เตียวหุย
เตียวหุย (เสียชีวิต กรกฎาคมหรือสิงหาคม ค.ศ. 221)[a] มีชื่อในภาษาจีนกลางว่า จาง เฟย์ (จีน: 张飞; พินอิน: Zhāng Fēi; เวด-ไจลส์: Chang Fei; ) ชื่อรอง เอ๊กเต๊ก[b] หรือภาษาจีนกลางคือ อี้เต๋อ (จีน: 益德[c]; พินอิน: Yìdé) เป็นขุนพลและขุนนางชาวจีนที่รับใช้ขุนศึกเล่าปี่ในช่วงปลายยุคราชวงศ์ฮั่นตะวันออกและต้นยุคสามก๊กของจีน เตียวหุยและกวนอูเป็นคนในกลุ่มแรก ๆ ที่เข้าร่วมกับเล่าปี่ ทั้งสองมีความสัมพันธ์ฉันพี่น้องกับเล่าปี่ผู้เป็นนาย และติดตามเล่าปี่ตลอดการแสวงอำนาจของเล่าปี่ในช่วงต้น เตียวหุยต่อสู้ในหลายยุทธการในฝ่ายเล่าปี่ เช่น ยุทธการที่เซ็กเพ็ก (ค.ศ. 208–209), การยึดมณฑลเอ๊กจิ๋ว (ค.ศ. 212–214) และยุทธการที่ฮันต๋ง (ค.ศ. 217–218) เตียวหุยถูกลอบสังหารโดยผู้ใต้บังคับบัญชาของตนเองในปี ค.ศ. 221 หลังรับราชการเพียงไม่กี่เดือนในรัฐจ๊กก๊กซึ่งก่อตั้งโดยเล่าปี่ก่อนหน้านี้ในปีเดียวกัน[3] เตียวหุยเป็นหนึ่งในตัวละครหลักในนวนิยายอิงประวัติศาสตร์ที่ประพันธ์ในศตวรรษที่ 14 เรื่องสามก๊ก (ซานกั๋วเหยี่ยนอี้) ซึ่งเล่าเรื่องเหตุการณ์ก่อนและระหว่างยุคสามก๊ก ในนวนิยาย เตียวหุยเป็นพี่น้องร่วมสาบานของเล่าปี่และกวนอูด้วยคำสาบานในสวนท้อในช่วงเริ่มต้นของนวนิยายและยังคงความซื่อสัตย์ต่อคำสาบานจนกระทั่งเสียชีวิต ประวัติในช่วงต้นเตียวหุยเป็นชาวเมืองตุ้นก้วน (涿郡 จัวจฺวิ้น) ในช่วงคริสต์ทศวรรษ 180 ช่วงปลายยุคราชวงศ์ฮั่นตะวันออก เตียวหุยและกวนอูเข้าร่วมเป็นผู้ติดตามของเล่าปี่ เนื่องจากกวนอูมีอายุมากกว่าเตียวหุยหลายปี เตียวหุยจึงนับถือกวนอูเหมือนเป็นพี่ชาย[4] กวนอูและเตียวหุยมีชื่อเสียงในเรื่องความกล้าหาญและความแข็งแกร่ง ทำให้ทั้งสองกลายเป็นนักรบที่มีความสามารถ[5] ภายหลังเล่าปี่ได้รับแต่งตั้งจากราชสำนักฮั่นให้เป็นปลัดรัฐเพงงวนก๋วน (平原國 ผิง-ยฺเหวียนกั๋ว) กวนอูและเตียวหุยได้รับราชการในฐานะนายกองพันแยก (別部司馬 เปี๋ยปู้ซือหม่า) ในสังกัดของเล่าปี่ เล่าปี่ปฏิบัติต่อกวนอูและเตียวหุยเหมือนเป็นพี่น้องของตน ทั้งสองมีความสัมพันธ์แบบพี่น้องถึงขนาดใช้ห้องรวมกัน นอนบนเสื่อผืนเดียวกัน และกินอาหารจากหม้อเดียวกัน[6] เตียวหุยและกวนอูทำหน้าที่เป็นองครักษ์คุ้มกันเล่าปี่ ทั้งสองติดตามเล่าปี่ไปในการแสวงอำนาจและมักพร้อมที่จะเผชิญหน้ากับอันตรายและความยากลำบากต่าง ๆ[7] ความขัดแย้งระหว่างเล่าปี่และลิโป้ในปี ค.ศ. 194 เล่าปี่สืบทอดตำแหน่งเจ้ามณฑลชีจิ๋วถัดจากโตเกี๋ยม ในปีต่อมา เล่าปี่นำกองทัพไปยังอำเภอชัวหยิน (淮陰 หฺวายอิน) เพื่อรับมือการบุกของอ้วนสุด ในช่วงเวลานั้นนั้น เล่าปี่มอบหมายให้เตียวหุยรักษาเมืองแห้ฝือ (下邳 เซี่ยพี) เมืองเอกของมณฑลชีจิ๋ว[8] เตียวหุยต้องการสังหารโจป้าอดีตนายทหารของโตเกี๋ยมด้วยเหตุผลที่ไม่ทราบแน่ชัด โจป้าหนีกลับไปยังค่ายของตนและเสริมการป้องกัน ขณะเดียวกันก็ส่งคนนำสารไปขอความช่วยเหลือจากลิโป้ขุนศึกอีกคนหนึ่งซึ่งขณะนั้นกำลังพึ่งใบบุญของเล่าปี่อยู่ ลิโป้นำกองทัพเข้าโจมตีเมืองแห้ฝือ และสามารถยึดครองเมืองแห้ฝือได้สำเร็จ เตียวหุยหนีออกจากเมืองหลังจากเสียแห้ฝือให้กับลิโป้[9][d] เล่าปี่กลับมายังชีจิ๋วซึ่งขณะนั้นตกอยู่ภายใต้การปกครองของลิโป้ เล่าปี่ยอมรับข้อเสนอของลิโป้อย่างจำใจที่ให้ย้ายไปอยู่ที่เสียวพ่ายในขณะที่ลิโป้ยังคงอยู่ที่แห้ฝือ ความสัมพันธ์ระหว่างเล่าปี่และลิโป้ตึงเครียดมากขึ้นเรื่อย ๆ จนนำไปสู่ความขัดแย้ง เล่าปี่ขอความช่วยเหลือจากโจโฉขุนศึกผู้กุมอำนาจเหนือราชสำนักฮั่น กองทัพผสมของเล่าปี่และโจโฉเอาชนะลิโป้ในยุทธการที่แห้ฝือเมื่อปี ค.ศ. 198 หลังจากนั้นทั้งสองเดินทางกลับไปยังนครหลวงฮูโต๋ ในฮูโต๋เตียวหุยได้รับการแต่งตั้งเป็นขุนพลราชองครักษ์ (中郎將 จงหลางเจี้ยง)[10] ร่วมเดินทางกับเล่าปี่ในปี ค.ศ. 199 เล่าปี่ได้วางแผนที่จะหนีออกจากฮูโต๋ เพื่อหลบหนีจากการจับตามองของโจโฉ เขาจึงเสนอตัวอาสาเป็นผู้นำกองทัพไปโจมตีอ้วนสุด เตียวหุยร่วมเดินทางกับเล่าปี่ไปยังมณฑลชีจิ๋ว โดยสังหารกีเหมา เจ้ามณฑลที่โจโฉแต่งตั้ง และยึดครองเมืองแห้ฝือคืนมาได้อีกครั้ง ในปีถัดมา โจโฉบุกโจมตีเล่าปี่และสามารถยึดชีจิ๋วกลับคืนมาได้สำเร็จ เมื่อเล่าปี่พ่ายแพ้ในสงคราม เขาต้องหลบหนีเพื่อความปลอดภัย เล่าปี่ตัดสินใจเดินทางขึ้นเหนือไปยังกิจิ๋ว และขอความช่วยเหลือจากอ้วนเสี้ยว ซึ่งเป็นศัตรูของโจโฉ ภายหลังเล่าปี่ละทิ้งอ้วนเสี้ยวด้วยการแสร้งทำเป็นช่วยอ้วนเสี้ยวให้ได้การสนับสนุนจากกบฏท้องที่บริเวณยีหลำ (หรู่หนาน) ในสงครามต่อโจโฉ ท้ายที่สุดเขาพบที่พักพิงจากเล่าเปียว ผู้ว่าการเกงจิ๋ว เล่าเปียวแต่งตั้งเขาให้ควบคุมอำเภอซินเอี๋ย (新野 ซินเหย่) ที่ชายแดนทางตอนเหนือของเกงจิ๋ว[11][12] ไม่มีข้อมูลว่าเตียวหุยติดตามเล่าปี่ไปเข้าร่วมกับอ้วนสุดหลังเล่าปี่พ่ายแพ้ที่มณฑลชีจิ๋ว หรือเขาแยกจากเล่าปี่ในช่วงนั้นเหมือนกับกวนอู ยุทธการที่เซ็กเพ็กยุทธการที่เตียงปัน
ครอบครัวในปี ค.ศ. 200 เตียวหุยบังเอิญพบกับหลานสาวของแฮหัวเอี๋ยนระหว่างที่นางออกไปเก็บฟืนจึงลักพาตัวนางมา หลานสาวของแฮหัวเอี๋ยนในเวลานั้นอายุราว 13 ปี เตียวหุยรู้ว่านางได้รับการอบรมเลี้ยงดูมาอย่างดีจึงแต่งงานกับนาง ให้กำเนิดบุตรสาว 2 คนซึ่งภายหลังทั้งคู่ได้แต่งงานกับเล่าเสี้ยนและขึ้นเป็นจักรพรรดินีแห่งรัฐจ๊กก๊ก บุตรสาวคนแรกเป็นที่รู้จักในชือจักรพรรดินีจิ้งไอ[13][14] จักรพรรดินีจิ้งไอมีน้องสาวซึ่งแต่งงานกับเล่าเสี้ยนเช่นกันและรู้จักในชื่อ จักรพรรดินีจาง[15] บุตรชายคนโตของเตียวหุยชื่อเตียวเปา เสียชีวิตตั้งแต่อยู่ในวัยเยาว์[16] บุตรชายของเตียวเปาชื่อเตียวจุ๋น (張遵 จาง จุน) รับราชการเป็นราชเลขาธิการ (尚書) ในปี ค.ศ. 263 ระหว่างการพิชิตจ๊กก๊กของวุยก๊ก เตียวจุ๋นติดตามจูกัดเจี๋ยมในการป้องกันกิมก๊กจากการบุกของเตงงายขุนพลวุยก๊ก แต่ถูกสังหารในที่รบ[17][18] บุตรชายคนรองของเตียวหุยชื่อเตียวเซีย (張紹 จาง เช่า) สืบทอดบรรดาศักดิ์ของบิดาและรับราชการเป็นมหาดเล็ก (侍中 ชื่อจง) และผู้ช่วยราชเลขาธิการ (尚書僕射 ช่างชูผูเช่อ) ในจ๊กก๊ก[19] ในปี ค.ศ. 263 จักรพรรดิจ๊กก๊กเล่าเสี้ยนมอบหมายให้เตียวเซีย เจาจิ๋ว และเตงเลียง (鄧良 เติ้ง เหลียง) เป็นผู้แทนพระองค์ในการยอมจำนนต่อเตงงายและนำไปสู่การสิ้นสุดของจ๊กก๊ก หลังการล่มสลายของจ๊กก๊ก เตียวเซียติดตามเล่าเสี้ยนไปยังลกเอี๋ยงราชธานีของวุยก๊ก ได้รับบรรดาศักดิ์โหวร่วมกับอดีตขุนนางของจ๊กก๊กคนอื่น ๆ[20] ในนิยายสามก๊ก
ในศิลปะ
ในวัฒนธรรมร่วมสมัย
อาวุธอาวุธประจำกายของเตียวหุยมีลักษณะเป็นโค้งคล้ายงูเลื้อยไปมา หัวตัด รู้จักกันดีในชื่อว่า ทวนงูเลื้อย หรือ ทวนอสรพิษ (Viper Blade) หลอมพร้อมกันกับอาวุธของเล่าปี่และกวนอู หนักถึง 80 ชั่ง ดูเพิ่มหมายเหตุ
อ้างอิง
บรรณานุกรม
วิกิมีเดียคอมมอนส์มีสื่อที่เกี่ยวข้องกับ เตียวหุย |