โกวิท วัฒนะ
พลตำรวจเอก โกวิท วัฒนะ อดีตรองนายกรัฐมนตรี ในรัฐบาลของนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย อดีตผู้บัญชาการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ อดีตนายตำรวจราชองครักษ์พิเศษ[1] ประวัติพลตำรวจเอก โกวิท วัฒนะ เป็นชาวอำเภอผักไห่ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา เป็นบุตรของ นายเกษม วัฒนะ อดีตข้าราชการครู และนายอำเภอผักไห่ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา กับ นางสวง วัฒนะ สมรสกับ แพทย์หญิงวันทนีย์ (ศรีอุทารวงค์) วัฒนะ ปลัดกรุงเทพมหานคร มีบุตร-ธิดา 2 คน คือ ร้อยเอก พีรวิชญ์ และ นางสาวพิชญ์สินี วัฒนะ ส่วนประวัติการศึกษา โกวิทเข้าศึกษาชั้นประถมที่ โรงเรียนเทพประสิทธิ์วิทยา โรงเรียนผักไห่สุทธาประมุข โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา และจบจากโรงเรียนเตรียมทหาร รุ่น 6 โรงเรียนนายร้อยตำรวจ รุ่น 22 การทำงานราชการตำรวจโกวิท วัฒนะ รับราชการเป็นตำรวจตระเวนชายแดน เป็นเวลากว่า 27 ปี เคยปฏิบัติราชการรับใช้สมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี ในระหว่าง พ.ศ. 2513 - 2518 สถานการณ์รบสู้กับพรรคคอมมิวนิสต์อยู่ในขั้นรุนแรง พล.ต.อ.โกวิท ในฐานะผบ.กองร้อยเฉพาะกิจตำรวจตระเวนชายแดนในขณะนั้น ได้ออกงานรับใช้ราชการโดยการปราบปรามพรรคคอมมิวนิสต์ในพื้นที่ภาคเหนือตามแนวตะเข็บชายแดนไทย-พม่า คุ้มครองการก่อสร้างเส้นทางในพื้นที่อันตราย โดยเฉพาะเขต อ.อุ้มผาง จ.ตาก รวมระยะทาง 120 กิโลเมตร นอกจากนี้ ระหว่างที่เป็น ผบก.ตชด.ภาค 3 ซึ่งรับผิดชอบภาคเหนือทั้งหมด ยังมีรายงานผลงานการปราบปรามยาเสพติดอย่างต่อเนื่อง ปะทะต่อสู้กับผู้ก่อการร้าย(หรือกลุ่มคนที่เห็นต่าง)ร่วม 50 ครั้ง จนสถานการณ์คลี่คลายลงจนไม่มีใครกล้าลุกขึ้นต่อต้านแล้ว ต่อมาได้รับความดีความชอบจากราชวงศ์ขึ้นเป็นรอง ผกก.1 บก.กฝ. (ค่ายพระรามหก อ.ชะอำ จ.เพชรบุรี) แล้วขยับเป็น ผกก.1 บก.กฝ. ในวัยเพียง 32 ปี เป็นผู้กำกับที่หนุ่มที่สุดขณะนั้น(เพราะเหตุใด?) ต่อมาเลื่อนเป็นรอง ผบก.กฝ. แล้วโยกมาเป็นรอง ผบก.ตชด. ภาค 3 ก่อนสลับเป็นรอง ผบก.ตชด. ภาค 1 ติดยศ พล.ต.ต. ตำแหน่ง ผบก.ตชด. ภาค 3 เมื่อปี 2530 คุมพื้นที่ภาคเหนือทั้งหมด ยุคที่ยาเสพติดโดยเฉพาะเฮโรอีนแพร่ระบาดไปทั่ว กุมบังเหียนเข้าถล่มโรงงานผลิตเฮโรอีนใน จ.เชียงราย เชียงใหม่ น่าน พะเยา แพร่ แม่ฮ่องสอน ลำปาง และลำพูน ราบไป 21 โรงงาน ไม่นับรวมรายเล็กรายย่อย แต่ไม่เคยเจอไร่ขนาดใหญ่ที่ปลูกต้นฝิ่นในประเทศไทยเลย พลตำรวจเอกโกวิท เคยดำรงตำแหน่งผู้บัญชาการตำรวจตระเวนชายแดน เมื่อ พ.ศ. 2537 รับคำชมเชยจาก พล.ต.อ.เภา สารสิน อธิบดีกรมตำรวจสมัยนั้น และ"กลุ่มบุคคล"จากรัฐบาลสหรัฐอเมริกา ว่าเป็นผู้นำหน่วยที่มีความกล้าหาญ เด็ดเดี่ยว กระทั่งขึ้นนั่งเก้าอี้ผบช.ตชด. ในปี พ.ศ. 2537 ต่อมาขึ้นเป็นผู้ช่วยผบ.ตร. รับผิดชอบงานบริหาร ก่อนจะดำรงตำแหน่งรองผู้บัญชาการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เมื่อ พ.ศ. 2543 ได้คุมพื้นที่ชายแดนภาคใต้ กระทั่งปี พ.ศ. 2547 ได้เลื่อนขึ้นเป็นผู้บัญชาการสำนักงานตำรวจแห่งชาติในที่สุด พล.ต.อ.โกวิท ดำรงตำแหน่งผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เมื่อวันที่ 1 ตุลาคม พ.ศ. 2547 ในรัฐบาลทักษิณ ชินวัตร โดยที่ในความเป็นจริงแล้ว พ.ต.ท.ทักษิณ ตั้งใจจะแต่งตั้ง พล.ต.อ.ชิดชัย วรรณสถิตย์ ให้ดำรงตำแหน่งนี้ แต่จำเป็นต้องแต่งตั้ง พล.ต.อ.โกวิท แทน โดยให้เหตุผลว่ามีวัยวุฒิอาวุโสสูงสุด และนอกจากนั้นยังได้รับการยอมรับในหมู่ผู้ใต้บังคับบัญชามากกว่า ซึ่งในเวลาต่อมา พ.ต.ท.ทักษิณ ก็ได้แต่งตั้ง พล.ต.อ.ชิดชัย ให้ดำรงตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรี กำกับดูแลสำนักงานตำรวจแห่งชาติแทน ก่อนหน้าที่จะเกิดการรัฐประหารใหญ่ใน 2 ปีให้หลัง พล.ต.อ.โกวิท ดำรงตำแหน่งผู้กำกับการปฏิบัติงานของหัวหน้าผู้รับผิดชอบ พนักงานเจ้าหน้าที่และส่วนราชการที่เกี่ยวข้องในการปฏิบัติงานตามประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน ที่มีความร้ายแรง ในวันที่ 27 พฤศจิกายน พ.ศ. 2551[2] ถึง 9 ธันวาคม[3] พ.ศ. 2551 รัฐประหารในประเทศไทย พ.ศ. 2549ในเหตุการณ์รัฐประหารในประเทศไทย พ.ศ. 2549 พล.ต.อ.โกวิท ดำรงตำแหน่ง รองหัวหน้าคณะปฏิรูปฯ และดำรงตำแหน่งสมาชิกคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ ในเวลาต่อมา พลตำรวจเอก โกวิท วัฒนะ ได้รับคำสั่งไปช่วยราชการสำนักนายกรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 5 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2550 หลังไม่มีความคืบหน้าเกี่ยวกับคดีเหตุระเบิดในกรุงเทพมหานคร พ.ศ. 2549 เลย แม้แต่น้อย มี พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียาเวส รักษาราชการแทน (ซึ่งต่อมาเป็นผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ หลังจากนั้นไม่นานก็ถูกย้ายให้ไปช่วยราชการสำนักนายกรัฐมนตรีอย่างน่าแปลกใจ) พลตำรวจเอกโกวิท ได้รับคำสั่งให้พ้นจากตำแหน่งผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ไปดำรงตำแหน่งที่ปรึกษานายกรัฐมนตรีฝ่ายข้าราชการประจำ ระดับ 11 สำนักงานเลขาธิการนายกรัฐมนตรี สำนักนายกรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 22 เมษายน พ.ศ. 2550 ภายหลังศาลปกครองได้วินิจฉัยว่า คำสั่งดังกล่าวของนายกรัฐมนตรี (พลเอกสุรยุทธ์ จุลลานนท์) ไม่ชอบด้วยกฎหมายที่ถูกกำหนดขึ้นมา เป็นเหตุให้ต้องยกเลิกคำสั่งดังกล่าวในที่สุด ส่งผลให้พล.ต.อ.โกวิท วัฒนะ สามารถดำรงตำแหน่งผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติจนครบวาระเกษียณอายุราชการ ในวันที่ 30 กันยายน 2550 งานการเมืองในปี พ.ศ. 2551 พล.ต.อ.โกวิท ได้รับแต่งตั้งเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ในรัฐบาลของนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์[4] แต่ในวันที่ 2 ธันวาคม พ.ศ. 2551 ศาลรัฐธรรมนูญได้มีคำวินิจฉัย ด้วยมติเอกฉันท์ 9 ต่อ 0 ให้ยุบพรรคพลังประชาชน และตัดสิทธิทางการเมืองหัวหน้าพรรค และกรรมการบริหารพรรค 5 ปี (รวม 37 คน) ตามประกาศคณะปฏิรูปการปกครองในระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ทำให้นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ ในฐานะรักษาการหัวหน้าพรรคพลังประชาชนต้องพ้นจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรีโดยปริยาย และคณะรัฐมนตรีทั้งคณะต้องพ้นจากตำแหน่งรวมถึง พล.ต.อ. โกวิท ด้วย ต่อมาในวันที่ 9 สิงหาคม พ.ศ. 2554 ได้รับแต่งตั้งให้เป็นรองนายกรัฐมนตรี ในรัฐบาลของนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร[5] และถูกปรับออกจากตำแหน่งในเดือนมกราคม พ.ศ. 2555[6] รางวัลและเกียรติยศ
พลตำรวจเอก โกวิท วัฒนะ ได้รับพระราชทานยศกองอาสารักษาดินแดนเป็น นายกองใหญ่ พลตำรวจเอก โกวิท วัฒนะ เมื่อ พ.ศ. 2551[7] เครื่องราชอิสริยาภรณ์
อ้างอิง
แหล่งข้อมูลอื่น
|