อดุล อดุลเดชจรัส
พลเอก อดุล อดุลเดชจรัส หรือ หลวงอดุลเดชจรัส (28 มิถุนายน พ.ศ. 2437 - 17 ธันวาคม พ.ศ. 2512) นามเดิม บัตร พึ่งพระคุณ อดีตองคมนตรี รองนายกรัฐมนตรี อธิบดีกรมตำรวจ ผู้บัญชาการทหารบก มีสมญานามว่า "นายพลตาดุ" เป็นหนึ่งในคณะราษฎร ผู้มีส่วนร่วมในการเปลี่ยนแปลงการปกครอง พ.ศ. 2475 โดยขณะนั้นหลวงอดุลเดชจรัส มียศเป็น ร้อยเอก (ร.อ.)[2]ประจำกรมทหารปืนใหญ่ นครราชสีมา และได้หนีราชการมาพระนครด้วยรถไฟเพื่อร่วมในการเปลี่ยนแปลงการปกครอง จนถูกหมายจับจากทางต้นสังกัด ซึ่งตัวของหลวงอดุลเดชจรัสก็ได้อาศัยบ้านของพรรคพวกหลบซ่อนสลับกันไป โดยเฉพาะบ้านของเพื่อนสนิทคือ หลวงพิบูลสงคราม หรือ จอมพล ป. พิบูลสงคราม ในเวลาต่อมา [3] เป็นรองนายกรัฐมนตรีและผู้สั่งราชการแทนนายกรัฐมนตรี จอมพล ป. พิบูลสงคราม ในระหว่างสงครามโลกครั้งที่สอง เป็นรองหัวหน้าขบวนการเสรีไทยในประเทศไทย ในช่วงปลายสงคราม หลังจากมีการผลัดเปลี่ยนรัฐบาล ซึ่งมีส่วนอย่างมากที่ทำให้การดำเนินงานเสรีไทยเป็นไปโดยราบรื่น ทั้งที่เป็นอธิบดีกรมตำรวจภายใต้รัฐบาลที่เป็นพันธมิตรกับกองทัพจักรวรรดิญี่ปุ่น และเป็นหนึ่งในอภิรัฐมนตรีทำหน้าที่ผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์และองคมนตรี หลังจากสิ้นสุดสงครามโลกครั้งที่สองแล้ว หลวงอดุลเดชจรัส ยังได้ร่วมกับนักการเมืองกลุ่มหนึ่ง ก่อตั้งพรรคสหชีพขึ้น โดยมีแนวทางสนับสนุนนายปรีดี พนมยงค์ ผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง และหัวหน้าขบวนการเสรีไทย โดยหลวงอดุลเดชจรัส เป็นหัวหน้าพรรค และ นายเดือน บุนนาค เป็นเลขาธิการพรรค[4] ประวัติอดุล อดุลเดชจรัส เป็นบุตรหลวงบุรีรัฐพิจารณ์ และนางจันทร์ พึ่งพระคุณ เกิดเมื่อวันที่ 28 มิถุนายน พ.ศ. 2437 ที่บ้านพักถนนเจริญกรุง อำเภอบางรัก จังหวัดพระนคร บิดานำตัวไปถวายงานเป็นมหาดเล็กในสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้าจักรพงษ์ภูวนาถ กรมหลวงพิษณุโลกประชานาถ จึงพักอาศัยอยู่ในวังปารุสกวันตั้งแต่เด็ก การศึกษา
รับราชการอดุล อดุลเดชจรัส เริ่มเข้ารับราชการครั้งแรกเมื่อวันที่ 23 พฤษภาคม พ.ศ. 2459 โดยได้รับพระราชทานยศเป็น นายร้อยตรี [5] พ.ศ. 2475 ดำรงตำแหน่งผู้บังคับกองพันทหารปืนใหญ่ ซึ่งเป็นตำแหน่งสุดท้ายในการรับราชการทหาร ก่อนโอนมารับราชการในกรมตำรวจ 14 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2476 ดำรงตำแหน่งรองอธิบดีกรมตำรวจ ในขณะที่ พ.ต.อ.พระยาอนุสสรธุรการ เป็นอธิบดี ขณะนั้นมียศทางทหารเป็น พันตรี [6][7] และได้รับพระราชทานยศ พันตำรวจเอก ขณะมียศทางทหารเป็น พันโท[8]เมื่อวันที่ 2 พฤษภาคม พ.ศ. 2478 [9] 1 เมษายน พ.ศ. 2479 ดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมตำรวจ [10] พ.ศ. 2480 ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย ได้รับพระราชทานยศ พลตำรวจตรี เมื่อวันที่ 16 ตุลาคม พ.ศ. 2483 [11] และได้รับพระราชทานยศ พลตำรวจโท เมื่อวันที่ 21 สิงหาคม พ.ศ. 2485 [12] ในเวลาต่อมาเมื่อรัฐบาลจะยกเลิกบรรดาศักดิ์ไทย หลวงอดุลเดชจรัสในฐานะรัฐมนตรีพร้อมด้วยคณะรัฐมนตรีชุดที่ 9 จึงลาออกจากบรรดาศักดิ์ โดยกลับไปใช้ราชทินนามเป็นนามสกุลได้ว่า อดุล อดุลเดชจรัส เมื่อ พ.ศ. 2484[13] พลตำรวจเอก อดุล อดุลเดชจรัส ได้รับพระราชทานยศเป็น พลเอก พลเรือเอก พลอากาศเอก เมื่อวันที่ 20 พฤศจิกายน พ.ศ. 2486[14] โดยก่อนหน้านั้นได้รับพระราชทานยศ พลตำรวจเอก เมื่อวันที่ 14 กันยายน พ.ศ. 2486 [15] และพ้นจากตำแหน่งอธิบดีกรมตำรวจเมื่อวันที่ 19 กันยายน พ.ศ. 2488 เนื่องจากได้รับโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่ง รองนายกรัฐมนตรี และ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข [16] [17] ก่อนจะได้รับโปรดเกล้าฯ ให้ดำรงตำแหน่ง ผู้บัญชาการทหารบก เมื่อวันที่ 26 มิถุนายน พ.ศ. 2489[18] กระทั่งลาออกจากตำแหน่งผู้บัญชาการทหารบกเมื่อวันที่ 18 พฤศจิกายน พ.ศ. 2490 เพื่อดำรงตำแหน่งอภิรัฐมนตรีเพียงตำแหน่งเดียว [19] โดยได้ดำรงตำแหน่งคณะอภิรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 9 พฤศจิกายน พ.ศ. 2490 [20] ทำหน้าที่ผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ ก่อนพระราชพิธีบรมราชาภิเษก พ.ศ. 2493 ต่อมาในวันที่ 18 มิถุนายน พ.ศ. 2492 ได้มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งให้ท่านเป็นองคมนตรี [21] ทางราชการได้สร้างเรือนหลังเล็กในบริเวณวังปารุสกวันให้เป็นที่พัก จนถึงแก่อนิจกรรมเมื่อวันที่ 17 ธันวาคม พ.ศ. 2512 ที่โรงพยาบาลรามาธิบดี ด้วยโรคชรา ยศ ตำแหน่ง บรรดาศักดิ์
ชีวิตส่วนตัวพล.อ. อดุล สมรสกับคุณหญิงเปี่ยมสุข อดุลเดชจรัส มีบุตรธิดารวมกันทั้งสิ้น 4 คน[23] ท่านได้รับการยกย่องว่าเป็นผู้ที่ขึ้นสู่ตำแหน่งสูงสุดทางการเมือง แต่กลับไม่แสวงหาอำนาจ กลับพอใจที่จะดำรงชีวิตแบบเรียบง่าย และซื่อสัตย์ เครื่องราชอิสริยาภรณ์
สถานที่อันเนื่องด้วยนาม
อ้างอิง
|