จักรพรรดิดาไรอัสที่ 2
ดาริอุสที่ 2 (เปอร์เซียโบราณ: 𐎭𐎠𐎼𐎹𐎺𐎢𐏁 Dārayavaʰuš; กรีก: Δαρεῖος Dareios) หรือที่รู้จักกันในพระนาม โอคัส (กรีก: Ὦχος Ochos) เป็นพระราชาธิราชแห่งจักรวรรดิอะคีเมนิด ระหว่างตั้งแต่ 423 ปีก่อนคริสตกาลจนถึง 405[1] หรือ 404 ปีก่อนคริสตกาล[2] กษัตริย์อาร์ตาเซิร์กซีสที่ 1 ซึ่งเสด็จสวรรคตในช่วง 424 ปีก่อนคริสตกาล และพระราชบัลลังก์ของพระองค์ถูกสืบทอดโดยกษัตริย์เซิร์กซีสที่ 2 ผู้เป็นพระราชโอรส หลังจากนั้นอีกหนึ่งเดือนครึ่ง กษัตริย์เซิร์กซีสที่ 2 ก็ทรงถูกปลงพระชนม์โดยซ็อกเดียนุส ผู้เป็นพระอนุชา ส่วนเจ้าชายโอคัส ซึ่งเป็นพระอนุชานอกสมรสได้มีตำแหน่งเป็นผู้ว่าการมณฑลแห่งเฮอร์เคเนีย ได้ทรงก่อกบฏต่อกษัตริย์ซ็อกเดียนุส และหลังจากการก่อกบฏไม่นานก็พระองค์ก็ทรงสำเร็จโทษกษัตริย์ซ็อกเดียนุส และเจ้าชายอาร์ซิเทส ผู้ซึ่งเป็นพระอนุชาของพระองค์เองที่ทรงพยายามด้วยการทรยศหักหลังด้วยการก่อกบฏต่อพระองค์ แต่ทรงถูกปราบปรามได้ เจ้าชายโอคัสทรงใช้พระนาม ดาริอุส (ส่วนแหล่งข้อมูลจากกรีกได้เรียกพระองค์ว่า ดาริอุส นอธอส Darius Nothos, "โอรสนอกสมรส") พระนามของกษัตริย์เซิร์กซีสที่ 2 และกษัตริย์ซ็อกเดียนุส ไม่ปรากฏบันทึกแห่งบาบิโลนจำนวนมากที่จากนิปปูร์ โดยที่ปรากฏรัชสมัยของกษัตริย์ดาริอุสที่ 2 ต่อจากรัชสมัยของกษัตริย์อาร์ตาเซิร์กซีสที่ 1[2] นักประวัติศาสตร์ทราบเพียงเล็กน้อยเกี่ยวกับรัชสมัยของกษัตริย์ดาริอุสที่ 2 ซีโนฟอนได้กล่าวถึงการก่อกบฏโดยแคว้นมีดีสในช่วง 409 ปีก่อนคริสตกาล และดูเหมือนว่ากษัตริย์ดาริอุสที่ 2 จะทรงอยู่ในบังคับพระนางพาริซาทิส ผู้เป็นพระมเหสีของพระองค์ค่อนข้างมาก ในข้อความที่ตัดตอนมาจากเซซิอัส ซึ่งมีการบันทึกว่ามีการวางแผนการบางอย่างในราชสำนักฝ่ายในของพระองค์ ซึ่งพระองค์ทรงกลายเป็นส่วนที่ฉาวโฉ่ในแผนการดังกล่าว[2] บันทึกปาปิรุสจากเอลิแฟนไทน์ได้กล่าวถึงกษัตริย์ดาริอุสที่ 2 ว่าเป็นผู้ร่วมสมัยกับมหาปุโรหิตโยฮานันแห่งเอสรา 10:6[3][4] ข้อพิพาทกับเอเธนส์ตราบเท่าที่อำนาจของเอเธนส์ยังคงอยู่ พระองค์จะทรงไม่ยุ่งเกี่ยวกับกิจการของกรีก เมื่อ 413 ปีก่อนคริสตกาล เอเธนส์ได้สนับสนุนกลุ่มกบฏอามอร์เกสในคาเรีย กษัตริย์ดาริอุสที่ 2 คงจะไม่ตอบโต้ หากอำนาจของเอเธนส์ไม่ถูกทำลายในปีเดียวกันที่เมืองซีราคิวส์ ผลจากเหตุการณ์ดังกล่าว กษัตริย์ดาริอุสที่ 2 ทรงออกคำสั่งให้ข้าหลวงของพระองค์ในเอเชียไมเนอร์อย่างทิสซาเฟอร์เนส และฟาร์นาบาซุส ส่งเครื่องบรรณาการที่ค้างชำระจากเมืองต่างๆ ของกรีกและทรงเริ่มทำสงครามกับเอเธนส์ เพื่อสนับสนุนการทำสงครามกับเอเธนส์ ข้าหลวงแห่งเปอร์เซียได้เข้าเป็นพันธมิตรกับสปาร์ตา ใน 408 ปีก่อนคริสตกาล พระองค์ทรงส่งเจ้าชายไซรัส ซึ่งเป็นพระราชโอรสของพระองค์ไปยังเอเชียไมเนอร์ เพื่อทำสงครามด้วยพลังที่ยิ่งใหญ่กว่า กษัตริย์ดาริอุสที่ 2 อาจจะทรงขับไล่เชื้อพระวงศ์กรีกหลายพระองค์ที่เคยปกครองเมืองต่างๆ ในไอโอเนีย พอซาเนียสได้เขียนว่าพระราชโอรสของเธมิสโทคลีส ซึ่งรวมถึงอาร์คีปโทลิส ผู้ว่าการมณพลแมกนีเซีย "ดูเหมือนจะเดินทางกลับไปเอเธนส์แล้ว" และได้อุทิศภาพวาดของเธมิสโตคลีสในวิหารพาร์เธนอนและสร้างรูปหล่อทองสัมฤทธิ์ถวายแด่อาร์ทิมิส ลิวโคฟรีเอเน เทพีแห่งแมกนีเซียบนอัครปุระ[5][6][7] ซึ่งทั้งหมดอาจจะกลับมาจากเอเชียไมเนอร์ในวัยชรา หลังจาก 412 ปีก่อนคริสตกาล เมื่อจักรวรรดิอะคีเมนิดได้เข้าควบคุมเมืองกรีกในเอเชียได้อย่างมั่นคงอีกครั้ง และบรรดาผู้ปกครองอาจจะถูกขับไล่โดยข้าหลวงแห่งอะคีเมนิดนามว่า ทิสซาเฟอร์เนส ในช่วงระหว่าง 412 ถึง 399 ปีก่อนคริสตกาล[5] ตั้งแต่ 414 ปีก่อนคริสตกาล กษัตริย์ดาริอุสที่ 2 ทรงเริ่มไม่พอพระทัยในอำนาจของเอเธนส์ที่เพิ่มขึ้นในทะเลอีเจียน และให้ทิสซาเฟอร์เนสเข้าร่วมเป็นพันธมิตรกับสปาร์ตาเพื่อต่อต้านเอเธนส์ ซึ่งในปี 412 ก่อนคริสตกาล ทำให้เปอร์เซียสามารถพิชิตดินแดนส่วนใหญ่ของไอโอเนียได้[8] กล่าวกันว่ากษัตริย์ดาริอุสทรงรับการมาเยือนของนักกีฬาชาวกรีกและแชมป์โอลิมปิกนามว่า พอลิดามัสแห่งสโคโทอุสซา ผู้ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความแข็งแกร่งด้วยการสังหารคนอมตะสามคนต่อหน้าผู้ปกครองแห่งเปอร์เซีย[9][10] ประติมากรรมที่เป็นตัวแทนของเหตุการณ์ดังกล่าวปรากฏให้เห็นในพิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์กีฬาโอลิมปิกสมัยโบราณ[11] กษัตริย์ดาริอุสที่ 2 เสด็จสวรรคตในช่วง 404 ปีก่อนคริสตกาล ในปีที่สิบเก้าแห่งการครองราชย์ของพระองค์ และกษัตริย์อาร์ตาเซิร์กซีสที่ 2 ก็ขึ้นครองพระราชบัลลังก์ต่อในฐานะกษัตริย์แห่งเปอร์เซีย[2] พระราชโอรส-ธิดาก่อนที่พระองค์จะทรงขึ้นครองราชย์ กษัตริย์ดาริอุสที่ 2 ทรงอภิเษกสมรสกับธิดาของโกบรีอัส ซึ่งกษัตริย์ดาริอัสที่ 2 กับธิดาของโกบรีอัส มีพระราชโอรสทั้งหมดสี่พระองค์ และพระราชโอรสพระองค์หนึ่งเป็นพระราชบิดาของอาร์ตาบาซาเนส ซึ่งเป็นกษัตริย์แห่งมีเดีย อะโทรปาทีนี ในช่วงครึ่งหลังของศตวรรษที่ 3 ก่อนคริสตกาล[12][13][14] ประสูติแตพระนางพาริซาทิส
และพระราชโอรส-ธิดาที่ไม่ทราบพระนามอีกเจ็ดพระองค์ ประสูติแต่พระมเหสีพระองค์อื่น
อ้างอิง
|