หองจูเปียน
เล่าเปียน (ค.ศ. 176[a] – 6 มีนาคม ค.ศ. 190) มีชื่อในภาษาจีนกลางว่า หลิว เปี้ยน (จีน: 劉辯; พินอิน: Liú Biàn) เป็นที่รู้จักในประเทศไทยในพระนามที่ปรากฏในสามก๊ก ฉบับเจ้าพระยาพระคลัง (หน) ว่า หองจูเปียน หรือในภาษาจีนกลางว่า หฺวางจื่อเปี้ยน (จีน: 皇子辯; พินอิน: Huángzǐ Biàn) มีความหมายว่า "ราชบุตรเปียน (辯 เปี้ยน)" นอกจากนี้พระองค์ยังเป็นที่รู้จักในพระนามว่า จักรพรรดิฮั่นเช่าตี้ (จีน: 漢少帝; พินอิน: Hàn Shàodì) และ อ๋องแห่งฮองหลง หรือ หงหนงหวาง (จีน: 弘農王; พินอิน: Hóngnóng Wáng) เป็นจักรพรรดิลำดับที่ 13 ของราชวงศ์ฮั่นตะวันออกในประวัติศาสตร์จีน พระองค์ขึ้นครองราชย์เป็นจักรพรรดิขณะพระชนมายุ 13 พรรษาหลังการสวรรคตของพระเจ้าเลนเต้พระบิดา และปกครองเป็นระยะเวลาสั้น ๆ ตั้งแต่วันที่ 15 พฤษภาคมถึง 28 กันยายน ค.ศ. 189 ก่อนถูกปลดจากตำแหน่ง หลังจากนั้นพระองค์ถูกลดฐานันดรศักดิ์ลงเป็น "อ๋องแห่งฮองหลง" พระนามในฐานะจักรพรรดิของพระองค์คือ "เช่าตี้" (แปลว่า "จักรพรรดิน้อย") ซึ่งยังเป็นพระนามที่ใช้เรียกจักรพรรดิพระองค์อื่นที่ครองราชย์เป็นเวลาสั้นมาก ในเดือนมีนาคม ค.ศ. 190 พระองค์ถูกปลงพระชนม์ด้วยยาพิษโดยตั๋งโต๊ะขุนศึกผู้ปลดพระองค์จากตำแหน่งจักรพรรดิและตั้งหองจูเหียบหรือเล่าเหียบ (พระเจ้าเหี้ยนเต้) พระอนุชาต่างมารดาของพระองค์ขึ้นเป็นจักรพรรดิแทน ภูมิหลังหองจูเปียนประสูติใน ค.ศ. 176 พระบิดา คือ หลิว หง (劉宏) ซึ่งขึ้นครองราชย์เป็นพระเจ้าเลนเต้ พระมารดาคือโฮเฮา ในเวลาที่ประสูตินั้น หองจูเปียนเป็นพระโอรสพระองค์เดียวของพระเจ้าเลนเต้ เพราะพระองค์อื่น ๆ สิ้นพระชนม์ไปแต่ยังทรงพระเยาว์ ซึ่งเป็นเหตุให้พระเจ้าเลนเต้รับสั่งให้นักบวชในลัทธิเต๋านาม ฉื่อ จื๋อเหมี่ยว (史子眇) นำหองจูเปียนไปเลี้ยงไว้ เพื่อป้องกันโชคร้ายเหมือนพระโอรสพระองค์ก่อน ๆ และพระราชทานบรรดาศักดิ์ให้แก่หองจูเปียนว่า "ฉื่อโหว" (史侯; แปลว่า "โหว(แซ่)ฉื่อ")[1][2] การประสูติของหองจูเปียน ทำให้พระมารดาได้รับการสถาปนาขึ้นเป็นจักรพรรดินีมเหสี ตำแหน่ง "ฮองเฮา" (皇后 หฺวางโฮ่ว) การสถาปนามีขึ้นใน ค.ศ. 180[3] ต่อมาใน ค.ศ. 181 พระสนมพระองค์หนึ่งของพระเจ้าเลนเต้คืออองบีหยิน (王美人 หวางเหม่ย์เหริน) ประสูติพระโอรสอีกพระองค์ให้แก่พระเจ้าเลนเต้คือหองจูเหียบ ทำให้โฮเฮาริษยา และวางยาพิษอองบีหยินจนอองบีหยินถึงแก่ความตาย พระมารดาของพระเจ้าเลนเต้คือตังไทฮอ (董太后 ต่งไท่โฮ่ว) จึงทรงนำหองจูเปียนผู้เป็นหลานไปเลี้ยงดูแทน เป็นเหตุให้พระเจ้าเลนเต้พระราชทานบรรดาศักดิ์แก่หองจูเหียบว่า "ต่งโหว" (董侯; แปลว่า "โหว(แซ่)ต่ง")[4] เมื่อผู้คนเรียกร้องให้พระเจ้าเลนเต้ทรงกำหนดรัชทายาท พระเจ้าเลนเต้ทรงลังเลระหว่างหองจูเปียน กับหองจูเหียบ เพราะหองจูเปียนทรงด้อยความสามารถ มีพระนิสัยเหลาะแหละ ไม่อาจเป็นที่เคารพนับถือของราษฎรได้ พระเจ้าเลนเต้มีพระประสงค์จะให้หองจูเหียบได้เป็นรัชทายาทมากกว่า แต่ก็ทรงพระวิตกว่า ถ้าทรงเลือกหองจูเปียน พระมารดาของหองจูเปียนคือโฮเฮา กับพี่ชายของโฮเฮาคือโฮจิ๋นซึ่งคุมกองทัพในตำแหน่งมหาขุนพล (大將軍 ต้าเจียงจฺวิน) จะต้องเข้ามาก้าวก่ายเป็นแน่ สุดท้ายแล้ว พระเจ้าเลนเต้จึงทรงปล่อยให้ตำแหน่งรัชทายาทว่างไว้เช่นนั้น[5] การครองราชย์ใน ค.ศ. 189 พระเจ้าเลนเต้ประชวรหนัก ทรงฝากฝังหองจูเหียบไว้กับขันทีคนสนิทคือเกียนสิด ให้เกียนสิดช่วยอุปถัมภ์ค้ำชูด้วย ครั้นสิ้นพระเจ้าเลนเต้แล้ว เกียนสิดพยายามล่อลวงให้โฮจิ๋นเข้ามาในพระราชวัง จะได้ฆ่าโฮจิ๋น เปิดทางสะดวกให้หองจูเหียบได้ขึ้นครองราชย์ แต่ไม่สำเร็จ โฮจิ๋นชิงสถาปนาหองจูเปียน พระชันษา 13 ปี ขึ้นเป็นจักรพรรดิพระองค์ใหม่ได้ก่อน โดยมีโฮจิ๋นในฐานะมหาขุนพลกับอ้วนหงุย (袁隗 ยฺเหวียน เหว่ย์) ในฐานะราชครู (太傅 ไท่ฟู่) ช่วยกันสำเร็จราชการแทนพระองค์ ส่วนน้องสาวของโฮจิ๋นคือโฮเฮาผู้เป็นสมเด็จพระชนนีช่วยทำนุบำรุงประคองราชการแผ่นดิน[6][7] โฮจิ๋นเองเมื่อทราบว่าเกียนสิดประสงค์จะเอาชีวิตตนแล้ว ในฤดูร้อน ค.ศ. 189 โฮจิ๋นก็จับเกียนสิดประหาร[8] หลายเดือนให้หลัง อ้วนเสี้ยวเสนอให้โฮจิ๋น ปราบปรามกลุ่มขันทีในราชสำนัก เพื่อรวบอำนาจ แต่โฮเฮาทรงคัดค้าน โฮจิ๋นจึงเลื่อนแผนการออกไปก่อน แล้วเรียกขุนพลในภูมิภาคให้นำทัพเข้านครหลวงลกเอี๋ยงมาปราบปรามขันทีแทน ด้วยหวังว่า กลุ่มอำนาจจากภูมิภาคจะทำให้โฮเฮาจะทรงเลิกคัดค้านได้ แต่โฮเฮาก็ยังทรงอยู่ฝ่ายขันที[9] ส่วนกลุ่มขันทีเมื่อทราบถึงเจตนาของโฮจิ๋นแล้ว ก็ปลอมพระเสาวนีย์โฮเฮาเรียกโฮจิ๋น เข้ามาในพระราชฐาน และซุ่มทำร้ายโฮจิ๋น จนโฮจิ๋นถึงแก่ความตาย[10] เมื่อโฮจิ๋น ถูกลอบฆ่าเช่นนั้น ผู้ใต้บัญชาของโฮจิ๋น คืออ้วนเสี้ยว, อ้วนสุด, เง่าของ (吳匡 อู๋ ควาง), จาง จาง (張璋), และคนอื่น ๆ นำสรรพกำลังบุกเข้าพระราชวังไปประหารขันทีทั้งสิ้น แต่ก็ได้ประหารบุคคลอื่น ๆ ที่คล้ายขันทีไปด้วย เช่น บุรุษที่ไม่ไว้เครา ทำให้หลาย ๆ คนต้องเปลื้องกางเกงต่อหน้าทหารที่กำลังโกรธเกรี้ยว เพื่อแสดงให้เห็นว่า ไม่ได้ถูกตอนอวัยวะเพศ มิได้เป็นขันที ในเวลาชุลมุนนั้นเอง ขันทีจับโฮเฮา หองจูเปียน และหองจูเหียบ เป็นองค์ประกัน และพยายามหลบหนีออกจากพระราชวัง ขุนพลโลติดสกัดขันทีต๋วนกุย (段珪 ตฺว้าน กุย) และช่วยโฮเฮาไว้ได้ ส่วนหองจูเปียนและหองจูเหียบถูกพาออกนอกพระราชวัง[11] นอกจากนี้ โฮเบี้ยว (何苗 เหอ เหมียว) น้องชายของโฮจิ๋น ที่เห็นใจขันที ถูกขุนพลเง่าของกับตั๋งบุ่น (董旻 ต่ง หมิน) ฆ่าทิ้งเสีย และในคราวนั้น มีผู้ล้มตายกว่า 2,000 คน[12] ขุนพลโลติดกับบินของ (閔貢 หมิ่น ก้ง) ติดตามไปพบหองจูเปียนและหองจูเหียบริมลำน้ำ จึงอารักขากลับพระราชวัง[13] ขบวนเสด็จมาพบกองทัพมณฑลเลียงจิ๋วของตั๋งโต๊ะ ที่กำลังเดินทางเข้าพระนครตามคำสั่งของโฮจิ๋น หองจูเปียนตกพระทัยจนมิอาจตรัสเป็นภาษาได้ แต่หองจูเหียบตรัสอธิบายสถานการณ์ได้อย่างคล่องแคล่ว และทรงมีขวัญกำลังใจดี สมจะเป็นผู้นำได้ ทำให้ตั๋งโต๊ะประทับใจ และเริ่มคิดจะถอดหองจูเปียนออกจากราชบัลลังก์ แล้วยกหองจูเหียบขึ้นแทน การพ้นจากราชสมบัติเมื่อตั๋งโต๊ะนำพาขบวนเสด็จกลับพระนครแล้ว ตั๋งโต๊ะอาศัยโอกาสที่ราชสำนักวุ่นวาย เข้ายึดอำนาจการปกครอง ถอดหองจูเปียนออกจากราชสมบัติ ยกหองจูเหียบขึ้นเป็นจักรพรรดิแทนซึ่งในประวัติศาสตร์เป็นที่รู้จักพระนาม "พระเจ้าเหี้ยนเต้" ส่วนหองจูเปียนนั้น ให้เป็น "อ๋องแห่งฮองหลง" ต่อมาในปีนั้นเอง ตั๋งโต๊ะ ส่งคนไปวางยาพิษฆ่าโฮเฮาสิ้นพระชนม์อยู่ในวังหย่งอัน (永安宮)[14][15] ต้นปี ค.ศ. 190 ขุนศึกรวมกำลังกันมาปราบปรามตั๋งโต๊ะ เพื่อปลดปล่อยราชสำนักจากเงื้อมมือตั๋งโต๊ะ ตั๋งโต๊ะเริ่มวิตกว่าขุนพลเหล่านั้นจะยกหองจูเปียนกลับสู่ราชบัลลังก์ ซึ่งเป็นการสั่นคลอนความชอบธรรมของตนในฐานะผู้สถาปนาจักรพรรดิพระองค์ใหม่ เมื่อการรวมกำลังเริ่มแล้วหนึ่งเดือน ตั๋งโต๊ะส่งคนสนิทคือลิยูไปบีบให้หองจูเปียนเสวยยาพิษปลงพระชนม์พระองค์เอง พระศพฝังไว้ ณ สุสานซึ่งทำไว้สำหรับขันทีเตียวต๋ง และภายหลังมีการเฉลิมพระนามเป็น "อ๋องหฺวายแห่งฮองหลง" (弘農懷王 หงหนง-หฺวายหวาง) รัชศก
ครอบครัวพระชายา:
หมายเหตุ
อ้างอิง
บรรณานุกรม
|