ศตวรรษที่ 19 เอธิโอเปียต้องปกป้องประเทศจากการรุกรานจากต่างประเทศ รวมทั้งจากอียิปต์และอิตาลี เป็นผลให้เอธิโอเปียรักษาอำนาจอธิปไตยของตนไว้ในช่วงการอาณานิคมแอฟริกา ใน ค.ศ. 1936 เอธิโอเปียถูกอิตาลีฟาสซิสต์ยึดครอง และผนวกกับเอริเทรียและโซมาลีแลนด์ที่อิตาลียึดครอง ต่อมาได้ก่อตั้งแอฟริกาตะวันออกของอิตาลี ใน ค.ศ. 1941 ระหว่างสงครามโลกครั้งที่สอง กองทัพอังกฤษยึดครอง และได้ฟื้นฟูอธิปไตยโดยกองทัพอังกฤษอย่างสมบูรณ์ใน ค.ศ. 1944 หลังจากช่วงการปกครองของทหารคือเดร์ก ซึ่งเป็นรัฐบาลเผด็จการทหารที่ได้รับการสนับสนุนจากสหภาพโซเวียตขึ้นสู่อำนาจใน ค.ศ. 1974 หลังจากโค่นล้มจักรพรรดิฮัยเลอ ซึลลาเซที่ 1 และราชวงศ์ซาโลมอน และได้ปกครองประเทศมาเกือบ 17 ปีท่ามกลางสงครามกลางเมืองเอธิโอเปีย หลังจากการล่มสลายของเดร์กใน ค.ศ. 1991 แนวร่วมประชาธิปไตยประชาชนปฏิวัติเอธิโอเปีย (EPPRDF) ได้ปกครองประเทศด้วยรัฐธรรมนูญใหม่และสหพันธรัฐตามชาติพันธุ์ ตั้งแต่นั้นมา เอธิโอเปียต้องเผชิญการปะทะกันระหว่างกลุ่มชาติพันธุ์ที่ยืดเยื้อ รวมถึงความไม่มั่นคงทางการเมือง ตั้งแต่ ค.ศ. 2018 กลุ่มต่าง ๆ ตามภูมิภาคและกลุ่มชาติพันธุ์ได้ก่อเหตุโจมตีด้วยอาวุธในสงครามที่ดำเนินอยู่หลายครั้งทั่วเอธิโอเปีย[30]

เอธิโอเปียเป็นรัฐที่มีความหลากหลายทางชาติพันธุ์ซึ่งมีกลุ่มชาติพันธุ์มากกว่า 80 กลุ่ม ศาสนาคริสต์เป็นศาสนาที่ได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวางที่สุดในประเทศ โดยมีผู้นับถือศาสนาอิสลามจำนวนน้อยและมีเปอร์เซ็นต์เพียงเล็กน้อย รัฐอธิปไตยนี้เป็นสมาชิกผู้ก่อตั้งสหประชาชาติ กลุ่ม 24 ขบวนการไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใด กลุ่ม 77 และองค์การเอกภาพแอฟริกา อาดดิสอาบาบาเป็นสำนักงานใหญ่ของสหภาพแอฟริกา หอการค้าและอุตสาหกรรมแอฟริกา คณะกรรมาธิการเศรษฐกิจแห่งสหประชาชาติสำหรับแอฟริกา และองค์การนอกภาครัฐ เอธิโอเปียเข้าเป็นสมาชิกบริกส์เต็มรูปแบบใน ค.ศ. 2024[31]เอธิโอเปียเป็นหนึ่งในประเทศที่มีการพัฒนาน้อยที่สุด แต่บางครั้งก็ถือเป็นมหาอำนาจที่เกิดขึ้นใหม่[32][33] โดยเป็นประเทศที่มีการเติบโตทางเศรษฐกิจที่เร็วที่สุดในประเทศแถบแอฟริกาใต้สะฮารา เนื่องจากมีการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศในการขยายอุตสาหกรรมการเกษตรและการผลิต[34] เกษตรกรรมเป็นภาคเศรษฐกิจที่ใหญ่ที่สุดของประเทศ โดยคิดเป็นร้อยละ 36 ของผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศใน ค.ศ. 2020[35] อย่างไรก็ตาม ในด้านรายได้ต่อหัวและดัชนีการพัฒนามนุษย์[36] ประเทศนี้ถือว่าเป็นประเทศที่ยากจน มีอัตราความยากจนสูง[37] สิทธิมนุษยชนต่ำ การเลือกปฏิบัติทางชาติพันธุ์อย่างกว้างขวาง และอัตราการรู้หนังสือเพียงร้อยละ 49[38]

ประวัติศาสตร์

จักรวรรดิ

ราชอาณาจักรอิตาลีโจมตีเอธิโอเปียเมื่อ พ.ศ. 2479 และเข้าครอบครองได้สำเร็จใน พ.ศ. 2484 จักรพรรดิองค์สุดท้ายของเอธิโอเปีย เฮลี เซลาสซีที่ 1 เป็นผู้จัดตั้งระบบรัฐสภาเมื่อ พ.ศ. 2474

คอมมิวนิสต์

ตั้งแต่ พ.ศ. 2515 เกิดความแห้งแล้งอย่างต่อเนื่องจนเกิดความวุ่นวายภายในประเทศ จักรพรรดิเซลาสซีสละราชบัลลังก์เมื่อ พ.ศ. 2517 เปลี่ยนการปกครองเป็นระบอบสาธารณรัฐเมื่อ พ.ศ. 2518 นอกจากนั้นยังเกิดสงครามภายในระหว่างกลุ่มการเมืองและเผ่าต่าง ๆ ที่ได้รับการสนับสนุนจากซูดานและโซมาเลีย พ.ศ. 2521 เอธิโอเปียได้รับความช่วยเหลือจากสหภาพโซเวียตจนรบชนะทหารโซมาเลีย และมีการลงนามในสนธิสัญญาสันติภาพระหว่างกันเมื่อ พ.ศ. 2531

การเมือง

เอธิโอเปียปกครองในระบอบประชาธิปไตยแบบสหพันธรัฐ มีประธานาธิบดีเป็นประมุข แบ่งการปกครองเป็น 9 รัฐ และ 2 เขตเป็นการปกครองพิเศษ ได้แก่ อาดดิสอาบาบา และเขตปกครองพิเศษไดร์ดาวา แม้เดิมเอธิโอเปียในระบอบกษัตริย์ ในปี 2517 มีการปฏิวัติรัฐประหารยึดอำนาจรัฐบาล และโค่นล้มระบอบกษัตริย์ในปีต่อมา จากนั้นได้ปกครองประเทศด้วยสังคมนิยม และเปลี่ยนเป็นประชาธิปไตยในปี พ.ศ. 2534 แต่อย่างไรก็ตามก็ยังเกิดความวุ่นวายทางการเมืองอยู่เสมอ โดยรัฐบาลถูกกล่าวหาจากฝ่ายค้านว่าทุจริตการเลือกตั้ง

ฝ่ายบริหารได้แก่

  • ประธานาธิบดี เป็นประมุขประเทศมาจากการเลือกตั้งโดยสภาผู้แทนราษฏร มีวาระการดำรงตำแหน่ง 6 ปี
  • นายกรัฐมนตรี เป็นหัวหน้ารัฐบาล มาจากการเสนอชื่อของพรรครัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง
  • ฝ่ายนิติบัญญัติประกอบด้วย 2 สภา ได้แก่
  • สภาแห่งสหพันธรัฐมีลักษณะเดียวกับวุฒิสภา มี 112 ที่นั่ง
  • สภาผู้แทนราษฏร มี 547 ที่นั่ง

ภูมิศาสตร์

แผนที่ทางภูมิศาสตร์ของเอธิโอเปีย

ด้วยพื้นที่ 1,104,300 ตารางกิโลเมตร (426,372.61 ตารางไมล์),[9] เอธิโอเปียเป็นประเทศที่ใหญ่เป็นอันดับ 28 ของโลก ซึ่งมีขนาดพอ ๆ กับโบลิเวีย อยู่ระหว่างเส้นขนานที่ 3 เหนือกับเส้นขนานที่ 15 เหนือ และลองจิจูดเส้นเมริเดียนที่ 33 ตะวันออก และเส้นเมริเดียนตะวันออกที่ 48

พื้นที่ส่วนใหญ่ของเอธิโอเปียตั้งอยู่ในจะงอยแอฟริกา ซึ่งอยู่ทางตะวันออกสุดของทวีปแอฟริกา ดินแดนที่มีพรมแดนติดกับเอธิโอเปีย ได้แก่ เอริเทรีย จิบูตี โซมาเลีย เคนยา ซูดานใต้ และซูดาน ภายในเอธิโอเปียเป็นพื้นที่สูงสลับซับซ้อนที่ประกอบด้วยภูเขาและที่ราบสูงที่แยกออกเป็นสัดส่วนโดยหุบเขาเกรตริฟต์ ซึ่งทอดยาวไปทางตะวันตกเฉียงใต้ไปทางตะวันออกเฉียงเหนือ และล้อมรอบด้วยที่ราบลุ่มและทุ่งหญ้าสเตปป์ เอธิโอเปียมีภูมิประเทศที่หลากหลายโดยมีสภาพอากาศ ดิน พืชพรรณตามธรรมชาติ และรูปแบบการตั้งถิ่นฐานที่หลากหลาย

เศรษฐกิจ

เศรษฐกิจเอธิโอเปียยังพึ่งพารายได้จากภาคกสิกรรมเป็นหลัก แม้รัฐบาลจะได้ปฏิรูปที่ดินเพื่อเพิ่มผลผลิตทางการเกษตร แต่เท่าที่ผ่านมายังไม่ประสบผลสำเร็จ เนื่องจากขาดการวางแผนที่ดี และการเพาะปลูกยังพึ่งพาแหล่งน้ำฝนตามธรรมชาติอยู่เกือบทั้งหมด มีปัญหาการชลประทานรวมทั้งวิธีการเพาะปลูกที่ล้าสมัย ในขณะเดียวกันภาคบริการของเอธิโอเปียก็เติบโตอย่างรวดเร็วจนกระทั่งปัจจุบันมีสัดส่วนประมาณร้อยละ 40 ของรายได้ประชาชาติ โดยภาคส่วนที่มีอัตราการเติบโตสูงได้แก่การบริการที่เกี่ยวกับการท่องเที่ยว การก่อสร้างที่อยู่อาศัยและการคมนาคม รัฐบาลเอธิโอเปียมีนโยบายส่งเสริมการท่องเที่ยว เนื่องจากมีแหล่งท่องเที่ยวมากมายทั้งสถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์ รวมทั้งสัตว์ป่า แต่อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวของเอธิโอเปียยังไม่มีการบริหารจัดการที่ดีเท่าใดนัก และยังล้าหลังเคนยาอยู่มาก ปัจจุบันมีนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้ามาเอธิโอเปียประมาณปีละ 2 แสนคน

นับตั้งแต่ปี 2534 เป็นต้นมา รัฐบาลได้ดำเนินนโยบายเศรษฐกิจแบบเสรีโดยอิงแนวทางของธนาคารโลก (World Bank) และกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ภายใต้กรอบนโยบาย Sustainable Development and Poverty Reduction Programme (SDPRP) ตามเงื่อนไขของ IMF และประเทศผู้บริจาคต่าง ๆ ซึ่งถือได้ว่าประสบผลสำเร็จในระดับหนึ่ง แต่ก็ยังไม่เป็นที่พอใจของนักลงทุน และบรรดาประเทศผู้บริจาคต่าง ๆ เนื่องจากการปฏิรูปเศรษฐกิจนำไปสู่ระบบเสรีเป็นไปอย่างค่อยเป็นค่อยไป การแปรรูปรัฐวิสาหกิจยังมีน้อย และโครงสร้างทางเศรษฐกิจ เช่น ถนน และระบบสาธารณูปโภค ยังไม่เอื้อต่อการลงทุนขนาดใหญ่

ความสำเร็จของการปฏิรูปเศรษฐกิจของเอธิโอเปียขึ้นอยู่กับความช่วยเหลือที่ได้รับจากประเทศผู้บริจาคเป็นสำคัญ ซึ่งในช่วงเวลา 12 เดือนที่ผ่านมา ได้มีหลายเหตุการณ์ที่ทำให้ประเทศผู้บริจาคมีความห่วงกังวล เช่น การปราบปรามผู้ประท้วงฝ่ายค้านอย่างรุนแรง สงครามกับกลุ่มมุสลิมหัวรุนแรงในโซมาเลีย และปัญหาชายแดนกับเอริเทรีย นอกจากนี้ กลุ่มกบฏ Ogaden National Liberation Front (ONLF) ยังได้โจมตีฐานขุดเจาะน้ำมันของจีนที่เมือง Ogaden เมื่อเดือนเมษายน 2550 ทำให้ผู้ลงทุนต่างชาติในเอธิโอเปียขาดความมั่นใจ ทั้งนี้ นักวิเคราะห์คาดว่า เศรษฐกิจเอธิโอเปียจะเติบโตในอัตราร้อยละ 7.5 ในปี 2550-2551 มีบริษัทต่างชาติใหม่ ๆ เข้าไปลงทุนในเอธิโอเปีย เช่น Starbucks รวมทั้งการลงทุนการผลิตพลังงานชีวภาพก็เพิ่มขึ้นด้วย

ประชากรศาสตร์

กลุ่มชาติพันธุ์

และชาติพันธุ์อื่น ๆ อีกร้อยละ 11[39][40]

ศาสนา

จากการสำรวจสำมะโนประชากรปี พ.ศ. 2550 พบว่าชาวเอธิโอเปียร้อยละ 62.8 นับถือศาสนาคริสต์ (ในจำนวนนี้เป็นผู้นับถือนิกายเอธิโอเปียนคอปติกออร์ทอดอกซ์ร้อยละ 43.5 และนิกายอื่น ๆ ร้อยละ 19.3), ร้อยละ 33.9 นับถือศาสนาอิสลาม, ร้อยละ 2.6 นับถือความเชื่อดั้งเดิม และร้อยละ 0.6 นับถือศาสนาอื่น ๆ [39]

วัฒนธรรม

ในวันที่เป็นชนเผ่าจะมีความเป็นเอกลักษณ์ซึ่งดูได้จากหลังคาที่นำมาทำขอหมู่บ้านต่าง ๆ เอธิโอเปียเป็นแหล่งกำเนิดมนุษย์ยุคแรก แต่ไม่ใช่อาณาจักรแรก เพราะยังคงไม่มีความเจริญทางปัญญา แต่มีเครื่องมือเครื่องใช้ที่ประดิษฐ์ขึ้นเก่าแก่ที่สุดในโลก การตั้งชื่อคนแบบเอธิโอเปียนำมาใช้เช่นเดียวกับในประเทศพม่าคือ ใช้ชื่อพ่อหรือปู่แทนนามสกุล[ต้องการอ้างอิง] การนับวันในเอธิโอเปียใช้ปฏิทินแบบเอธิเปีย ภาษาประจำชาติของเอธิโอเปียคือภาษาอามาราซึ่งเป็นภาษาแรก ๆ ที่มีระบบการเขียนในแอฟริกา

อ้างอิง

  1. "Ethiopia to Add 4 more Official Languages to Foster Unity". Ventures Africa. 4 March 2020. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 14 March 2020. สืบค้นเมื่อ 2 February 2021.
  2. "Ethiopia is adding four more official languages to Amharic as political instability mounts". Nazret. Nazret. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2021-08-17. สืบค้นเมื่อ 2 February 2021. {{cite web}}: ระบุ |accessdate= และ |access-date= มากกว่าหนึ่งรายการ (help); ระบุ |archivedate= และ |archive-date= มากกว่าหนึ่งรายการ (help); ระบุ |archiveurl= และ |archive-url= มากกว่าหนึ่งรายการ (help)
  3. Shaban, Abdurahman. "One to five: Ethiopia gets four new federal working languages". Africa News. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 15 December 2020. สืบค้นเมื่อ 23 October 2020.
  4. "Ethiopian Constitution".
  5. "Table 2.2 Percentage distribution of major ethnic groups: 2007" (PDF). Summary and Statistical Report of the 2007 Population and Housing Census Results. Population Census Commission. p. 16. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิม (PDF)เมื่อ 25 March 2009. สืบค้นเมื่อ 14 December 2020. {{cite web}}: ระบุ |accessdate= และ |access-date= มากกว่าหนึ่งรายการ (help); ระบุ |archivedate= และ |archive-date= มากกว่าหนึ่งรายการ (help); ระบุ |archiveurl= และ |archive-url= มากกว่าหนึ่งรายการ (help)
  6. 6.0 6.1 "Country Level". 2007 Population and Housing Census of Ethiopia. CSA. 13 July 2010. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 8 February 2019. สืบค้นเมื่อ 18 January 2013.
  7. "Ethiopia- The World Factbook". www.cia.gov/the-world-factbook/. Central Intelligence Agency (CIA). สืบค้นเมื่อ 19 July 2021.
  8. "Zenawism as ethnic-federalism" (PDF).
  9. 9.0 9.1 "CIA World Factbook – Rank Order – Area". คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 9 February 2014. สืบค้นเมื่อ 2 February 2008. {{cite web}}: ระบุ |accessdate= และ |access-date= มากกว่าหนึ่งรายการ (help); ระบุ |archivedate= และ |archive-date= มากกว่าหนึ่งรายการ (help); ระบุ |archiveurl= และ |archive-url= มากกว่าหนึ่งรายการ (help)
  10. "Ethiopia Population 2021 (Demographics, Maps, Graphs)". คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 23 May 2021. สืบค้นเมื่อ 23 May 2021. {{cite web}}: ระบุ |accessdate= และ |access-date= มากกว่าหนึ่งรายการ (help); ระบุ |archivedate= และ |archive-date= มากกว่าหนึ่งรายการ (help); ระบุ |archiveurl= และ |archive-url= มากกว่าหนึ่งรายการ (help)
  11. "GDP, PPP (current international $) - Ethiopia, October 2020". WorldBank.org. World Bank. สืบค้นเมื่อ 1 April 2020.
  12. 12.0 12.1 12.2 "World Economic Outlook Database, October 2020". IMF.org. International Monetary Fund. สืบค้นเมื่อ 1 December 2020.
  13. "Gini Index coefficient". CIA World Factbook. สืบค้นเมื่อ 16 July 2021.
  14. Human Development Report 2020 The Next Frontier: Human Development and the Anthropocene (PDF). United Nations Development Programme. 15 December 2020. pp. 343–346. ISBN 978-92-1-126442-5. สืบค้นเมื่อ 16 December 2020.
  15. Ethiopia, Embassy Of (30 July 2023). "Overview Of Ethiopia". Embassy Of Ethiopia Washington. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2024-02-25. สืบค้นเมื่อ 2024-02-19.
  16. Ethiopia, Embassy Of Ethiopia (30 July 2023). "About Ethiopia". Embassy Of Ethiopia Washington. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2024-02-25. สืบค้นเมื่อ 2024-02-19.
  17. "Population Projections for Ethiopia 2007–2037". www.csa.gov.et. เก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 3 August 2020. สืบค้นเมื่อ 25 September 2020.
  18. "Ethiopia". The World Factbook (2024 ed.). Central Intelligence Agency. สืบค้นเมื่อ 24 September 2022. (Archived 2022 edition)
  19. "Ethiopia". The World Factbook. CIA. สืบค้นเมื่อ 5 April 2021.
  20. Kessler, David F. (2012). The Falashas : a Short History of the Ethiopian Jews. Routledge. ISBN 978-1-283-70872-2. OCLC 819506475.
  21. Hopkin, Michael (16 February 2005). "Ethiopia is top choice for cradle of Homo sapiens". Nature. doi:10.1038/news050214-10. ISSN 0028-0836.
  22. Li, J.Z.; Absher, D.M.; Tang, H.; Southwick, A.M.; Casto, A.M.; Ramachandran, S.; Cann, H.M.; Barsh, G.S.; Feldman, M.; Cavalli-Sforza, L.L.; Myers, R.M. (2008). "Worldwide Human Relationships Inferred from Genome-Wide Patterns of Variation". Science. 319 (5866): 1100–04. Bibcode:2008Sci...319.1100L. doi:10.1126/science.1153717. PMID 18292342. S2CID 53541133.
  23. "Humans Moved From Africa Across Globe, DNA Study Says". Bloomberg News. 21 February 2008. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 29 June 2011. สืบค้นเมื่อ 16 March 2009.
  24. Kaplan, Karen (21 February 2008). "Around the world from Addis Ababa". Los Angeles Times. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 3 June 2013. สืบค้นเมื่อ 16 March 2009. {{cite web}}: ระบุ |accessdate= และ |access-date= มากกว่าหนึ่งรายการ (help); ระบุ |archivedate= และ |archive-date= มากกว่าหนึ่งรายการ (help); ระบุ |archiveurl= และ |archive-url= มากกว่าหนึ่งรายการ (help)
  25. Blench, Roger (2006). Archaeology, Language, and the African Past (ภาษาอังกฤษ). AltaMira Press. pp. 150–163. ISBN 978-0759104662.
  26. "Ethiopia". November 2023.
  27. "Ethiopia | People, Flag, Religion, Capital, Map, Population, War, & Facts | Britannica". 31 October 2023.
  28. Moore, Dale H. (1936). "Christianity in Ethiopia". Church History. 5 (3): 271–284. doi:10.2307/3160789. ISSN 0009-6407. JSTOR 3160789. S2CID 162029676.
  29. "Ethnicity and Power in Ethiopia" (PDF). 12 April 2022.
  30. BBC Staff (3 November 2020). "Ethiopia attack: Dozens 'rounded up and killed' in Oromia state". BBC (ภาษาอังกฤษ). สืบค้นเมื่อ 25 May 2021.
  31. "Egypt, Iran, Saudi Arabia, UAE, Ethiopia formally join BRICS". Daily News Egypt. 1 January 2024. สืบค้นเมื่อ 1 January 2024.
  32. "5 reasons why Ethiopia could be the next global economy to watch". World Economic Forum (ภาษาอังกฤษ). 6 September 2019. สืบค้นเมื่อ 10 March 2022.
  33. Africa, Somtribune (29 August 2020). "Ethiopia Can Be Africa's Next Superpower". SomTribune (ภาษาอังกฤษแบบบริติช). สืบค้นเมื่อ 10 March 2022.
  34. "Overview". World Bank (ภาษาอังกฤษ). สืบค้นเมื่อ 2022-06-13.
  35. "Agriculture in Ethiopia: data shows for a large part Agriculture still retained its majority share of the economy". The Low Ethiopian Reports. 16 June 2022. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิมเมื่อ 2023-06-06. สืบค้นเมื่อ 2024-02-19.
  36. "Overview". World Bank (ภาษาอังกฤษ). สืบค้นเมื่อ 23 December 2021.
  37. "Ethiopia Poverty Assessment". World Bank (ภาษาอังกฤษ). สืบค้นเมื่อ 17 December 2018.
  38. "Major problems facing Ethiopia today". Africaw.
  39. 39.0 39.1 Berhanu Abegaz, Ethiopia: A Model Nation of MinoritiesPDF (51.7 KB) . Retrieved 6 April 2006. อ้างอิงผิดพลาด: ป้ายระบุ <ref> ไม่สมเหตุสมผล มีนิยามชื่อ "bx" หลายครั้งด้วยเนื้อหาต่างกัน
  40. Embassy of Ethiopia, Washington, DC เก็บถาวร 2008-01-30 ที่ เวย์แบ็กแมชชีน. Retrieved 6 April 2006.

ข้อมูลทั่วไป

  • Abir, Mordechai (1968). Ethiopia: The Era of the Princes; The Challenge of Islam and the Re-unification of the Christian Empire (1769–1855). London, England: Longmans.
  • Beshah, Girma; Aregay, Merid Wolde (1964). The Question of the Union of the Churches in Luso-Ethiopian Relations (1500–1632). Lisbon: Junta de Investigações do Ultramar and Centro de Estudos Históricos Ultramarinos.
  • Lyons, Terrence (1996). "Closing the Transition: the May 1995 Elections in Ethiopia". The Journal of Modern African Studies. 34 (1): 121–42. doi:10.1017/S0022278X00055233.
  • Munro-Hay, Stuart (1991). Aksum: An African Civilization of Late Antiquity (PDF). Edinburgh: University Press. ISBN 978-0-7486-0106-6. คลังข้อมูลเก่าเก็บจากแหล่งเดิม (PDF)เมื่อ 23 January 2013. สืบค้นเมื่อ 3 March 2012. {{cite book}}: ระบุ |accessdate= และ |access-date= มากกว่าหนึ่งรายการ (help); ระบุ |archivedate= และ |archive-date= มากกว่าหนึ่งรายการ (help); ระบุ |archiveurl= และ |archive-url= มากกว่าหนึ่งรายการ (help)
  • Valdes Vivo, Raul (1977). Ethiopia's Revolution. New York, NY: International Publishers. ISBN 978-0-7178-0556-3.

อ่านเพิ่ม

  • Keller, Edmond (1991). Revolutionary Ethiopia From Empire to People's Republic. Indiana University Press. ISBN 9780253206466.

แหล่งข้อมูลอื่น


อ้างอิงผิดพลาด: มีป้ายระบุ <ref> สำหรับกลุ่มชื่อ "lower-alpha" แต่ไม่พบป้ายระบุ <references group="lower-alpha"/> ที่สอดคล้องกัน

Kembali kehalaman sebelumnya