สมบุญ ระหงษ์
พลอากาศเอก สมบุญ ระหงษ์ (21 พฤษภาคม พ.ศ. 2475 — 23 กันยายน พ.ศ. 2556) อดีตหัวหน้าพรรคชาติไทย อดีตรองนายกรัฐมนตรี อดีตรัฐมนตรี และ อดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดสมุทรปราการ ประวัติชีวิตส่วนตัวพล.อ.อ. สมบุญ ระหงษ์ เกิดเมื่อวันที่ 21 พฤษภาคม พ.ศ. 2475 เป็นบุตรของนายสงวน และนางกิมลั้น ระหงษ์ เป็นบุตรลำดับที่ 4 จากทั้งหมด 7 คน พล.อ.อ. สมบุญ ระหงษ์สมรสกับคุณหญิงนงเยาว์ ระหงษ์ (สกุลเดิม มีรักษา) มีบุตร-ธิดาทั้งหมด 4 คน การศึกษาสำเร็จการศึกษาในระดับมัธยมศึกษา ณ โรงเรียนสมุทรสาครวิทยาลัย ก่อนเข้าศึกษาต่อที่ โรงเรียนนายเรือ ก่อนที่จะขอโอนย้ายมารับราชการเป็น ทหารอากาศ และเข้าศึกษาที่ โรงเรียนการบิน ของกองทัพอากาศ โดยสำเร็จการศึกษาเมื่อปี พ.ศ. 2499 (ศิษย์การบินรุ่น น.25)[1] รุ่นเดียวกับ พล.อ.อ. เกษตร โรจนนิล, พล.อ.อ. วรนาถ อภิจารี, พล.อ.อ. กันต์ พิมานทิพย์ การรับราชการพล.อ.อ. สมบุญ เข้ารับราชการเป็นครูการบิน ที่โรงเรียนการบิน และรับราชการใน กองทัพอากาศ จนถึงปี พ.ศ. 2529 จึงลาออกจากราชการ โดยตำแหน่งสุดท้ายในกองทัพคือ ที่ปรึกษากองทัพอากาศ (ขณะนั้นมียศเป็น พลอากาศโท)[1] และเข้ารับตำแหน่ง ประธานคณะกรรมการองค์การสื่อสารมวลชนแห่งประเทศไทย ในปี พ.ศ. 2530-2531 และต่อมาได้ดำรงตำแหน่งผู้ว่าการการท่าอากาศยานแห่งประเทศไทย จนถึงปี พ.ศ. 2534 โดยในระหว่างรับราชการทหารอากาศ ได้เข้าร่วมราชการสงครามใน สงครามเกาหลี โดยเป็นผู้บังคับการหน่วยบินลำเลียง ซึ่งร่วมรบกับกองกำลัง สหประชาชาติ ในปี พ.ศ. 2510 บทบาททางการเมืองพล.อ.อ. สมบุญ ระหงษ์ เข้าสู่วงการเมือง โดยได้รับการโปรดเกล้าฯ ให้เป็นวุฒิสมาชิก ใน วุฒิสภาไทย ชุดที่ 5 ชุดแต่งตั้งแทน เมื่อ 22 เมษายน พ.ศ. 2532 และเมื่อมีการรัฐประหารขึ้นในปี 2534 ก็ได้รับการโปรดเกล้าฯ ให้ดำรงตำแหน่งเป็น สมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ในปี 2534 ต่อมาเมื่อใกล้มีการเลือกตั้ง ในเดือนมีนาคม 2535 ก็ได้มีส่วนร่วมในการก่อตั้ง พรรคสามัคคีธรรม ร่วมกับ น.ต. ฐิติ นาครทรรพ และพล.อ.อ. เกษตร โรจนนิล รวมไปถึงนักการเมืองบางส่วน ก่อนที่ทาง พรรคชาติไทย จะเชิญให้พล.อ.อ. สมบุญ เข้ารับตำแหน่งหัวหน้าพรรค แทนที่ พล.อ. ชาติชาย ชุณหะวัณ เพื่อประสานความสัมพันธ์ระหว่างพรรค กับ คณะรักษาความสงบเรียบร้อยแห่งชาติ โดยที่ความสัมพันธ์ทางการเมืองนั้น พล.อ.อ. สมบุญ ถือว่าเป็นนายทหารคนสนิทของ พล.อ. ประมาณ อดิเรกสาร ครั้งยังดำรงตำแหน่งเป็น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ซึ่งถือว่ามีความสนิทสนมกับนักการเมือง กลุ่มราชครู[2] และเป็นศิษย์โรงเรียนการบินรุ่น น.25 โดย พล.อ.อ. สมบุญ ลงสมัครรับเลือกตั้งเป็น สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดสมุทรปราการ และได้รับการเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรมาแล้ว 2 สมัย คือ
และได้ดำรงตำแหน่งเป็น รองนายกรัฐมนตรี และ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ใน รัฐบาลพล.อ. สุจินดา คราประยูร[3] ดำรงตำแหน่ง รองนายกรัฐมนตรี อีกครั้ง ในรัฐบาลบรรหาร ศิลปอาชา และ ดำรงตำแหน่ง รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ใน รัฐบาลชวน หลีกภัย สมัยที่สอง โดยภายหลังเหตุการณ์พฤษภาทมิฬ พ.ศ. 2535 และ พล.อ. สุจินดา คราประยูร ประกาศลาออกจากตำแหน่ง นายกรัฐมนตรี ในเวลานั้น พล.อ.อ. สมบุญ ซึ่งดำรงตำแหน่งเป็น หัวหน้าพรรคชาติไทย มีโอกาสที่จะได้ดำรงตำแหน่ง นายกรัฐมนตรี ต่อจาก พล.อ. สุจินดา เหตุเพราะเป็นหัวหน้าพรรคการเมืองที่ได้ที่นั่งในสภาผู้แทนราษฎรเป็นลำดับที่สอง แต่ทว่า อาทิตย์ อุไรรัตน์ ประธานสภาผู้แทนราษฎร ในขณะนั้น ได้นำชื่อ อานันท์ ปันยารชุน อดีตนายกรัฐมนตรีรักษาการระหว่างการปฏิวัติ ขึ้นทูลเกล้าฯ เพื่อดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี และกลายเป็นที่เล่าขาน กันมาถึงเหตุการณ์ครั้งนั้นว่า พล.อ.อ. สมบุญ "แต่งชุดขาวรอเก้อ" กลุ่มงูเห่าอีก 5 ปีต่อมาหลังจากนั้น พล.อ.อ. สมบุญ ได้สร้างปรากฏการณ์ให้เป็นที่จดจำอีกครั้งในปี พ.ศ. 2540 หลังการลาออกจากการเป็นนายกรัฐมนตรีของ พล.อ. ชวลิต ยงใจยุทธ และสภาผู้แทนราษฎรจะต้องเสนอชื่อนายกรัฐมนตรีคนใหม่ พล.อ.อ. สมบุญ ได้ร่วมกับ วัฒนา อัศวเหม นำ ส.ส.พรรคประชากรไทย 12 คน ฝืนมติพรรคที่จะสนับสนุน พล.อ. ชาติชาย ชุณหะวัณ เป็นนายกรัฐมนตรี โดยไปสนับสนุนให้ ชวน หลีกภัย ขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรี โดยต่อมาแกนนำกลุ่ม ได้รับตำแหน่งระดับรัฐมนตรี 2 ตำแหน่งใน รัฐบาลชวน หลีกภัย สมัยที่สอง แม้ว่าการกระทำดังกล่าว ศาลรัฐธรรมนูญ จะมีคำวินิจฉัยว่าไม่ถึงขั้นขับออกจากความเป็นสมาชิกภาพของพรรค เนื่องด้วย ส.ส. แต่ละคนมีอิสระในการตัดสินใจ โดยไม่ขึ้นกับมติพรรค แต่กระนั้นก็ตาม สมัคร สุนทรเวช ในฐานะหัวหน้าพรรคประชากรไทย ก็ได้ให้สัมภาษณ์เปรียบเปรยว่าเป็น "ชาวนากับงูเห่า" ตามนิทานอีสป จนเป็นที่มาของชื่อ กลุ่มงูเห่า และในปี 2541 ก็ได้ร่วมมือกับ วัฒนา อัศวเหม ก่อตั้งพรรคการเมืองขึ้นในชื่อของ พรรคราษฎร โดยดำรงตำแหน่งเป็นหัวหน้าพรรค และลงสมัครรับเลือกตั้งในระบบบัญชีรายชื่อของพรรค ลำดับที่ 2 แต่ไม่ได้รับการเลือกตั้ง[4] จากนั้นจึงยุติบทบาททางการเมืองเป็นการถาวร ถึงแก่อนิจกรรมพล.อ.อ. สมบุญ ระหงษ์ ถึงแก่อนิจกรรมจากอาการหัวใจล้มเหลว และติดเชื้อในกระแสเลือด หลังเข้ารับการรักษาโรคถุงลมโป่งพอง ที่โรงพยาบาลรามาธิบดี เมื่อวันที่ 23 กันยายน พ.ศ. 2556 สิริอายุได้ 81 ปี[5] มีพิธีพระราชทานเพลิงศพเมื่อวันที่ 22 ธันวาคม พ.ศ. 2556 ณ ฌาปนสถานกองทัพอากาศ วัดพระศรีมหาธาตุวรมหาวิหาร เขตบางเขน กรุงเทพมหานคร เครื่องราชอิสริยาภรณ์เครื่องราชอิสริยาภรณ์ต่างประเทศ
เครื่องราชอิสริยาภรณ์ต่างประเทศ
อ้างอิง
|