สำราญ รอดเพชร
นายสำราญ รอดเพชร อดีตสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ปี2549-2550 (เกิด 30 กันยายน พ.ศ. 2499; ที่อำเภอหัวไทร จังหวัดนครศรีธรรมราช; ชื่อเล่น: อ๊อด[1]) สื่อมวลชนอิสระ, อดีตแกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย (พธม.) รุ่นที่ 2 และแนวร่วมกปปส. (คณะกรรมการประชาชนเพื่อการเปลี่ยนแปลงประเทศไทยให้เป็นประชาธิปไตยที่สมบูรณ์อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข) ประวัติสำราญเข้าสู่วงการข่าวปี พ.ศ. 2521 ในยุครัฐบาลทหาร ซึ่งการทำงานข่าวอย่างอิสระเป็นไปอย่างยากลำบาก ในปี พ.ศ. 2523 สำราญมีผลงานรวมบทกวี-เรื่องสั้น ชื่อ "ในอ้อมกอดของภูผา" และผลงานกวีร่วมกับนักเขียนที่มีชื่อเสียงหลายเล่ม เช่น กนกพงศ์ สงสมพันธุ์ เป็นต้น การศึกษา จบปริญญาตรี สาขานิเทศศาสตร์ จากมหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช[2] และปริญญาโท ศิลปศาสตร์มหาบัณฑิต สาขาผู้นำธุรกิจการเมืองและสังคม วิทยาลัยนวัตกรรมสังคม มหาวิทยาลัยรังสิต เริ่มเป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวางในปี พ.ศ. 2544 เมื่อเป็นพิธีกรในรายการ ข่าวเด่นประเด็นร้อน ซึ่งเป็นรายการวิเคราะห์ข่าวทางสถานีโทรทัศน์ไอทีวีแทนสรยุทธ สุทัศนะจินดา ที่ถูกยกเลิกไปอย่างกะทันหัน และในรายการนี้ สำราญเป็นผู้ที่ใช้คำว่า "ฟันธง" ขึ้นมาเป็นคนแรก[3] แต่สำราญได้ทำหน้าที่อย่างตรงไปตรงมา ส่งผลให้รายการถูกยกเลิกไปในที่สุด จากนั้นในเดือนตุลาคม พ.ศ. 2546 ได้ย้ายมาร่วมงานกับหนังสือพิมพ์ผู้จัดการและเอเอสทีวี โดยเป็นผู้วิเคราะห์ข่าวและดำเนินรายการช่วงเช้า สภาท่าพระอาทิตย์ คู่กับคำนูณ สิทธิสมาน และปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ และในต้นปี พ.ศ. 2555 ก็ขอลาออกจากทุกหน้าที่ในเครือผู้จัดการ โดยไปเป็นผู้ดำเนินรายการในช่องทีนิวส์แทน และปลายปี พ.ศ. 2557 ก็ได้ดำเนินรายการในช่องฟ้าวันใหม่[4] รวมถึงในเดือนเมษายน พ.ศ. 2564 ยังได้มาร่วมงานที่ช่องท็อปนิวส์ด้วย[5] การเคลื่อนไหวทางการเมืองพันธมิตรฯ พรรคการเมืองใหม่และองค์การพิทักษ์สยามในวิกฤตการณ์การเมืองในประเทศไทย พ.ศ. 2548-2549 สำราญมีบทบาทเป็นพิธีกรและโฆษกของเวทีพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยในการขับไล่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร หลังการรัฐประหารในปี พ.ศ. 2549 สำราญได้รับการแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ในเดือนตุลาคม พ.ศ. 2550 สำราญลาออกจากตำแหน่งสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ พร้อมกับยุติบทบาทสื่อมวลชนทั้งหมด เพื่อลงสมัครเลือกตั้ง พ.ศ. 2550 กับพรรคประชาธิปัตย์ ในพื้นที่กรุงเทพมหานคร เขต 7 ซึ่งประกอบด้วย เขตบางกะปิ เขตสะพานสูง เขตมีนบุรี และเขตลาดกระบัง คู่กับประพันธ์ คูณมี และนางนาถยา เบ็ญจศิริวรรณ แต่ไม่ได้รับการเลือกตั้ง ในวิกฤตการณ์การเมืองในประเทศไทย พ.ศ. 2548-2549 สำราญมีบทบาทเป็นพิธีกรและโฆษกของเวทีพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยในการขับไล่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร จนกระทั่งถึงการชุมนุมของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย พ.ศ. 2551 เริ่มขึ้น สำราญก็กลับมาทำหน้าที่สื่อมวลชน และร่วมชุมนุมอีกครั้ง และถูกแต่งตั้งให้เป็นแกนนำฯรุ่นที่ 2 และต่อมาได้รับเลือกจากสนธิ ลิ้มทองกุล หัวหน้าพรรคการเมืองใหม่ให้เป็นโฆษกพรรค และได้รับการแต่งตั้งเป็นรองหัวหน้าพรรคและโฆษกพรรค ในปี พ.ศ. 2553[6] แต่ได้ลาออกในเวลาต่อมาไม่นาน สำราญได้เข้าร่วมชุมนุมกับองค์การพิทักษ์สยาม มีบทบาทเป็นพิธีกรและโฆษกของเวทีในยิ่งลักษณ์ ชินวัตร กปปสในวิกฤตการณ์การเมืองไทย พ.ศ. 2556–2557 สำราญได้เข้าร่วมชุมนุมกับกปปส. (คณะกรรมการประชาชนเพื่อการเปลี่ยนแปลงประเทศไทยให้เป็นประชาธิปไตยที่สมบูรณ์อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข) โดยมีบทบาทเป็นโฆษกบนเวทีชุมนุมร่วมกับถนอม อ่อนเกตุพล รวมถึงเป็นผู้ปราศรัยบนรถกระจายเสียงเมื่อมีการเคลื่อนขบวนไปชุมนุมตามสถานที่ต่าง ๆ ด้วย ในวันที่ 14 พฤษภาคม พ.ศ. 2557 จากการชุมนุมในครั้งนี้ ศาลอาญาอนุมัติหมายจับแกนนำ กปปส. รวม 43 คน ผู้ต้องหาคดีกบฏ และความผิดอื่น รวม 8 ข้อหา เพื่อติดตามตัวมาดำเนินกระบวนการตามกฎหมาย สำราญ รอดเพชร เป็นผู้ต้องหาหมายเลขที่ 52[7] [8] อ้างอิง
แหล่งข้อมูลอื่น
|