สถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์
สถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์ (อังกฤษ: Krung Thep Aphiwat Central Terminal Station) ชื่อเดิมคือ สถานีกลางบางซื่อ (อังกฤษ: Bang Sue Grand Station) เป็นสถานีรถไฟหลักในเขตจตุจักร กรุงเทพมหานคร ตั้งเป้าให้เป็นสถานีกลางแห่งใหม่ของประเทศไทยทดแทนสถานีรถไฟกรุงเทพ (หัวลำโพง) เดิมที่จะยกเลิกลงเหลือเพียงสถานีรายทางของรถไฟฟ้าชานเมือง สายสีแดงเข้ม ตัวสถานีตั้งอยู่ใจกลางศูนย์คมนาคมพหลโยธินในพื้นที่แขวงจตุจักร ใกล้กับศาลเยาวชนและครอบครัวกลางและบริษัท ปูนซิเมนต์ไทย จำกัด (มหาชน) ถือเป็นสถานีรถไฟกลางที่ใหญ่ที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ มีชานชาลามากถึง 26 ชานชาลา และเมื่อเปิดบริการครบทุกเส้นทางสถานีแห่งนี้จะเป็นจุดเชื่อมต่อการเดินทางระบบรางที่สำคัญที่สุดของประเทศไทย และของภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ นาม กรุงเทพอภิวัฒน์ เป็นชื่อที่พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานให้เป็นชื่ออย่างเป็นทางการของโครงการสถานีกลางบางซื่อ มีความหมายว่า "ความเจริญรุ่งเรืองยิ่งแห่งกรุงเทพมหานคร"[3] สถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์เปิดใช้งานอย่างไม่เป็นทางการตั้งแต่วันที่ 24 พฤษภาคม พ.ศ. 2564 เพื่อเป็นศูนย์ฉีดวัคซีนโควิด-19 โดยเริ่มให้บริการแก่บุคลากรภายในกระทรวงคมนาคมก่อน ก่อนจะเริ่มให้บริการวัคซีนแก่ประชาชนตั้งแต่ 7 มิถุนายน จากนั้นได้เริ่มทดลองให้บริการรถไฟฟ้าชานเมือง สายสีแดง เมื่อวันที่ 2 สิงหาคม ก่อนเริ่มให้บริการเชิงพาณิชย์ตั้งแต่วันที่ 29 พฤศจิกายน และเริ่มให้บริการรถไฟระหว่างเมืองตั้งแต่วันที่ 19 มกราคม พ.ศ. 2566 สถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์เมื่อเปิดให้บริการเต็มรูปแบบแล้วจะรองรับรถไฟทางไกลของการรถไฟแห่งประเทศไทยทุกเส้นทาง รถไฟฟ้าชานเมืองสายสีแดง ระบบรถไฟความเร็วสูงทุกเส้นทาง และรถไฟฟ้าแอร์พอร์ต เรล ลิงก์ รวม 24 ชานชาลา อีกทั้งยังเชื่อมต่อกับ รถไฟฟ้ามหานคร สายสีน้ำเงินของการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย และยังเป็นส่วนหนึ่งของโครงข่ายระบบขนส่งมวลชนทางราง คุนหมิง - สิงคโปร์ ในเส้นทางหลัก ที่เป็นเส้นทางรถไฟจากสถานีรถไฟคุนหมิง ประเทศจีน ไปยังสถานีรถไฟจูรงตะวันออก ประเทศสิงคโปร์ โดยผ่านสถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์ซึ่งจะทำหน้าที่เป็นสถานีชุมทางในการเปลี่ยนสายระหว่างช่วง กรุงเทพฯ - ลาว - จีน (สายอีสาน) และกรุงเทพฯ - มาเลเซีย - สิงคโปร์ (สายใต้) อาคารสถานีสถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์ก่อสร้างระหว่าง พ.ศ. 2556 - 2564 ใช้งบประมาณในย่านสถานีทั้งสิ้น 34,142 ล้านบาท[4] อาคารสถานีมีความยาว 596.6 เมตร ความกว้าง 244 เมตร ความสูง 43 เมตร พื้นที่ใช้สอยในอาคารรวม 274,192 ตารางเมตร (ไม่รวมพื้นที่สถานีใต้ดิน)[4] ออกแบบภูมิสถาปัตย์โดย บริษัท ดีไซน์ คอนเซปท์ จำกัด ประกอบด้วย 26 ชานชาลา เป็นของการรถไฟแห่งประเทศไทย 24 ชานชาลา และของการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย 2 ชานชาลา อาคารสถานีมีทั้งหมด 7 ชั้นรวมชั้นใต้ดิน ชั้นใต้ดิน 2 ชั้นฝั่งใต้เป็นสถานีรถไฟฟ้ามหานคร ชั้นใต้ดินส่วนที่เหลือ 1 ชั้นเป็นลานจอดรถใต้ดิน ชั้นเหนือพื้นดินทั้งหมดถูกแบ่งออกเป็นสองส่วนคือส่วนบริการรถไฟ และส่วนบริการผู้โดยสาร สำหรับส่วนบริการรถไฟ ชั้นระดับดินเป็นห้องจำหน่วยตั๋วและโถงพักคอยผู้โดยสาร ชั้นที่สองให้บริการรถไฟรางหนึ่งเมตร ชั้นที่สามให้บริการรถไฟความเร็วสูง และรถไฟฟ้าแอร์พอร์ต เรล ลิงก์ และส่วนบริการผู้โดยสาร ประกอบด้วยชั้นระดับดินเป็นโถงต้อนรับ พื้นที่จำหน่ายบัตรโดยสารสำหรับรถไฟทางไกล และศูนย์อาหาร ชั้นลอยเป็นร้านค้า และชั้น 3 เป็นพื้นที่สำนักงาน ประกอบด้วยสำนักงานใหญ่ของ บริษัท รถไฟฟ้า ร.ฟ.ท. จำกัด ศูนย์ควบคุมการเดินรถไฟฟ้าสายสีแดง และรถไฟที่ใช้ทางร่วม สำนักงานบริหารโครงการรถไฟความเร็วสูง และพื้นที่รองรับแขกวีไอพี สถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์จะแตกต่างจากสถานีกรุงเทพเดิมเนื่องจากถูกออกแบบให้เป็นสถานีระบบปิด ผู้โดยสารที่ไม่มีตั๋วโดยสารรถไฟจะไม่ได้รับอนุญาตให้เข้าสู่พื้นที่ผู้โดยสารขาออกของสถานี (พื้นที่ส่วนบริการรถไฟบริเวณทิศเหนือของสถานี) ผู้ใดฝ่าฝืนจะถูกดำเนินคดีตามกฎหมายที่บัญญัติไว้ในพระราชบัญญัติการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย พ.ศ. 2543 ประวัติในปี 2536-2537 รัฐบาลนายชวน หลีกภัยได้มีการจ้างวานบริษัทที่ปรึกษาในการศึกษาความเป็นไปได้ของรถไฟความเร็วสูง ประกอบไปด้วยบริษัท วิลเบอร์สมิธแอสโซซิเอทส์ อิงค์ , บริษัททรานมาร์ค จำกัด , บริษัท เอเซี่ยน เอ็นจิเนียริ่ง คอลซัลแตนส์ จำกัด , บริษัท ทีมคอลซันติ้ง เอนจิเนียร์ จำกัด ผลการศึกษาพบว่าควรสร้างสายกรุงเทพ-หนองงูเห่า-ระยอง โดยให้เหตุผลว่าความคุ้มค่าทางเศรษฐกิจและช่วยสนับสนุนพื้นที่ชายฝั่งทะเลตะวันออก ได้มีการอนุมัติเมื่อวันที่ 30 สิงหาคม 2537 โดยตั้งพื้นที่ห้วยขวางเป็นสถานีกลางกรุงเทพ[5] เชื่อมกับโครงการโฮปเวลล์ และเชื่อมกับ รถไฟฟ้ามหานคร สายสีน้ำเงิน [6]โดยให้การรถไฟแห่งประเทศไทย เป็นผู้รับผิดชอบ และดำเนินการหาเอกชนมาร่วมลงทุน แต่โครงการถูกชะงักเพราะเกิดการยุบสภา ปัจจุบันพิ้นที่โครงการรถไฟสายกรุงเทพ-หนองงูเห่า-ระยอง[7] คือกรุงเทพ-ชลบุรีสายใหม่ [8]ก่อนที่จะมีการปรับสถานีกลางกรุงเทพเป็นสถานีกลางบางซื่อตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อ 22 พฤษภาคม 2550 ในรัฐบาลพลเอกสุรยุทธ์ จุลานนท์ [9] โดยที่พื้นที่สถานีกลางกรุงเทพเดิม ปัจจุบันถูกใช้ประโยชน์เป็นที่ทำการใหญ่การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย และศูนย์ซ่อมบำรุงของโครงการรถไฟฟ้ามหานคร สายสีน้ำเงิน และรถไฟฟ้ามหานคร สายสีส้ม ในคราวการก่อสร้างโครงการรถไฟฟ้าชานเมืองสายสีแดงอ่อน ช่วงบางซื่อ-ตลิ่งชัน เมื่อ พ.ศ. 2552 ได้ออกแบบให้มีการก่อสร้างทางยกระดับบางส่วนสำหรับเข้าสถานีกลางบางซื่อ แต่ครั้งนั้นยังไม่อนุมัติให้มีการก่อสร้างตัวสถานี เนื่องจากปัญหาการบุกรุกพื้นที่ และความไม่ชัดเจนในการออกแบบตัวสถานี ทำให้มีการโยกงานติดตั้งเสาจ่ายไฟฟ้าและสายส่งไฟฟ้า (OCS) ทั้งหมดไปรวมกับสายสีแดงเข้ม เพื่อเปลี่ยนระบบเป็นระบบไฟฟ้าในคราวเดียว จึงทำให้โครงการถูกทิ้งร้าง ไม่ได้มีการใช้งานตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา ในปี พ.ศ. 2553 ในสมัยรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ได้อนุมัติในหลักการ สถานีกลางบางซื่อ โดยถูกเสนอเข้าเป็นส่วนหนึ่งของโครงการรถไฟฟ้าชานเมือง สายสีแดง ซึ่งเดิมกำหนดให้มีโครงสร้างสถานีจำนวน 2 ชั้น ได้แก่ชั้นที่ 1 เป็นชั้นชานชาลาสำหรับรถไฟทางไกล ชั้นที่ 2 เป็นชั้นชานชาลาสำหรับรถไฟฟ้าชานเมืองสายสีแดง และรถไฟฟ้าเชื่อมท่าอากาศยาน ส่วนต่อขยาย (ช่วงพญาไท-บางซื่อ) แต่ในปีเดียวกันเกิดการยุบสภา โครงการจึงหยุดชะงักลง ต่อมาในรัฐบาลนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ลงนามในสัญญาก่อสร้างสถานีกลางบางซื่อ และ โครงการรถไฟฟ้าชานเมืองสายสีแดงเข้ม ช่วงบางซื่อ-รังสิต เมื่อวันที่ 18 มกราคม พ.ศ. 2556[10] โดยเริ่มเปิดพื้นที่การก่อสร้างสถานีกลางบางซื่อในวันที่ 4 มีนาคม พ.ศ. 2556 หลังเริ่มก่อสร้างเพียงไม่นาน นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมในขณะนั้น (ปัจจุบันดำรงตำแหน่งผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร) สั่งการให้ปรับแบบสถานีกลางบางซื่อเพื่อรองรับรถไฟความเร็วสูงและปรับแบบทางวิ่งช่วงบางซื่อ-รังสิต จาก 3 ทางเป็น 4 ทางเพื่อให้รถไฟทางไกลสามารถวิ่งสวนกันได้โดยไม่ต้องจอดรอหลีก,ไม่จำเป็นต้องเสียเวลาล่าช้าของขบวนรถ และไม่จำเป็นต้องใช้ห่วงทางสะดวก[11] อย่างไรก็ตาม ได้เกิดการยุบสภาของคณะรัฐมนตรียิ่งลักษณ์ในปลายปี 2556 [12][13] ซึ่งส่งผลให้ภาพรวมทั้งโครงการล่าช้าไปอย่างน้อยครึ่งปี บริษัท ขนส่ง จำกัด เคยมีแนวคิดจะย้ายขนส่งหมอชิตมาอยู่ที่ขนส่งรังสิต [14]เพื่อคืนพื้นที่ให้ การรถไฟแห่งประเทศไทย เพื่อนำไปสร้างสถานีกลางบางซื่อ แต่ภายหลังพบว่าต้องใช้งบประมาณราว 2,000 ล้านบาท ซึ่งเป็นงบที่สูงเกินเท่าตัว บริษัท ขนส่ง จำกัด จึงปรับพื้นที่ใหม่ลดจาก 90 ไร่เป็น 50 ไร่เพื่อนำพื้นที่บางส่วนใช้เป็นสถานีกลางบางซื่อ รวมถึงปรับแบบการก่อสร้างสถานีเดินรถจากความสูง 5 ชั้นเหลือเพียง 2 ชั้น[15][16] ในสถานการณ์การระบาดทั่วของโควิด-19 สถานีกลางบางซื่อเป็นหนึ่งในสถานที่ที่มีการฉีดวัคซีนโควิด-19 ตั้งแต่ช่วงก่อนเปิดให้บริการรถไฟฟ้าชานเมืองสายสีแดง โดยตั้งแต่วันที่ 24 พฤษภาคม พ.ศ. 2564 เริ่มให้บริการแก่บุคลากรภายในกระทรวงคมนาคมก่อน ก่อนจะเริ่มให้บริการวัคซีนแก่ประชาชนตั้งแต่ 7 มิถุนายน[17] ต่อมาในเดือนเมษายน พ.ศ. 2565 เป็นสถานที่จัดงานสัปดาห์หนังสือแห่งชาติครั้งที่ 50 และงานสัปดาห์หนังสือนานาชาติครั้งที่ 20 เพื่อเป็นการฉลองการจัดงานสัปดาห์หนังสือแห่งชาติครบรอบ 50 ปี และครบรอบ 125 ปีการรถไฟแห่งประเทศไทย [18] และในวันที่ 29 กันยายน ปีเดียวกัน พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัวได้พระราชทานนามแก่สถานีนี้ว่า สถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์ โดยมีความหมายถึง "ความเจริญรุ่งเรืองยิ่งแห่งกรุงเทพมหานคร"[3] พร้อมกับทางพิเศษประจิมรัถยา ซึ่งมีความหมายถึง "เส้นทางไปยังทิศตะวันตก"[19] สถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์เริ่มให้บริการรถไฟครั้งแรกในการเปิดอย่างไม่เป็นทางการของรถไฟฟ้าชานเมือง สายสีแดง เมื่อวันที่ 2 สิงหาคม พ.ศ. 2564[20] ก่อนเริ่มให้บริการเชิงพาณิชย์ตั้งแต่วันที่ 29 พฤศจิกายน[21] และเริ่มทำการย้ายรถไฟระหว่างเมืองในกลุ่มขบวนรถเร็ว รถด่วน และรถด่วนพิเศษ ของสายเหนือ สายตะวันออกเฉียงเหนือ และสายใต้ รวมจำนวน 52 ขบวน จากสถานีกรุงเทพ มาเริ่มต้นให้บริการที่สถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์ตั้งแต่ช่วงบ่ายของวันที่ 19 มกราคม พ.ศ. 2566[22] ส่วนรถไฟในกลุ่มขบวนรถธรรมดา รถชานเมือง และรถนำเที่ยว จำนวน 62 ขบวน ยังคงเริ่มต้นให้บริการที่สถานีกรุงเทพ (หัวลำโพง) ตามเดิม[5] ศูนย์การขนส่งบริการขบวนรถไฟสถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์ให้บริการขบวนรถดังต่อไปนี้
เชื่อมต่อบริการขบวนรถไฟสายต่อไปนี้มีสถานีที่อยู่บริเวณใกล้เคียงสถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์
แผนผังสถานี
สถานีเชื่อมต่อสถานีรถไฟชุมทางบางซื่อ
สถานีรถไฟชุมทางบางซื่อ เป็นสถานีรถไฟชั้น 1 ตั้งอยู่ที่ ถนนเทอดดำริ แขวงบางซื่อ เขตบางซื่อ กรุงเทพมหานคร เป็นสถานีชุมทางรถไฟ ซึ่งแยกทางรถไฟสายใต้ ออกจากทางรถไฟสายเหนือและสายตะวันออกเฉียงเหนือ ปัจจุบันเหลือเพียงขบวนรถธรรมดา ขบวนรถชานเมืองที่มีปลายทางจากสถานีกรุงเทพ (หัวลำโพง) จะหยุดรับส่งผู้โดยสารที่สถานีนี้[25] สถานีรถไฟบางซื่อเปิดให้บริการเมื่อ พ.ศ. 2441 โดยเป็นส่วนหนึ่งของทางรถไฟสายแรกของประเทศไทยระหว่างสถานีกรุงเทพ – อยุธยา[26] ต่อมาเมื่อวันที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2470 ได้กลายเป็นชุมทางของรถไฟสายเหนือ ตะวันออกเฉียงเหนือ และสายใต้ หลังจากมีการก่อสร้างทางรถไฟเชื่อมระหว่างสถานีบางซื่อกับสถานีตลิ่งชันด้วยสะพานพระราม 6 หลังจากนั้น พ.ศ. 2532 บางซื่อถูกแยกออกเป็นสองสถานีรถไฟ อาคารเดิมเปลี่ยนชื่อเป็น "บางซื่อ 1" เพื่อให้บริการขบวนรถสายเหนือ และสายตะวันออกเฉียงเหนือ ส่วนอาคารใหม่ "บางซื่อ 2" ใช้ให้บริการขบวนรถสายใต้ ระยะห่างระหว่างอาคารห่างกันประมาณ 200 เมตร อาคารสถานีบางซื่อ 1 ปิดให้บริการเมื่อวันที่ 15 สิงหาคม พ.ศ. 2559 เพื่อสร้างสถานีรถไฟใหม่ ขณะที่รถไฟทุกสายในปัจจุบันใช้บริการที่อาคารสถานีบางซื่อ 2 ซึ่งยังคงเปิดดำเนินการอยู่[27]
สถานีรถไฟฟ้ามหานคร สถานีบางซื่อสถานีบางซื่อ (อังกฤษ: Bang Sue Station, รหัส BL11) เป็นสถานีรถไฟฟ้าใต้ดินในเส้นทางรถไฟฟ้ามหานคร สายสีน้ำเงิน การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย ที่ดำเนินการโดยบริษัท ทางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ จำกัด (มหาชน) บริเวณชั้นใต้ดินของสถานีกลางบางซื่อในลักษณะแนวตัดขวาง สถานีบางซื่อ เปิดให้บริการเมื่อ 3 กรกฎาคม พ.ศ. 2547 เป็นปลายทางของรถไฟฟ้ามหานคร สายสีน้ำเงินในระยะแรก จนถึงเมื่อวันที่ 11 สิงหาคม พ.ศ. 2560 ได้มีการเปิดให้บริการส่วนต่อขยายสายสีน้ำเงินส่วนที่ 1 บางซื่อ-เตาปูน ทำให้สถานีรถไฟฟ้าบางซื่อสิ้นสุดการเป็นสถานีปลายทาง และเมื่อวันที่ 4 และ 23 ธันวาคม พ.ศ 2562 รถไฟฟ้ามหานคร สายสีน้ำเงิน ได้เปิดทดลองให้บริการส่วนที่ 3 เตาปูน-สิรินธร และสิรินธร-ท่าพระตามลำดับ
ที่ทำการรับส่งสินค้าพหลโยธินที่ทำการรับส่งสินค้าพหลโยธิน หรือ ย่านพหลโยธิน เป็นย่านสถานีรถไฟที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย มีจำนวนรางมากกว่า 50 ราง เป็นย่านสับเปลี่ยนขนาดใหญ่ รวมความยาว (ตามแนวเส้นทาง) ถึง 4 กม. เป็นศูนย์ขนถ่ายสินค้าหลักของประเทศไทย อยู่ห่างจากตัวอาคารสถานีรถไฟไปทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือราว 1.5 กิโลเมตร โรงรถจักรดีเซลกลางบางซื่อโรงรถจักรดีเซลกลางบางซื่อ เป็นโรงซ่อมบำรุงและโรงจอดรถจักรดีเซลที่ใช้ในการลากขบวนรถไฟ ตั้งอยู่ทางตอนเหนือของสถานีรถไฟไปตามแนวเส้นทางในระยะประมาณ 1.5 กิโลเมตร นอกจากที่กลางบางซื่อแล้ว ยังมีโรงรถจักรที่ สถานีรถไฟธนบุรี สถานีรถไฟนครราชสีมา สถานีรถไฟอุตรดิตถ์ สถานีรถไฟนครลำปาง สถานีรถไฟชุมทางหาดใหญ่ สถานีรถไฟชุมทางแก่งคอย สถานีรถไฟชุมทางทุ่งสง และ สถานีรถไฟชุมพร ตารางเวลาเดินรถรถไฟฟ้า
เที่ยวขึ้น
เที่ยวล่อง
รถประจำทางสายที่ผ่านสถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์ (ด้านหลัง)องค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ
รถเอกชนสถานีชุมทางบางซื่อองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ
รถเอกชนอ้างอิง
|