สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี
นายแพทย์ สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี (เกิด 2 พฤษภาคม พ.ศ. 2500) เป็นที่รู้จักในชื่อเล่นว่า "หมอเลี้ยบ" ปัจจุบันดำรงตำแหน่งรองประธานคณะที่ปรึกษาด้านนโยบายของนายกรัฐมนตรี (แพทองธาร ชินวัตร) กรรมการและเลขานุการคณะกรรมการยุทธศาสตร์ซอฟต์พาวเวอร์แห่งชาติ และประธานคณะกรรมการพัฒนาซอฟต์พาวเวอร์แห่งชาติ อดีตคอลัมนิสต์ประจำเว็บไซด์ประชาไท[1] อดีตรองนายกรัฐมนตรี อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร และอดีตเลขาธิการพรรคพลังประชาชน รวมถึงเป็นหนึ่งในกลุ่มคนเดือนตุลา ประวัติสุรพงษ์ สืบวงศ์ลี สำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรี วิทยาศาสตรบัณฑิต คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล ในปี พ.ศ. 2521 และแพทยศาสตรบัณฑิต คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล ในปี พ.ศ. 2523 และผ่านอนุมัติบัตรผู้เชี่ยวชาญ สาขาเวชศาสตร์ป้องกันจากแพทยสภา ในปี พ.ศ. 2529 ระดับปริญญาโท บริหารธุรกิจมหาบัณฑิต สถาบันบัณฑิตบริหารธุรกิจศศินทร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย พ.ศ. 2533 การทำงานสุรพงษ์ สืบวงศ์ลี เคยรับราชการเป็นอาจารย์ประจำคณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล เคยได้รับแต่งตั้งเป็นผู้ช่วยคณบดี คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล มหาวิทยาลัยมหิดล เป็นผู้อำนวยการโรงเรียนการบริหารโรงพยาบาล คณะแพทยศาสตร์ โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล ในการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรในประเทศไทย พ.ศ. 2539 ได้ ลงสมัครสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรกรุงเทพมหานคร เขต 8 เขตธนบุรี และเขตคลองสาน สังกัดพรรคพลังธรรม แต่ไม่ได้รับการเลือกตั้ง[2] ในปี พ.ศ. 2544 ได้รับแต่งตั้งเป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุขในรัฐบาล พ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร ต่อมาในปี พ.ศ. 2545 ถูกปรับมารับตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร และเป็นโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในปี พ.ศ. 2548 ในปี พ.ศ. 2551 ได้รับแต่งตั้งเป็นรองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ต่อมาในเดือนธันวาคมของปีเดียวกัน ถูกศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉันตัดสิทธิ์ทางการเมืองเป็นเวลา 5 ปี เนื่องจากเป็นกรรมการบริหารพรรคพลังประชาชน[3] หลังจากการพักโทษเมื่อวันที่ 4 กรกฎาคม พ.ศ. 2560 สุรพงษ์เข้าเป็นพิธีกรรายการ "50 คำถาม กับ สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี" ทางช่องพีซทีวี และในเดือนสิงหาคม พ.ศ. 2561 ร่วมดำเนินรายการ "สุมหัวคิด" ทางวอยซ์ทีวี ร่วมกับหม่อมหลวงณัฏฐกรณ์ เทวกุล และเอกวรัญญู อัมระปาล ในปี พ.ศ. 2566 เศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ได้แต่งตั้งเขาเป็นกรรมการและเลขานุการคณะกรรมการยุทธศาสตร์ซอฟต์พาวเวอร์แห่งชาติ และแต่งตั้งเขาเป็นรองประธานคณะกรรมการพัฒนาซอฟต์พาวเวอร์แห่งชาติ[4] ในปี พ.ศ. 2567 ได้มีคําสั่งแต่งตั้งเขาเป็นรองประธานคณะที่ปรึกษาด้านนโยบายของนายกรัฐมนตรี แพทองธาร ชินวัตร ต่อมาได้รับการแต่งตั้งเป็นประธานคณะกรรมการพัฒนาซอฟต์พาวเวอร์แห่งชาติชุดที่ 2 แทนแพทองธารที่ขึ้นไปดำรงตำแหน่งคณะกรรมการยุทธศาสตร์ซอฟต์พาวเวอร์แห่งชาติชุดที่ 2 ในฐานะนายกรัฐมนตรี คดีความคดีหมายเลขดำ อม.39/2558 คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เป็นโจทก์ ยื่นฟ้อง นพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี อายุ 58 ปี อดีต รมว.คลัง สมัยพรรคพลังประชาชน เป็นรัฐบาล เป็นจำเลย ในความผิดฐานเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่ หรือละเว้นปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบหรือโดยทุจริต เป็นเหตุให้ผู้หนึ่งผู้ใดได้รับความเสียหาย ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 จากกรณีเมื่อปี 2551 ระหว่าง นพ.สุรพงษ์ ดำรงตำแหน่ง รมว.คลัง สมัยรัฐบาลของนายสมัคร สุนทรเวช ได้มีการแต่งตั้งประธานและกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการ ธปท. โดยมิชอบ ซึ่งภายหลังมีการร้องเรียนต่อผู้ตรวจการแผ่นดิน ที่ได้วินิจฉัยว่า การคัดเลือกบุคคลที่สมควรได้รับการแต่งตั้งเป็นประธานกรรมการ และกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ในคณะกรรมการ ธปท.เป็นการกระทำที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย เนื่องจากกรรมการ ในคณะกรรมการคัดเลือกฯ บางคน มีลักษณะต้องห้ามตาม พ.ร.บ.ธนาคารแห่งประเทศไทย พ.ศ. 2485 แก้ไขเพิ่มเติมโดย พ.ร.บ.ธนาคารแห่งประเทศไทย (ฉบับที่ 4) พ.ศ. 2551 มาตรา 28/1[5]ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองรับฟ้อง สำนักงานคณะกรรมการตรวจเงินแผ่นดิน มีมติสั่งฟ้อง นายแพทย์ สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี ต่อ คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ กล่าวหาว่า นายแพทย์ สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี ฝ่าฝืนมติ คณะรัฐมนตรี และมีพฤติการณ์น่าเชื่อว่า ปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ โดยส่งมอบท่อก๊าซธรรมชาติไม่ครบถ้วนตามคำพิพากษาของศาลปกครองสูงสุด ขาดไป 32,000 ล้านบาทเศษ และทำให้รัฐขาดประโยชน์จากค่าเช่าที่พึงได้รับ นอกจากนี้ ยังยื่นคำร้องอันเป็นเท็จต่อศาลปกครองสูงสุดว่าได้ดำเนินการส่งมองท่อก๊าซคืนครบแล้ว โดยไม่รอผลตรวจสอบและรับรองจาก สำนักงานคณะกรรมการตรวจเงินแผ่นดินตามมติ คณะรัฐมนตรี ก่อน และไม่เสนอขอความเห็นชอบจาก คณะรัฐมนตรีตาม พระราชบัญญัติ ทุนรัฐวิสาหกิจ พ.ศ. 2542 มาตรา 44 ก่อน[6] ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองมีคำสั่งจำคุก สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี เป็นเวลา 1 ปี ตั้งแต่วันที่ 4 สิงหาคม พ.ศ. 2559 ในความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการ ฐานเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157[7]ปรับ 2 หมื่นบาทโทษจำคุกรอลงอาญา 1 ปี ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองมีคำสั่งจำคุก สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี เป็นเวลา 1 ปี ไม่รอลงอาญาปรับ 2 หมื่นบาท ตั้งแต่วันที่ 25 สิงหาคม พ.ศ. 2559 ในความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการ ฐานเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 กรณีที่มีการอนุมัติแก้ไขสัญญาสัมปทานโครงการดาวเทียมสื่อสารภายในประเทศ (ฉบับที่ 5) เพื่อลดสัดส่วนการถือหุ้นของบริษัท ชิน คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ที่ต้องถือในบริษัท ชิน แซทเทลไลท์ จำกัด (มหาชน) จากไม่น้อยกว่า 51% เป็นไม่น้อยกว่า 40% ของจำนวนหุ้นทั้งหมด โดยทราบดีอยู่แล้วว่า เหตุที่บริษัทขอลดสัดส่วนการถือหุ้น เพื่อต้องการหาพันธมิตรขยายศักยภาพในการแข่งขันให้มีความเข้มแข็งและมีเงินทุนเพียงพอในการดำเนินการโครงการดาวเทียมไอพีสตาร์[8] ได้รับการพักโทษ เมื่อวันที่ 4 กรกฎาคม พ.ศ. 2560 เครื่องราชอิสริยาภรณ์
อ้างอิง
แหล่งข้อมูลอื่น
|