ลิโป้
ลิโป้ (เสียชีวิต 7 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 199)[a] หรือชื่อในภาษาจีนกลางว่า ลฺหวี่ ปู้ ( ; จีนตัวย่อ: 吕布; จีนตัวเต็ม: 呂布; พินอิน: Lǚ Bù; เวด-ไจลส์: Lü3 Pu4) มีชื่อรองว่า เฟิ่งเซียน (奉先) เป็นขุนพล ขุนนาง และขุนศึกที่มีชีวิตอยู่ในช่วงปลายราชวงศ์ฮั่นตะวันออก เดิมเป็นผู้ใต้บังคับบัญชาของขุนศึกเต๊งหงวน ลิโป้ทรยศและสังหารเต๊งหงวนแล้วแปรพักตร์ไปเข้าด้วยตั๋งโต๊ะ ขุนศึกผู้กุมอำนาจราชสำนักส่วนกลางของราชวงศ์ฮั่นในช่วงต้นทศวรรษ 190 ในปี ค.ศ. 192 ลิโป้กลับทรยศและสังหารตั๋งโต๊ะหลังถูกยุยงโดยอ้องอุ้นและซุนซุย แต่ภายหลังพ่ายแพ้ให้กับผู้ติดตามของตั๋งโต๊ะและถูกขับไล่ออกไป ระหว่างปี ค.ศ. 192 ถึงช่วงกลางปี ค.ศ. 195 ลิโป้เดินทางเร่ร่อนไปทั่วแผ่นดินจีนตอนกลางและตอนเหนือ ไปขอเข้าพึ่งพักพิงกับขุนศึกต่าง ๆ ได้แก่ อ้วนสุด, อ้วนเสี้ยว และเตียวเอี๋ยง ในปี ค.ศ. 194 ลิโป้เข้ายึดแคว้นกุนจิ๋วจากขุนศึกโจโฉด้วยความช่วยเหลือจากผู้แปรพักตร์จากฝ่ายโจโฉ แต่โจโฉยึดแดนดินคืนมาได้ภายในสองปี ในปี ค.ศ. 196 ลิโป้ทรยศเล่าปี่ที่ให้ที่พักพิงแก่ตนในแคว้นชีจิ๋วและเข้ายึดแคว้นชีจิ๋วจากเล่าปี่ ลิโป้ทำข้อตกลงเป็นพันธมิตรกับอ้วนสุด แต่ภายหลังก็ตัดสัมพันธ์กับอ้วนสุดหลังจากอ้วนสุดตั้งตนเป็นจักรพรรดิซึ่งถือเป็นกบฏต่อพระเจ้าเหี้ยนเต้ ลิโป้เข้าร่วมกับโจโฉและคนอื่น ๆ เข้าโจมตีอ้วนสุด ทว่าในปี ค.ศ. 198 ลิโป้กลับร่วมเป็นพันธมิตรกับอ้วนสุดอีกครั้งแล้วถูกโจมตีโดยกองกำลังร่วมของโจโฉและเล่าปี่ ทำพ่ายแพ้ในยุทธการที่แห้ฝือ ลิโป้ถูกจับและถูกประหารโดยคำสั่งของโจโฉ แม้ว่าบันทึกทางประวัติศาสตร์และนิยายจะบันทึกถึงลิโป้ในฐานะขุนศึกผู้เก่งกาจ แต่ลิโป้ก็ยังมีชื่อเสียงเรื่องพฤติกรรมที่เอาแน่เอานอนไม่ได้ ลิโป้มักจะเปลี่ยนนายด้วยเหตุผลที่ไม่ปกติและทรยศพันธมิตรได้ง่าย ๆ และยังมีบันทึกว่าลิโป้ขาดทักษะการวางแผนและการจัดการ ลิโป้มักจะหวาดระแวงคนอื่นและไม่สามารถควบคุมผู้ใต้บังคับบัญชาได้ ปัจจัยเหล่านี้ทั้งหมดนำไปสู่จุดจบของลิโป้ ในนิยายอิงประวัติศาสตร์ในศตวรรษที่ 14 สามก๊ก รายละเอียดเกี่ยวกับชีวิตของลิโป้ได้มีการเสริมเติมแต่ง และรายละเอียดที่แต่งเติมขึ้นบางอย่าง รวมถึงเรื่องความรักกับตัวละครเตียวเสียน ได้เสริมเข้าไปเพื่อสร้างภาพลิโป้ให้เป็นนักรบที่แทบจะไร้เทียมทาน และยังมีความโหดเหี้ยม หุนหันพลันแล่น และไร้คุณธรรม แหล่งข้อมูลทางประวัติศาสตร์เกี่ยวกับชีวประวติของลิโป้ชีวประวัติอย่างเป็นทางการของลิโป้ปรากฏอยู่ในบันทึกทางประวัติศาสตร์ 2 แหล่ง แหล่งแรกคือ จดหมายเหตุสามก๊ก (ซานกั๋วจื้อ) เขียนโดยตันซิ่วในศตวรรษที่ 3 ในศตวรรษที่ 5 เผย์ ซงจือ แทรกเชิงอรรถประกอบจดหมายเหตุสามก๊กโดยให้ข้อมูลจากแหล่งอื่นนอกเหนือจากบันทึกที่ตันซิ่วเขียน รวมถึงเพิ่มข้อคิดเห็นของตนไปด้วย บันทึกบางฉบับที่ใช้ในเชิงอรรถของชีวประวัติลิโป้ ได้แก่ อิงสฺยงจี้ (พงศาวดารผู้กล้า) โดยอองซัน, เซี่ยนตี้ชุนชิว (พงศาวดารพระเจ้าเหี้ยนเต้) โดย ยฺเหวียน เหว่ย, เว่ย์ชื่อชุนชิว (พงศาวดารตระกูลวุย) โดย ซุน เซิ่ง, เฉาหมานจฺว้าน (ชีวประมาณเฉาหมาน) โดยนักเขียนไม่ทราบชื่อ ชีวประวัติอย่างเป็นทางการของลิโป้แหล่งที่สองอยู่ใน พงศารดารฮั่นยุคหลัง (โฮ่วฮั่นชู) ซึ่งรวบรวมโดยฟั่น เย่ในศตวรรษที่ 5 ลักษณะภายนอกไม่มีคำบรรยายลักษณะภายนอกของลิโป้ปรากฏในบันทึกทางประวัติศาสตร์ มีบันทึกเพียงว่าลิโป้เชี่ยวชาญการยิงเกาทัณฑ์และขี่ม้า และมีพลังกำลังมหาศาล มีฉายาว่า "ขุนพลบิน" (飛將 เฟยเจียง) จากความห้าวหาญในการรบ [ซานกั๋วจื้อ 1] ลิโป้ยังมีม้าทรงพลังที่มีชื่อเรียกว่า "เซ็กเธาว์" (ชื่อทู่; แปลว่า กระต่ายแดง)[ซานกั๋วจื้อ 2][โฮ่วฮั่นชู 1] ใน เฉาหมานจฺว้าน ได้บันทึกว่าในยุคนั้นมีคำกล่าวเกี่ยวกับลิโป้และม้าเซ็กเธาว์ว่า "ยอดคนคือลิโป้ ยอดม้าคือเซ็กเธาว์"[ซานกั๋วจื้อจู้ 1] ในนิยายอิงประวัติศาสตร์ในศตวรรษที่ 14 เรื่อง สามก๊ก ได้บรรยายลักษณะของลิโป้ไว้ว่า:
รับใช้เต๊งหงวนและแปรพักตร์เข้าด้วยตั๋งโต๊ะลิโป้เป็นชาวอำเภอจิ่ว-ยฺเหวียน (九原縣 จิ่ว-ยฺเหวียนจฺวิ้น) เมืองอู่-ยฺเหวียน (五原郡 อู่-ยฺเหวียนจวิ้น) ซึ่งปัจจุบันอยู่บริเวณเมืองเปาโถว เขตปกครองตนเองมองโกเลียใน มีชื่อเสียงในเรื่องการรบอย่างกล้าหาญในมณฑลเป๊งจิ๋ว (ปิ้งโจว) เมื่อเต๊งหงวน ข้าหลวง (刺史 ชื่อฉื่อ) ของมณฑลเป๊งจิ๋ว ได้รับการแต่งตั้งเป็นผู้บังคับการทหารม้า (騎都尉 ฉีตูเว่ย) โดยราชสำนักฮั่นและได้รับมอบหมายให้ไปประจำที่เมืองโห้ลาย (เหอเน่ย) เต๊งหงวนได้รับลิโป้เป็นนายทะเบียน (主簿 จู่ปู้) และปฏิบัติต่อลิโป้อย่างดี[ซานกั๋วจื้อ 3] หลังการสวรรคตของพระเจ้าเลนเต้ในปี ค.ศ. 189 เต๊งหงวนนำทัพไปยังเมืองหลวงลกเอี๋ยง (ลั่วหยัง) เพื่อช่วยสนับสนุนขุนพลโฮจิ๋นในการกำจัดกลุ่มขันที โฮจิ๋นกลับถูกลอบสังหารโดยขันที หลังจากนั้นตั๋งโต๊ะจึงนำทัพเข้าเมืองลกเอี๋ยงและยึดเมืองหลวงไว้ ตั๋งโต๊ะต้องการกำจัดเต๊งหงวนและเข้าคุมกองกำลังของเต๊งหงวน จึงเกลี้ยกล่อมลิโป้ให้ทรยศเต๊งหงวนแล้วแปรพักตร์เข้าด้วยตน ลิโป้จึงสังหารเต๊งหงวนแล้วตัดศีรษะนำมามอบให้ตั๋งโต๊ะซึ่งเข้ากุมอำนาจเบ็ดเสร็จในราชสำนักฮั่นได้ในที่สุด ตั๋งโต๊ะแต่งตั้งลิโป้เป็นผู้บังคับการทหารม้า (騎都尉 ฉีตูเว่ย) และให้ความไว้วางใจเป็นอย่างมาก ตั๋งโต๊ะยังได้รับลิโป้เป็นบุตรบุญธรรม ภายหลังลิโป้ได้รับการเลื่อนตำนานจากผู้บังคับการทหารม้าเป็นขุนพลราชองครักษ์ (中郎將 จงหลังเจี้ยง) และได้รับบรรดาศักดิ์เป็นตูถิงโหว (都亭侯)[ซานกั๋วจื้อ 4] รับใช้ตั๋งโต๊ะในปี ค.ศ. 190 แนวร่วมพันธมิตรขุนศึกนำโดยอ้วนเสี้ยวเริ่มการทัพต่อต้านตั๋งโต๊ะเพื่อโต้ตอบการปกครองแบบทรราชย์และการผูกขาดอำนาจในราชสำนักของตั๋งโต๊ะ ก่อนหน้านี้ในปีเดียวกันตั๋งโต๊ะได้ปลดหองจูเปียน (เล่าเปียน) จักรพรรดิที่ครองราชย์สืบต่อจากพระเจ้าเลนเต้ แล้วสถาปนาพระเจ้าเหี้ยนเต้ขึ้นแทนที่ ซึ่งกลายเป็นจักรพรรดิหุ่นเชิดภายใต้การควบคุมของตั๋งโต๊ะ ลิโป้ทำหน้าที่พิทักษ์ตั๋งโต๊ะและออกรบกับแนวร่วมพันธมิตร ในการศึกครั้งหนึ่งที่หยางเหริน (陽人; เชื่อว่าปัจจุบันคือบริเวณเทศบาลนครเวินเฉฺวียน เมืองหรู่โจว มณฑลเหอหนาน) ตั๋งโต๊ะมอบหมายให้ลิโป้และโฮจิ้นไปโจมตีซุนเกี๋ยน (หนึ่งในสมาชิกแนวร่วมพันธมิตร) แต่ลิโป้และโฮจิ้นต่างไม่ถูกกัน ส่งผลให้กองทัพเกิดความปั่นป่วน ซุนเกี๋ยนจึงใช้โอกาสนี้เข้าโจมตีและผลักดันจนล่าถอย[โฮ่วฮั่นชู 2][4] ภายในไม่กี่เดือน กองทัพแนวร่วมพันธมิตรได้ยกมาถึงเมืองหลวงลกเอี๋ยง ตั๋งโต๊ะยกทัพออกมาด้วยตนเองเข้ารบกับทัพหน้าของแนวร่วมพันธมิตรที่นำโดยซุนเกี๋ยนในบริเวณที่เป็นที่ตั้งของสุสานหลวงของจักรพรรดิราชวงศ์ฮั่นในอดีต แต่ตั๋งโต๊ะถูกโจมตีแตกพ่ายและต้องล่าถอย ซุนเกี๋ยนจึงผ่านเข้าไปถึงประตูเซฺวียนหยัง (宣陽城門 เซฺวียนหยังเฉิงเหมิน) ของเมืองลกเอี๋ยง แล้วเข้าโจมตีลิโป้จนล่าถอย[โฮ่วฮั่นชู 3][5] ตั๋งโต๊ะตื่นกลัวจึงตัดสินใจทิ้งเมืองลกเอี๋ยงแล้วย้ายเมืองหลวงไปเมืองเตียงฮัน (ฉางอัน) ทางตะวันตก ตั๋งโต๊ะ ตั๋งโต๊ะส่งกองกำลังไปปล้นในเมืองลกเอี๋ยงและบังคับราษฎรให้ย้ายไปอยู่เมืองเตียงฮันเช่นกัน แล้วจึงเผาทำลายเมืองลกเอี๋ยง แนวร่วมพันธมิตรไม่ได้ไล่ตามตีตั๋งโต๊ะและในที่สุดก็สลายตัวไปเองในปีถัดไป ตั๋งโต๊ะมักประพฤติหยาบคายต่อหน้าผู้อื่นจึงกลัวว่าอาจถูกลอบสังหาร ตั๋งโต๊ะจึงให้ลิโป้ติดตามอยู่ข้างกายในฐานะองครักษ์ ตั๋งโต๊ะมักอารมณ์เสียและรู้สึกหงุดหงิดได้ง่าย ครั้งหนึ่งอารมณ์ของตั๋งโต๊ะปะทุถึงกับขว้างทวนจี่สั้นใส่ลิโป้ ลิโป้ตอบสนองไวจึงหลบอาวุธได้ทัน อารมณ์โกรธของตั๋งโต๊ะก็บรรเทาลงหลังจากนั้น ลิโป้รู้สึกไม่เป็นสุขและน้อยใจตั๋งโต๊ะที่เป็นบิดาบุญธรรม เวลาเดียวกันนั้นลิโป้ได้รับมอบหมายให้พิทักษ์จวนที่พักส่วนกลางของตั๋งโต๊ะ และได้ลอบมีสัมพันธ์กับสาวใช้คนหนึ่งของตั๋งโต๊ะ ลิโป้กลัวว่าตั๋งโต๊ะจะรู้เข้าจึงรู้สึกไม่บายใจเป็นอย่างมาก[ซานกั๋วจื้อ 5] ก่อนหน้านี้ลิโป้ได้รับการเชิญอย่างเป็นมิตรจากอ้องอุ้น เสนาบดีมหาดไทย (司徒 ซือถู) ลิโป้จึงไปพบอ้องอุ้นและพร่ำบ่นเรื่องที่ตั๋งโต๊ะเกือบฆ่าตน เวลานั้นอ้องอุ้นและขุนนางอีกคนชื่อซุนซุย (士孫瑞 ชื่อซุนรุ่ย) กำลังคิดการจะโค่นล้มตั๋งโต๊ะ จึงได้บอกลิโป้เกี่ยวกับแผนการของพวกตนและขอให้ลิโป้มาร่วมช่วยในแผนการ ลิโป้พูดว่า "แต่เราเป็นพ่อลูกกัน" อ้องอุ้นตอบว่า "ท่านมีแซ่ลิ (ลฺหวี่) จึงไม่ได้ร่วมสายเลือดกัน เขาไม่นึกถึงท่านเลยเมื่อท่านเกือบตาย ไหนล่ะคือสายสัมพันธ์ของพ่อลูก" ลิโป้จึงตกลงเข้าร่วมแผนการและกลายเป็นผู้สังหารตั๋งโต๊ะด้วยตนเองในภายหลัง หลังตั๋งโต๊ะเสียชีวิต อ้องอุ้นและลิโป้เข้าควบคุมราชสำนักส่วนกลาง ลิโป้ได้รับการแต่งตั้งเป็นขุนพลเฟิ่นเวย์ (奮威將軍 เฟิ่ยเวย์เจียงจฺวิน) และได้รับเกียรติเทียบเท่ากับซันกง ตำแหน่งขุนนางชั้นเสนาบดีสูงสุดในระบบการบริหารราชการของราชวงศ์ฮั่น พระเจ้าเหี้ยนเต้ยังได้ตั้งให้ลิโป้มีบรรดาศักดิ์เป็นเวินโหว (溫侯)[ซานกั๋วจื้อ 6] ถูกขับไล่จากเตียงฮันหลังตั๋งโต๊ะเสียชีวิต ผู้ติดตามของตั๋งโต๊ะในมณฑลเลียงจิ๋ว (เหลียงโจว) นำโดยลิฉุย กุยกี และคนอื่น ๆ ร่วมทัพเข้าโจมตีเมืองเตียงฮัน ในขณะที่อ้องอุ้นปฏิเสธที่จะให้มีการนิรโทษกรรมพวกลิฉุยจากการกระทำภายใต้การบัญชาของตั๋งโต๊ะในอดีต[โฮ่วฮั่นชู 4] กุยกีนำทหารเข้าโจมตีประตูเมืองด้านเหนือแล้วพบกับลิโป้ กุยกีบอกว่าลิโป้ว่า "อย่าส่งทหารมารบกันเลย เรามารบกันตัวต่อตัวดีกว่า" จากนั้นลิโป้จึงเอาชนะกุยกีได้ในการรบตัวต่อตัวและทำให้กุยกีบาดเจ็บสาหัส ทหารของกุยกีมาช่วยชีวิตกุยกีไว้ได้ ทั้งสองฝ่ายต่างถอนกำลังถอยไป[ซานกั๋วจื้อจู้ 2] ลิโป้ไม่สามารถต้านทานข้าศึกไว้ได้ ท้ายที่สุดจึงทิ้งเมืองเตียงฮันหนีไป การพ่ายแพ้และหลบหนีของลิโป้เกิดขึ้นหลังตั๋งโต๊ะเสียชีวิตได้ 60 วัน[ซานกั๋วจื้อ 7] เผย์ ซงจือให้ความเห็นว่า "60 วัน" ที่อ้างในจดหมายเหตุสามก๊กต้นฉบับเป็นการระบุที่คลาดเคลื่อน จากข้อมูลในหลักฐานอื่น ลิโป้สังหารตั๋งโต๊ะเมื่อวันที่ 23 เดือน 4 ของรัชศกชูผิงปีที่ 3 (ค.ศ. 190–193) ในรัชสมัยพระเจ้าเหี้ยนเต้ และลิโป้หนีจากเมืองเตียงฮันเมื่อวันที่ 1 เดือน 6 ลิโป้จึงอยู่ในเมืองเตียงฮันไม่ถึง 60 วันหลังการเสียชีวิตของตั๋งโต๊ะ[ซานกั๋วจื้อจู้ 3] ขอพึ่งอ้วนสุดหลังจากหนีออกจากเมืองเตียงฮัน ลิโป้พร้อมด้วยทหารม้าที่ติดตามไม่กี่ร้อยนายกับศีรษะของตั๋งโต๊ะที่ผูกกับอานม้า ได้เดินทางผ่านด่านอู่กวันและไปเข้าร่วมด้วยอ้วนสุดที่เมืองลำหยง (หนันหยัง) จดหมายเหตุสามก๊กและ พงศาวดารฮั่นยุคหลัง ให้ข้อมูลเกี่ยวกับท่าทีของอ้วนสุดต่อลิโป้ที่แตกต่างกัน จดหมายเหตุสามก๊กระบุว่าลิโป้คาดหวังการต้อนรับอย่างดีเพราะลิโป้คิดว่าตนมีบุญคุณกับอ้วนสุดที่ช่วยแก้แค้นโดยการสังหารตั๋งโต๊ะ แต่อ้วนสุดกลับเกลียดชังลิโป้เพราะนิสัยชอบทรยศของลิโป้จึงปฏิเสธที่จะรับลิโป้มาเข้าด้วย[ซานกั๋วจื้อ 8] พงศาวดารฮั่นยุคหลัง ระบุว่าอ้วนสุดปฏิบัติต่อลิโป้อย่างเอื้อเฟื้อ แต่ลิโป้กลับประพฤติตนเย่อหยิ่งจากการที่รู้สึกว่าตนควรได้รับการปฏิบัติที่ดีกว่านี้เพราะเขาได้สร้างบุญคุณให้ตระกูลอ้วนในการสังหารตั๋งโต๊ะ ลิโป้ยังปล่อยให้ทหารของตนเข้าบุกรุกพื้นที่ อ้วนสุดกังวลว่าลิโป้ที่ท่าทีคุกคาม และลิโป้เองก็รู้สึกไม่สบายใจหลังได้ยินว่าอ้วนสุดไม่ไว้วางใจตน ลิโป้จึงตัดสินใจจากไป[โฮ่วฮั่นชู 5] เข้าร่วมอ้วนเสี้ยวและเตียวเอี๋ยงหลังจากตีจากอ้วนสุด ลิโป้มุ่งหน้าขึ้นทางเหนือของจีนเพื่อไปเข้าร่วมกับอ้วนเสี้ยวที่เป็นญาติของอ้วนสุด ลิโป้ได้ช่วยอ้วนเสี้ยวในการโจมตีเตียวเอี๋ยนที่เมืองเสียงสัน (ฉางชาน) เตียวเอี๋ยนมีทหารเดินเท้าและทหารม้าฝีมือดีหลายพันนาย ลิโป้นำผู้ใต้บังคับบัญชาคือเซ้งเหลียม (成廉 เฉิง เหลียน) และเว่ย์ เยฺว่ (魏越) กับทหารม้าหลายสิบนายเข้าปล้นค่ายของเตียวเอี๋ยน สังหารข้าศึกไปหลายคนและไล่ต้อนที่ข้าศึกเหลือถอยไป ทำเช่นนี้วันละ 3-4 ครั้งต่อเนื่องเป็นเวลาสิบกว่าวัน ในที่สุดจึงสามารถปราบกองกำลังของเตียวเอี๋ยนได้[ซานกั๋วจื้อ 9][โฮ่วฮั่นชู 6] ลิโป้แสดงท่าทางเย่อหยิ่งต่อหน้าอ้วนเสี้ยวเพราะลิโป้ถือว่าตนมีบุญคุณต่อตระกูลอ้วนจากการสังหารตั๋งโต๊ะ ลิโป้ดูถูกผู้ติดตามของอ้วนเสี้ยวและปฏิบัติอย่างเหยียดหยาม ครั้งหนึ่งลิโป้ร้องขอทหารเพิ่มเติมจากอ้วนเสี้ยวแต่อ้วนเสี้ยวปฏิเสธ ลิโป้จึงส่งคนไปปล้นในอาณาเขตของอ้วนเสี้ยว อ้วนเสี้ยวไม่พอใจเป็นอย่างมากและรู้สึกว่าลิโป้ทำตัวเป็นภัยคุกคามต่อตน ฝ่ายลิโป้ก็รู้ว่าอ้วนเสี้ยวไม่ไว้วางใจตนจึงต้องการจะจากภาคเหนือของจีนกลับไปยังลกเอี๋ยง อ้วนเสี้ยวแสร้งทำเป็นเห็นด้วยและแนะนำลิโป้รับตำแหน่งผู้บัญชาการมณฑลราชธานี (司隷校尉 ซือลี่เซี่ยวเว่ย์) ขณะเดียวก็วางแผนอย่างลับ ๆ ตั้งใจจะสังหารลิโป้[โฮ่วฮั่นชู 7][ซานกั๋วจื้อ 10] ในวันที่ลิโป้ออกเดินทาง อ้วนเสี่ยวส่งทหารเกราะ 30 นายไปเป็นผู้คุ้มกัน ระหว่างการเดินทางลิโป้หยุดและพักผ่อนในกระโจม คืนนั้นทหารอ้วนเสี้ยวลอบเข้าไปในกระโจมและสังหารคนข้างในกระโจมที่เอาผ้าห่มคลุมตน จากนั้นทหารจึงกลับไปรายงานอ้วนเสี้ยวว่าลิโป้ตายแล้ว วันต่อมาอ้วนเสี้ยวได้รับข่าวว่าลิโป้ยังมีชีวิตอยู่ อ้วนเสี้ยวจึงสั่งให้เปิดประตูเมืองทันที ความจริงแล้วลิโป้แอบออกมาจากกระโจมในคืนก่อนหน้านี้โดยที่ทหารอ้วนเสี้ยวไม่รู้ และสั่งให้คนของตนคนหนึ่งให้ยังอยู่ในกระโจมเพื่อเป็นนกต่อ[ซานกั๋วจื้อ 11][ซานกั๋วจื้อจู้ 4] ลิโป้หนีไปเมืองโห้ล้ายเพื่อไปเข้าพึ่งเตียวเอี๋ยง อ้วนเสี้ยวส่งคนมาไล่ตามลิโป้ แต่คนของอ้วนเสี้ยวกลัวลิโป้จึงไม่กล้าเข้าใกล้[ซานกั๋วจื้อ 12] ฝ่ายเตียวเอี๋ยงและผู้ใต้บังคับบัญชาได้รับสินบนจากลิฉุยและกุยกีให้สังหารลิโป้ เมื่อลิโป้ได้ยินเรื่องนั้นจึงพูดกับเตียวเอี๋ยงว่า "ข้าเป็นคนมณฑลเดียวกับท่าน หากท่านฆ่าข้า ท่านจะอ่อนแอลง แต่หากท่านรับเข้าเข้าร่วม ท่านก็จะได้รับเกียรติและตำแหน่งเฉกเช่นลิฉุยและกุยกี" เตียวเอี๋ยงแสร้งทำเป็นรับคำที่จะช่วยลิฉุยและกุยกีสังหารลิโป้ แต่ลอบมอบที่พักพิงให้ลิโป้แทน เมื่อลิฉุยและกุยกีรู้ว่าเตียวเอี๋ยงรับลิโป้เข้าร่วมก็วิตกกังวลจึงส่งราชโองการไปเมืองโห้ลายโดยพระปรมาภิไธยของพระเจ้าเหี้ยนเต้แต่งตั้งให้ลิโป้เป็นเจ้าเมือง (太守 ไท่โฉฺ่ว) ของเมืองเองฉวน (อิ่งชฺวาน)[ซานกั๋วจื้อจู้ 5] บันทึกความเกี่ยวข้องของลิโป้กับเตียวเอี๋ยงในจดหมายเหตุสามก๊กมีความแตกต่างเล็กน้อยกับที่บันทึกในพงศาวดารฮั่นยุคหลัง ในจดหมายเหตุสามก๊กระบุว่าลิโป้เข้าร่วมกับอ้วนเสี้ยวหลังถูกอ้วนสุดปฏิเสธ จากนั้นจึงไปเข้าพึ่งเตียวเอี๋ยงหลังอ้วนเสี้ยวส่งมือสังหารว่าเพื่อจะฆ่าตน ส่วนในพงศาวดารฮั่นยุคหลังระบุว่าลิโป้เข้าร่วมกับเตียวเอี๋ยงหลังจากที่จากอ้วนสุดไป และโน้มน้าวเตียวเอี๋ยงให้เพิกเฉยต่อคำขอของลิฉุยและกุยกีให้สังหารตน และให้ที่พักพิงให้ตนแทน ภายหลังลิโป้ไดจากเตียวเอี๋ยงมาเข้าด้วยอ้วนเสี้ยว แต่เดินทางกลับมาเข้าด้วยเตียวเอี๋ยงอีกครั้งหลังรอดชีวิตจากการถูกลอบสังหารมาได้ ระหว่างทางไปเมืองโห้ลาย ลิโป้ผ่านมาทางเมืองตันลิว (陳留 เฉินหลิว; ปัจจุบันอยู่บริเวณเมืองไคเฟิง มณฑลเหอหนาน) เตียวเมาเจ้าเมืองตันลิวให้การต้อนรับลิโป้อย่างดี เตียวเมาให้คำมั่นเป็นมิตรกับลิโป้เมื่อลิโป้จะออกจากเมืองตันลิว[โฮ่วฮั่นชู 8] ยุทธการที่กุนจิ๋วอ้วนเสี้ยวโกรธเมื่อได้ยินว่าเตียวเมาซึ่งตนขัดแย้งด้วยกลายเป็นมิตรของลิโป้ เวลานั้นอ้วนเสี้ยวยังเป็นพันธมิตรกับโจโฉ เตียวเมาจึงกลัวว่าโจโฉจะร่วมมือกับอ้วนเสี้ยวโจมตีตน นอกจากนี้เมืองตันลิวที่เป็นเขตอิทธิพลของเตียวเมายังอยู่ในมณฑลกุนจิ๋วซึ่งอยู่ใต้การควบคุมของโจโฉ[ซานกั๋วจื้อ 13] ในปี ค.ศ. 194 โจโฉออกจากมณฑลกุนจิ๋วไปโจมตีมณฑลชีจิ๋ว น้องชายของเตียวเมาชื่อเตียวเถียว (張超 จาง เชา) พร้อมด้วยผู้ใต้บังคับบัญชาของโจโฉ ได้แก่ ตันก๋ง, เค้ากี๋ (許汜 สฺวี่ ซื่อ) และอ๋องก้าย (王楷 หวัง ไข่) เริ่มต้นก่อกบฏ ตันก๋งโน้มน้าวเตียวเมาให้ร่วมด้วยกับตนในการเชิญลิโป้มามณฑลกุนจิ๋ว ด้วยความช่วยเหลือของผู้แปรพักตร์ ลิโป้จึงเข้ายึดอำเภอปักเอี้ยง (ผูหยัง) และตั้งตนเป็นเจ้ามณฑล (牧 มู่) ของมณฑลกุนจิ๋ว เมืองและอำเภอหลายแห่งในมณฑลกุนจิ๋วสนองตอบการเรียกของลิโป้และแปรพักตร์ไปเข้าด้วยลิโป้ ยกเว้นอำเภอเอียนเสีย (เจฺวี้ยนเฉิง), อำเภอตองไฮ (ตงเออ) และอำเภอฮวนกวน (ฟั่นเซี่ยน) ซึ่งยังอยู่ภายใต้การควบคุมของโจโฉ[ซานกั๋วจื้อ 14] เมื่อโจโฉได้รับข่าวการก่อกบฏและการบุกรุกของลิโป้ โจโฉจึงทิ้งการศึกที่มณฑลชีจิ๋วและนำทัพกลับมายังมณฑลกุนจิ๋ว ทัพของลิโป้และโจโฉปะทะกันที่ปักเอี้ยง โจโฉไม่สามารถเอาชนะลิโป้ได้ ทั้งสองฝ่ายอยู่ในสภาวะคุมเชิงกันเป็นเวลามากกว่า 100 วัน เวลานั้นมณฑลกุนจิ๋วเกิดภาวะทุพภิกขภัยจากตั๊กแตนและฤดูแล้ง ผู้คนจึงทุกข์ทรมมานจากความอดอยาก หลายคนหันไปกินเนื้อมนุษย์เพื่อเอาชีวิตรอด ลิโป้ย้ายฐานกำลังจากปักเอี้ยงไปทางตะวันออกยังเมืองซันหยง (ซันหยัง) ภายในสองปี โจโฉสามารถยึดอาณาเขตของตนในมณฑลกุนจิ๋วคืนมาได้ทั้งหมด ภายหลังก็เอาชนะลิโป้ได้ในยุทธการที่อำเภอจฺวี้เหย่ ลิโป้หนีไปทางตะวันออกยังมณฑลชีจิ๋วและขอพึ่งพิงเล่าปี่[ซานกั๋วจื้อ 15] ขุนศึกแห่งชีจิ๋วยึดชีจิ๋วจากเล่าปี่ลิโป้ปฏิบัติต่อเล่าปี่อย่างให้ความเคารพเมื่อแรกพบ ลิโป้กล่าวว่า "ท่านกับข้าต่างก็มาจากชายแดนทางเหนือ เมื่อข้าเห็นพันธมิตรกวันตงลุกขึ้นต่อต้านตั๋งโต๊ะ ข้าก็หวังจะช่วยพวกเขากำจัดตั๋งโต๊ะแล้ว แต่หลังข้าฆ่าตั๋งโต๊ะ ออกจากเตียงฮัน ไม่มีอดีตฝ่ายพันธมิตรคนใดเลยที่ต้องการจะรับข้า แถมยังพยายามจะฆ่าข้าด้วยซ้ำ" จากนั้นลิโป้จึงพาเล่าปี่มาที่กระโจมของตน บอกให้เล่าปี่นั่งบนเตียงภรรยาของตน และให้ภรรยาคำนับเล่าปี่ จากนั้นจึงจัดงานเลี้ยงให้เล่าปี่และเรียกเล่าปี่ว่าเป็น "น้องชาย" ของตน เล่าปี่รู้ว่าลิโป้เป็นคนคาดเดาไม่ได้และไม่น่าไว้วางใจ แต่เล่าปี่ก็ยังนิ่งและแสร้งทำเป็นมิตรกับลิโป้[ซานกั๋วจื้อจู้ 6] เมื่อเล่าปี่ปกครองมณฑลชีจิ๋ว ได้ประจำการอยู่ที่แห้ฝือ (เซี่ยพี) อันเป็นเมืองเอกของมณฑลและมีเขตแดนที่ติดต่อกับเขตอิทธิพลของอ้วนสุดในพื้นที่รอบแม่น้ำไหฺวเหอ เมื่ออ้วนสุดรู้ว่าลิโป้อยู่ในมณฑลชีจิ๋ว อ้วนสุดต้องการจะยุยงให้ลิโป้มาช่วยตนจัดการกับเล่าปี่ จึงเขียนหนังสือถึงลิโป้ว่า "ในอดีต ตั๋งโต๊ะผูกขาดอำนาจรัฐ คุกคามราชวงศ์ และสังหารครอบครัวของข้า ข้าเข้าร่วมการทัพปราบตั๋งโต๊ะแต่ไม่อาจสังหารตั๋งโต๊ะได้ ท่านสังหารตั๋งโต๊ะและส่งศีรษะมาให้ข้า ด้วยการทำเช่นนี้ท่านจึงช่วยข้าล้างแค้นและกอบกู้เกียรติของข้า นี่คือความชอบครั้งแรกที่ท่านทำให้ข้า เมื่อจิน ยฺเหวียนซิว (金元休) เดินทางไปรับตำแหน่งที่มณฑลกุนจิ๋ว โจโฉยกไปปราบและเกือบกวาดล้างจนสิ้น ภายหลังท่านโจมตีโจโฉที่กุนจิ๋วและช่วยฟื้นฟูเกียรติให้ข้า นี่เป็นความชอบครั้งที่สองที่ท่านทำให้ข้า ตลอดชีวิตของข้า ข้าไม่เคยได้ยินถึงการมีตัวตนของเล่าปี่ แต่ตัวเล่าปี่ก็เริ่มทำศึกกับข้า ท่านสามารถปราบเล่าปี่ได้ด้วยความองอาจเข้มแข็งของท่าน และนี่จะเป็นความชอบครั้งที่สามที่ท่านทำให้ข้า ด้วยความชอบสามครั้งที่ท่านทำให้ข้า ข้ายินดีมอบหมายเรื่องความเป็นความตายแก่ท่าน แม้ว่าข้าจะไม่มีค่าเพียงพอ ท่านทำศึกเป็นเวลานานและขาดแคลนเสบียงอาหาร ข้าจึงขอส่งข้าวให้ท่านยี่สิบหมื่นหู (斛) และเปิดประตูต้อนรับท่าน ถ้ายังไม่เพียงพอ ข้าจะจัดหาเสบียงให้ท่านอย่างต่อเนื่อง หากท่านต้องการอาวุธยุทโธปกรณ์ก็ร้องขอมาได้" ลิโป้ยินดีมากและตกลงจะช่วยอ้วนสุดโจมตีแห้ฝือ[ซานกั๋วจื้อจู้ 7] ข้อความในหนังสือของอ้วนสุดที่มีบันทึกในพงศาวดารฮั่นยุคหลังมีความแตกต่างเล็กน้อยและมีเนื้อความสั้นกว่าเมื่อเทียบกับในจดหมายเหตุสามก๊ก[โฮ่วฮั่นชู 9] ลิโป้นำทัพไปตั้งอยู่ห่างจากเมืองแห้ฝือไปทางตะวันตก 40 ลี้ สฺวี่ ตัน (許耽) ชาวเมืองตันเอี๋ยง (丹楊 ตันหยัง) ผู้มีตำแหน่งขุนพลองครักษ์ (中郎將 จงหลังเจี้ยง) ในการบังคับบัญชาของเล่าปี่ ได้ส่งจาง ขวัง (章誑) ไปพบลิโป้ในตอนกลางคืน จาง ขวังแจ้งลิโป้ว่า "เตียวเอ๊กเต๊ก (เตียวหุย) วิวาทกับโจป้าและฆ่าโจป้าตาย บัดนี้ในเมืองกำลังโกลาหล มีทหารหนึ่งพันนายจากตันเอี๋ยงประจำอยู่ที่ประตูขาวทางตะวันตก เมื่อทหารได้ยินว่าท่านมาถึงก็กระโดดโลดเต้นอย่างดีใจเหมือนได้ฟื้นคืนชีพ ทหารตันเอี๋ยงจะเปิดประตูตะวันตกต้อนรับท่านเมื่อท่านมาถึงที่นั่น" ลิโป้ระดมกำลังทหารในคืนนั้นและเดินทางไปถึงแห้ฝือตอนรุ่งสาง ทหารจากตันเอี๋ยงได้เปิดประตูตะวันตกให้ลิโป้ ลิโป้ไปนั่งบนแท่นชมทิวทัศน์เหนือประตูแล้วสั่งให้ทหารจุดไฟขึ้นในเมือง ทหารลิโป้เอาชนะเตียวหุยและทหารในการรบและจับตัวครอบครัวของเล่าปี่และครอบครัวของผู้ใต้บังคับบัญชาของเล่าปี่ รวมถึงยึดเสบียงของเล่าปี่ไว้[ซานกั๋วจื้อจู้ 8] เวลานั้นเล่าปี่นำทหารยกไปต้านทัพอ้วนสุดที่กำลังรุกรานที่อำเภออุไถ (ซฺวีอี๋) และอำเภอชัวหยิน (ไหฺวอิน) ในช่วงที่ลิโป้โจมตีและยึดเมืองแห้ฝือจากเล่าปี่ เล่าปี่ยังพ่ายแพ้แก่อ้วนสุดและถอยทัพไปยังอำเภอไห่ซี (海西; ปัจจุบันอยู่ในมณฑลเจียงซู) แล้วตกอยู่ในสภาวะหิวโหยและสิ้นหวัง เล่าปี่จึงยอมสวามิภักดิ์ต่อลิโป้ เหตุการณ์นี้อยู่ในราวต้นปี ค.ศ. 196[ซานกั๋วจื้อ 16] ลิโป้ไม่พอใจที่เสบียงที่อ้วนสุดสัญญาว่าจะให้ยังมาไม่ถึง จึงนำทหารมาต้อนรับเล่าปี่และตั้งเล่าปี่ให้เป็นข้าหลวง (刺史 ชื่อฉื่อ) ของมณฑลอิจิ๋ว (อฺวี้โจว) และมอบหมายให้ไปประจำที่อำเภอเสียวพ่าย (เสี่ยวเพ่ย์) ส่วนลิโป้ได้ตั้งตนเป็นเจ้ามณฑลของมณฑลชีจิ๋ว[d][ซานกั๋วจื้อ 17] และยังอยู่ที่เมืองแห้ฝือ[โฮ่วฮั่นชู 10] การก่อกบฏของหลันเป้งในเดือนกรกฎาคมหรือสิงหาคม ค.ศ. 196 ผู้ใต้บังคับบัญชาของลิโป้ชื่อหลันเป้งก่อกบฏต่อลิโป้และโจมตีที่ว่าการของลิโป้ในแห้ฝือ โกซุ่นขุนพลของลิโป้เข้าปราบปรามกบฏโดยมีความช่วยเหลือจากโจเสงผู้ใต้บังคับบัญชาของหลันเป้งที่ปฏิเสธที่จะทรยศลิโป้ ในที่สุดจึงสังหารหลันเป้งได้[e] ต่อมาในปีเดียวกัน ลิโป้ใช้ทักษะการยิงเกาทัณฑ์ป้องปรามการเกิดศึกระหว่างเล่าปี่และกิเหลงขุนพลของอ้วนสุด ลิโป้ให้ปักทวนจี่ไว้ที่ประตูค่ายและเสนอว่า "ท่านทั้งหลาย จงดูข้ายิงเกาทัณฑ์ถูกส่วนล่างของคมโค้งรูปจันทร์เสี้ยวของทวนจี่ ถ้าข้ายิงถูกในครั้งเดียว พวกท่านต้องถอยทัพกลับไป หากข้ายิงไม่ถูก พวกท่านก็อยู่ต่อและเตรียมรบกันได้" จากนั้นลิโป้จึงน้าวเกาทัณฑ์แล้วยิงออกไปถูกส่วนล่างของคมโค้งรูปจันทร์เสี้ยว ทุกคนที่อยู่ในเหตุการณ์ต่างตกตะลึงและกล่าวว่า "ท่านขุนพลมีพลังแห่งฟ้า" วันถัดมาต่างฝ่ายต่างยกทัพแยกย้ายกลับไป[6][ซานกั๋วจื้อ 18][โฮ่วฮั่นชู 11] เป็นพันธมิตรกับโจโฉต่อต้านอ้วนสุดต้นปี ค.ศ. 197 อ้วนสุดตั้งตนเป็นจักรพรรดิที่ฉิวฉุน (โช่วชุน) อันเป็นศูนย์กลางอำนาจของอาณาเขตในการปกครองของอ้วนสุด และสถาปนาราชวงศ์ต๋องซือ (仲 จ้ง)[7] ถือเป็นการกระทำที่เป็นกบฏต่อพระเจ้าเหี้ยนเต้แห่งราชวงศ์ฮั่น อ้วนสุดจึงตกเป็นเป้าการโจมตีของโจโฉ[f] และขุนศึกคนอื่น ๆ ที่ได้รับราชโองการจากราชสำนักราชวงศ์ฮั่นให้กำจัดผู้อ้างสิทธิ์ในราชบัลลังก์ ก่อนหน้านี้ อ้วนสุดต้องการผูกพันธมิตรกับลิโป้จึงเสนอการแต่งงานระหว่างบุตรชายของตนกับบุตรสาวของลิโป้ ตอนแรกลิโป้ตอบตกลง หลังจากอ้วนสุดตั้งตนเป็นจักรพรรดิได้ส่งผู้ใต้บังคับบัญชาชื่อหันอิ้น (韓胤 หัน อิ้น) ไปพบลิโป้และคุ้มกันบุตรสาวของลิโป้กลับไปยังอาณาเขตของอ้วนสุดเพื่อเข้าพิธีแต่งงาน แต่ลิโป้กลับเปลี่ยนใจหลังตันกุ๋ยโน้มน้าวลิโป้ไม่ให้ส่งตัวบุตรสาวและลิโป้ก็นึกขึ้นได้ถึงเรื่องที่อ้วนสุดเคยปฏิเสธตนเมื่อไปขอพึ่งพิงเป็นครั้งแรก ลิโป้จึงส่งคนไล่ตามขบวนคุ้มกันของหันอิ้นที่กำลังกลับไปฉิวฉุนและชิงตัวบุตรสาวกลับมา ลิโป้ยังให้จับตัวหันอิ้นแล้วส่งตัวไปในฐานะนักโทษยังฮูโต๋ที่ซึ่งหันอิ้นถูกประหารชีวิต[ซานกั๋วจื้อ 19]
ทำศึกกับอ้วนสุด
ขัดแย้งกับจงป้า
ยุทธการที่แห้ฝือ
พ่ายแพ้และเสียชีวิต
ข้อวิจารณ์
ครอบครัวในบันทึกทางประวัติศาสตร์ไม่มีข้อมูลเกี่ยวกับครอบครัวของลิโป้มากนัก ทราบเพียงว่าลิโป้มีภรรยาและบุตรสาวที่ไม่มีชื่อบันทึกในประวัติศาสร์ ลิโป้ทิ้งภรรยาไว้เมื่อหนีออกจากเมืองเตียงฮัน แต่บังสี (龐舒 ผัง ชู) เข้าไปช่วยปกป้องคุ้มครองภรรยาของลิโป้ไว้ และส่งคืนให้ลิโป้ในภายหลัง ภรรยาของลิโป้มีบทบาทโดดเด่นในช่วงยุทธการที่แห้ฝือ เมื่อนางเตือนลิโป้ไม่ให้เชื่อใจตันก๋งมากเกินไป ตอนแรกลิโป้จัดการตบแต่งจะให้บุตรสาวไปแต่งงานกับบุตรชายของอ้วนสุดเพื่อเชื่อมความเป็นพันธมิตรระหว่างลิโป้และอ้วนสุด แต่ลิโป้กลับคำและชิงบุตรสาวกลับไประหว่างที่บุตรสาวเดินทางไปแต่งงาน เมื่อเมืองแห้ฝือถูกกองกำลังของโจโฉล้อมไว้ ลิโป้พยายามนำบุตรสาวออกจากเมืองเพื่อไปส่งให้อ้วนสุด หวังจะให้อ้วนสุดนำกำลังเสริมมาช่วยหลังรับตัวบุตรสาวไปแล้ว แต่ลิโป้ฝ่าวงล้อมไม่สำเร็จจึงพาบุตรสาวกลับเมืองแห้ฝือ ท้ายที่สุดก็ไม่ทราบชะตาของภรรยาและบุตรสาวของลิโป้ ในนิยายอิงประวัติศาสตร์สามก๊ก ลิโป้มีภรรยา 2 คน อนุภรรยา 1 คนและบุตรสาว 1 คน อนุภรรยาคือเตียวเสียน ตัวละคนที่แต่งเสริมในนิยายและเป็นธิดาบุญธรรมของอ้องอุ้น เตียวเสียนมาอยู่ด้วยลิโป้หลังจากลิโป้สังหหารตั๋งโต๊ะ และมีการกล่าวถึงเตียวเสียนในระหว่างยุทธการที่แห้ฝือ ภรรยาคนแรกของลิโป้คือเหงียมซี (嚴氏 เหยียนชื่อ) ผู้ซึ่งอิงมาจากภรรยาตัวจริงของลิโป้ที่มีบันทึกในหลักฐานประวัติศาสตร์ ภรรยาคนที่สองของลิโป้มีการกล่าวถึงเฉพาะในนิยาย เป็นบุตรสาวของโจป้า ส่วนบุตรสาวของลิโป้ในนิยายมีบทบาทที่เหมือนกับบุตรสาวของลิโป้ในบันทึกประวัติศาสตร์ ในนิยายก็ไม่ปรากฏชื่อของบุตรสาวลิโป้ แต่ถูกเรียกด้วยชื่อ "ลฺหวี่ หลิงฉี่" (吕玲绮; 呂玲綺; Lǚ Língqǐ) ในวิดีโอเกมและวัฒนธรรมร่วมสมัย ในนิยายสามก๊ก
วัฒนธรรมร่วมสมัย
ใช้ชื่อว่า Lu Bu
หมายเหตุ
อ้างอิงอ้างอิงจากจดหมายเหตุสามก๊ก (ซานกั๋วจื้อ)
อ้างอิงจากอรรถาธิบายจดหมายเหตุสามก๊ก (ซานกั๋วจื้อจู้)
อ้างอิงจากพงศาวดารฮั่นยุคหลัง (โฮ่วฮั่นชู)
รายการอ้างอิงอื่น ๆ
หนังสืออ่านเพิ่ม
|