พจน์ สารสิน
พจน์ สารสิน ป.จ. ม.ป.ช. ม.ว.ม. ภ.ป.ร. ๓ (25 มีนาคม พ.ศ. 2448 – 28 กันยายน พ.ศ. 2543) เป็นนักการเมืองชาวไทย อดีตอธิการบดีมหาวิทยาลัยขอนแก่น อดีตนายกรัฐมนตรีไทยคนที่ 9 อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ภายหลังได้ลาออกเนื่องจากมีความเห็นขัดแย้งกับรัฐบาลเกี่ยวกับการรับรองรัฐบาลจักรพรรดิบ๋าว ดั่ย แห่งประเทศเวียดนามใต้ และอดีตเอกอัครราชทูตไทยประจำสหรัฐอเมริกา ประวัติและครอบครัวพจน์ สารสิน เกิดเมื่อวันที่ 25 มีนาคม พ.ศ. 2449 (นับแบบใหม่) ที่บ้านพักถนนสุรศักดิ์ ตำบลสีลม อำเภอบางรัก เมืองพระนคร (ในปัจจุบันคือ แขวงสีลม เขตบางรัก กรุงเทพมหานคร) เป็นบุตรของพระยาสารสินสวามิภักดิ์ (เทียนฮี้ สารสิน) กับคุณหญิงสุ่น สารสินสวามิภักดิ์ เริ่มศึกษาครั้งแรกที่โรงเรียนกรุงเทพคริสเตียนวิทยาลัย ต่อจากนั้นถูงส่งไปเรียนที่สหรัฐ เมื่อกลับสู่ประเทศสยาม ได้ศึกษาวิชากฎหมายจนสอบได้เนติบัณฑิตไทยเมื่อปี พ.ศ. 2472 และศึกษาวิชากฎหมายต่อในประเทศอังกฤษ โดยที่บิดา คือ พระยาสารสินสวามิภักดิ์ (เทียนฮี้; จีน: 黄天喜)[2] เป็นแพทย์ชาวจีนอพยพเชื้อสายไหหลำที่เดินทางมาอาศัยยังประเทศสยามตั้งแต่ราวปี พ.ศ. 2443 และรับราชการเป็นแพทย์หลวงประจำราชสำนักในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว โดยตระกูลสารสินถือเป็นตระกูลนักธุรกิจที่มั่งคั่งและมีชื่อเสียงตระกูลหนึ่ง และมีสายสัมพันธ์อันดีกับทางราชการมาโดยตลอด[3] พจน์ สารสิน สมรสกับท่านผู้หญิงสิริ สารสิน (สกุลเดิม โชติกเสถียร) มีบุตรธิดาทั้งหมด 5 คน คือ เป็นนักธุรกิจและนักการเมืองที่มีชื่อเสียง พลตำรวจเอกเภา สารสิน เป็นอดีตอธิบดีกรมตำรวจ บัณฑิต บุณยะปาณะ เป็นอดีตปลัดกระทรวงการคลัง อาสา สารสิน เป็นอดีตราชเลขาธิการใน พระบาทสมเด็จพระมหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร และเป็นอดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ[4][5][6] ชีวิตการเมืองพจน์ สารสิน เริ่มบทบาททางการเมืองด้วยการสนับสนุนของจอมพลแปลก พิบูลสงคราม โดยการแต่งตั้งให้เป็นสมาชิกวุฒิสภา เมื่อปี พ.ศ. 2490 และเข้าร่วมรัฐบาลในตำแหน่งรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศในปี พ.ศ. 2491[7] ต่อมาในปี พ.ศ. 2492 ได้ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ[8] แต่ภายหลังได้ลาออก[9] เนื่องจากมีความเห็นขัดแย้งกับรัฐบาลเกี่ยวกับการรับรองรัฐบาลจักรพรรดิบ๋าว ดั่ย แห่งประเทศเวียดนามใต้ วันที่ 3 ตุลาคม พ.ศ. 2500 เวลา 23.00 น. พระบาทสมเด็จพระมหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร มีพระบรมราชโองการให้เลิกประกาศกฎอัยการศึกในบางจังหวัด โดยทรงยกเลิกกฎอัยการศึกทั้งหมด 46 จังหวัด และให้คงกฎอัยการศึกไว้ทั้งหมด 26 จังหวัด จากทั้งหมด 72 จังหวัด โดยพจน์ สารสิน นายกรัฐมนตรี ในขณะนั้นเป็นผู้รับสนองพระบรมราชโองการ[10] ในปี พ.ศ. 2506 พจน์ได้รับแต่งตั้งเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพัฒนาการแห่งชาติ[11] งานระหว่างประเทศระหว่างปี พ.ศ. 2495-2500 พจน์ได้รับแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูตไทยประจำสหรัฐอเมริกาและทำหน้าที่ผู้แทนของประเทศไทยประจำองค์การสหประชาชาติ และในเดือนกรกฎาคม พ.ศ. 2500 ได้รับแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งเลขาธิการองค์การสนธิสัญญาป้องกันภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (ส.ป.อ.) การดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีพจน์ สารสิน ได้รับแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 21 กันยายน พ.ศ. 2500[12] หลังจากการทำรัฐประหารของจอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ ภารกิจสำคัญของรัฐบาลคือจะต้องเร่งจัดการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรให้บริสุทธิ์และยุติธรรมอันเป็นสิ่งที่ประชาชนเรียกร้อง และเป็นเหตุผลที่จอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ ได้ใช้เป็นข้ออ้างในการยึดอำนาจจากรัฐบาลชุดเก่า หลังจากที่ได้ดำเนินการจัดการเลือกตั้งเสร็จเรียบร้อยแล้ว พจน์ สารสินก็ลาออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี และกลับไปดำรงตำแหน่งเลขาธิการ ส.ป.อ. ตามเดิม หลังชีวิตราชการพจน์พำนักอยู่ที่บ้านพักในกรุงเทพมหานคร และยุติบทบาททางการเมืองโดยสิ้นเชิง [13] ถึงแก่อสัญกรรมพจน์ สารสิน ถึงแก่อสัญกรรมด้วยโรคชรา เมื่อวันที่ 28 กันยายน พ.ศ. 2543 เวลา 11.40 น. ณ โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ แขวงคลองเตยเหนือ เขตวัฒนา กรุงเทพมหานคร รวมอายุได้ 95 ปี 187 วัน เครื่องราชอิสริยาภรณ์
ลำดับสาแหรก
แหล่งข้อมูลเพิ่มเติม
อ้างอิง
วิกิมีเดียคอมมอนส์มีสื่อที่เกี่ยวข้องกับ พจน์ สารสิน
|