จิรายุ ห่วงทรัพย์
จิรายุ ห่วงทรัพย์ เป็นที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรี และ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในรัฐบาล นางสาว แพทองธาร ชินวัตร โฆษกศูนย์ปฏิบัติการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย วาตภัย และดินโคลนถล่ม (ศปช.) อดีตโฆษกกระทรวงกลาโหม ฝ่ายการเมือง อดีตประธานคณะกรรมาธิการ กิจการศาล องค์กรอิสระ องค์กรอัยการ รัฐวิสาหกิจ องค์การมหาชน และกองทุน สภาผู้แทนราษฎร[1] และอดีต สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรกรุงเทพมหานคร หลายสมัย อดีตผู้ประกาศข่าวสถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทย (เอ็นบีที) สถานีโทรทัศน์ทีไอทีวี และสถานีโทรทัศน์ไอทีวี ประวัตินายจิรายุ ห่วงทรัพย์ มีชื่อเล่นว่า "ยุ " เกิดเมื่อวันที่ 11 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2512 ที่เขตคลองสามวา (เดิมเป็นส่วนหนึ่งในเขตมีนบุรีของกรุงเทพมหานคร หรือ จังหวัดพระนคร ในขณะนั้น) จบการศึกษาชั้นมัธยมจากโรงเรียน St John's College และจบ ปริญญาโท สาขาการบริหารสื่อสารมวลชน มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และจบออกแบบที่ University of Canberra ออสเตรเลีย นายจิรายุเริ่มต้นงานจาก บริษัท โฆษณา เขาเป็น Creative Director และเป็นนักเขียนคำโฆษณาที่คุ้นเคย “ก็ลมมันเย็น” ต่อมานายจิรายุไปเป็นนักข่าวที่หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ยุคแรก เขามีความเชี่ยวชาญเรื่อง ระบบการสื่อสาร คมนาคม มี Calln Sign ว่า HSOYY โดยนายจิรายุได้ทำงานนานถึง 8 ปี เขาเป็นนักข่าวและช่างภาพภาคสนามฝีมือดี และอยู่ในเหตุการณ์ พฤษภาทมิฬ 35 เขาเคยได้รางวัล ภาพถ่ายการสลายการชุมนุม จากนั้น 2 ปี นายจิรายุ ย้ายไปเป็น บก.หน้า 1 นสพ.ไทยไฟแนนเชียล ก่อนที่จะย้ายไปเป็นดีเจที่วิทยุ อสมท. FM 99 Mhz และเข้าทำงานที่สถานีโทรทัศน์ไอทีวี ตั้งแต่สถานียังไม่ออกอากาศ นายจิรายุ เริ่มต้นงาน ในตำแหน่งผู้สื่อข่าว เศรษฐกิจ ผู้สื่อข่าวเหตุการณ์ และได้เป็นผู้ประกาศข่าวเศรษฐกิจ คู่กับจิระ ห้องสำเริง และณัฏฐา โกมลวาทิน รวมถึงอ่านข่าวในรายการข่าวเช้าไอทีวี ด้วยความชอบการ ผจญภัย นายจิรายุ ได้เลื่อนขั้นไปเป็นผู้ประกาศข่าวภาคสนามแถวหน้าของ itv ในยุคที่ itv โดดเด่นในสังคมไทย อาทิข่าว ยึดสถานทูตพม่า ,ข่าวไฟไหม้รอยัลพล่าซ่าพัทยา, ม็อบไทยซัมมิต, เหตุการณ์สังหารป่าไม้เขาใหญ่, น้ำป่าถล่มเมืองลับแล, รถไฟตกรางที่อำเภอลอง จังหวัดแพร่, เหตุการณ์ม็อบสีลม และเหตุการณ์สึนามิในภาคใต้ ฯลฯ อีกทั้งได้รับการแต่งตั้งเป็นบรรณาธิการข่าว ทางอากาศ (Sky News) บทบาท พิธีกร ผู้ประกาศข่าวหลังการรัฐประหาร ปี 2549 จนถึงรัฐบาล พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ ในปี 2550 เกิดวิกฤติ ITV จน สถานีโทรทัศน์ไอทีวี เปลี่ยนเป็นสถานีโทรทัศน์ทีไอทีวี ต่อมาแปรสภาพเป็นสถานีโทรทัศน์ไทยพีบีเอส นายจิรายุ ปฏิเสธที่จะทำงาน กับ TPBS จนกระทั่งในปี 2551 นายสมัคร สุนทรเวช เป็นนายกรัฐมนตรี ได้มีการเปลี่ยนแปลงสถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทย (ช่อง 11 กรมประชาสัมพันธ์) มา เป็นสถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทย (NBT) ในสมัยที่จักรภพ เพ็ญแข เป็นรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และให้ทีมงาน ITV เดิมที่ไม่ไปทำงานกับ TPBS เข้ามาบริหารงาน นายจิรายุ ได้รับการชักชวน จาก นายฉัตรชัย ตะวันธรงค์ (ผอ.ไทยรัฐทีวี 2560) นายจิรายุ จึงไปเป็นผู้ประกาศข่าวที่เอ็นบีที พร้อมกับผู้ประกาศข่าวอีกหลายคน อาทิ ปนัดดา วงศ์ผู้ดี, ตวงพร อัศววิไล และจอม เพชรประดับ เป็นต้น ในปี 2552 ในยุคนายอภิสิทธิ์ เป็นนายกรัฐมนตรี เอ็นบีที ถูกเปลี่ยนกลับมาเป็นสถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทย (สทท.) ในสมัยที่สาทิตย์ วงศ์หนองเตย เป็นรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี โดยใช้สัญลักษณ์ ใหม่เป็นรูปแบบปัจจุบันซึ่งมีชื่อเรียกติดปากว่า "หอยสีม่วง" นายจิรายุถูกปลดออกตั้งแต่วันที่ 1 มีนาคม พ.ศ. 2552 พร้อมกับ ปนัดดา วงศ์ผู้ดี, ตวงพร อัศววิไล และจอม เพชรประดับ ด้วยเหตุที่พวกเขาประกาศข่าว อยู่ในช่วงเวลาที่พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยบุกยึดสถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทย บทบาททางการเมืองนายจิรายุจึงตัดสินใจลงเล่นการเมืองโดยเข้าร่วมเป็นคณะทำงานโฆษกพรรคเพื่อไทย[2] และในการเลือกตั้งปี 2554 นายจิรายุ ได้ลงสมัครรับเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรกรุงเทพมหานคร เขต 18 (เขตคลองสามวา) โดยสามารถเอาชนะคู่แข่งจากพรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งเป็น ส.ส.หลายสมัย อย่างนายสมัย เจริญช่าง และการเลือกตั้งครั้งล่าล่าสุดเมื่อวันที่ 24 มีนาคม พ.ศ. 2562 นายจิรายุ ยังรักษาแชมป์ไว้ได้สำเร็จ เอาชนะคู่แข่งจากพรรคพลังประชารัฐ อดีตสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ ในเขตเลือกตั้งที่ 16 คลองสามวา กรุงเทพมหานคร ในวงการการเมือง นายจิรายุ เป็นนักตีแผ่ทางสังคมหลายเรื่อง ทั้ง การเปิดโปงทุจริต โครงการชุมชนพอเพียง, การจัดซื้อรถและเรือดับเพลิง และที่โด่งดัง คือ การตรวจสอบ กล้องดัมมี่ CCTV ของ กทม. และสนามฟุตซอล ที่หนองจอก ในการยึดอำนาจปฏิวัติ ของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผบ.ทบ. ในวันที่ 22 พฤษภาคม พ.ศ. 2557 นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ ได้ถูกคณะรักษาความสงบแห่งชาติ หรือ คสช. ให้ไปรายงานตัวตามประกาศฉบับที่ 14/2557 และถูกควบคุมตัวโดยทหารติดอาวุธ และนำไปควบคุมตัวไว้ในค่ายทหารแห่งหนึ่งที่จังหวัดสระบุรี โดยไม่ให้ติดต่อสื่อสารหรือเข้าเยี่ยมแต่อย่างใด ความรู้ความสามารถด้านยานยนต์ในด้านความรู้ความสามารถ นอกจากจะชอบการแข่งขันรถยนต์เป็นชีวิตจิตใจแล้ว เขายังเป็นผู้ที่มีความรู้ความสามารถเกี่ยวกับอุตสาหกรรมยานยนต์ และเป็นผู้สะสมป้ายทะเบียนรถยนต์ต่างประเทศมากที่สุดในประเทศไทย อีกทั้งยังเป็นนักแข่งรถยนต์ ทั้งทางเรียบ และทางฝุ่น และผู้จัดการแข่งขันรถยนต์ หลากหลายรายการ อาทิ OFFROAD TROPHY เขาเคยประสบอุบัติเหตุจากรถคว่ำถึงสองครั้งในการแข่งขันรถยนต์ ครอสคันทรี่ชิงแชมป์ประเทศไทยฯ ภายใต้สังกัดทีมโตโยต้า ในปี 2543 และในปี 2544 นายจิรายุ คว้าตำแหน่งชนะเลิศในการแข่งขัน มีเดียชาเร้นท์ เรซซิ่ง ที่กรุงมะนิลา ประเทศฟิลิปปินส์ และแชมป์ประหยัดนำมันรถยนต์สโกด้า และยังได้รับรางวัลจากการแข่งขันอีกจำนวนมาก จนติดทำเนียบนักแข่งระดับประเทศของ รยสท. เขาเคยได้รับทุนไปฝึกอบรมการขับรถภายใต้สถานการณ์จาก สำนักรอดฮอลเทคนิเชียลของ FBI สหรัฐอเมริกา ที่รัฐเนวาดา ในปี 2538 และยังเป็นผู้บุกเบิกในการเดินทางในอินโดจีน ด้วยรถยนต์เคยเดินทางสำรวจเส้นทางไปยังเมืองมัณฑะเลย์และถูกกักขังบริเวณที่เมืองเชียงตุงพม่าในปี 2537 ในงานการทดสอบรถยนต์ จิรายุเดินทางไปทดสอบรถยนต์ที่ประเทศอเมริกา, ออสเตรเลีย, ทัสมาเนีย, สวีเดน, นอร์เวย์, เบลเยี่ยม, เยอรมนี, สเปน, โปรตุเกส, ฝรั่งเศส, อิตาลี, อังกฤษ, สวิตเซอร์แลนด์, ญี่ปุ่น, UAE, เกาหลีใต้, ฟิลิปปินส์, อินโดนีเซีย, บรูไน ฯลฯ ประวัติการทำงานด้านสื่อสารมวลชน
ประวัติการทำงานสังคม/รางวัล
ผลงานทางการเมืองที่สำคัญ
ประสบการณ์ทางการเมือง
การฝึกอบรม
เครื่องราชอิสริยาภรณ์
อ้างอิง
|