มหาวิทยาลัยราชภัฏอุดรธานี
มหาวิทยาลัยราชภัฏอุดรธานี (อังกฤษ : Udon Thani Rajabhat University, อักษรย่อ: มร.อด. – UDRU) เป็นมหาวิทยาลัยของรัฐ ตั้งอยู่ที่อำเภอเมืองอุดรธานี จังหวัดอุดรธานี ก่อตั้งเมื่อปี พ.ศ. 2466 เป็นโรงเรียนฝึกหัดครูกสิกรรมมณฑลอุดร ต่อมาในปี พ.ศ. 2503 ยกฐานะเป็น วิทยาลัยครูอุดรธานี จนกระทั่งเมื่อวันที่ 14 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2535 พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร รัชกาลที่ 9 ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานชื่อ “สถาบันราชภัฏ” ให้กับวิทยาลัยครูทั่วประเทศ วิทยาลัยครูอุดรธานีจึงได้ยกฐานะเป็น สถาบันราชภัฏอุดรธานีและเปลี่ยนประเภทเป็น มหาวิทยาลัยราชภัฏอุดรธานีในปี พ.ศ. 2547 ปัจจุบันทางมหาวิทยาลัยขยายการศึกษาออกไปเพื่อจัดตั้งเป็น (ม.ใหม่) ที ศูนย์การศึกษาสามพร้าว ตำบลสาพร้าว อำเภอเมืองอุดรธานี ห่างจากพื้นที่เดิมประมาณ 15 กิโลเมตร ประวัติยุคแรก : ก่อกำเนิดนามโรงเรียนฝึกหัดครูกสิกรรมประจำมณฑลแรกเริ่มก่อตั้งเมื่อวันที่ 1 พฤศจิกายน พ.ศ. 2466 โดยใช้ชื่อว่า “โรงเรียนฝึกหัดครูกสิกรรมมณฑลอุดร”[3] มีสถานที่ตั้งเดิมอยู่ที่บริเวณสโมสรเสือป่ามณฑลอุดร (ตรงบริเวณถัดไปจากทุ่งศรีเมืองอุดร)เป็นที่ตั้งชั่วคราว มีราชบุรุษเพิ่ม การสมศีล ทำหน้าที่แทนครูใหญ่ เปิดสอนหลักสูตรประกาศนียบัตรครูมณฑล โดยรับนักเรียนชายที่จบประถมศึกษาปีที่ 4 เข้าศึกษาต่ออีก 2 ปี นักเรียนเหล่านี้เป็นนักเรียนทุนจากจังหวัดต่าง ๆ ในมณฑลอุดร ต่อมาไม่นานจึงมีการก่อสร้างอาคารเรียนถาวรบริเวณห้วยโซ่ (พื้นที่ในปัจจุบัน) บนพื้นที่ประมาณ 350 ไร่ ยุคที่ 2 : ยุบ ย้าย รวมตั้งเป็นโรงเรียนฝึกหัดครูอุดรธานีโรงเรียนฝึกหัดครูกสิกรรมมณฑลอุดร ต่อมาได้เปลี่ยนชื่อเป็น “โรงเรียนฝึกหัดครูมณฑลอุดร” แต่ทำการเปิดสอนหลักสูตรประกาศนียบัตรครูมณฑลเช่นเดิม
ยุคที่ 3 : วิทยาลัยครูอุดรธานีต่อมาเมื่อวันที่ 29 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2503 กระทรวงศึกษาธิการได้ประกาศยกฐานะโรงเรียนฝึกหัดครูอุดรธานีเป็น “วิทยาลัยครูอุดรธานี”[4] พร้อมกับเปิดสอนในหลักสูตรประกาศนียบัตรวิชาการศึกษาชั้นสูง (ป.กศ. สูง) และหลักสูตรปริญญาตรีของสภาการฝึกหัดครู โดยกำหนดในพระราชบัญญัติวิทยาลัยครู พ.ศ 2518 ตั้งแต่เมื่อวันที่ 1 พฤษภาคม พ.ศ. 2503 เป็นต้นมา
ยุคที่ 4 : นามพระราชทาน "สถาบันราชภัฏอุดรธานี"วันที่ 14 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2535[5] พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร รัชกาลที่ 9 ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานชื่อ “สถาบันราชภัฏ” ให้กับวิทยาลัยครูทั่วประเทศ จึงมีผลทำให้วิทยาลัยครูอุดรธานี เปลี่ยนชื่อใหม่เป็น สถาบันราชภัฏอุดรธานีตั้งบัดนัน ครั้นต่อมาเมื่อวันที่ 6 มีนาคม พ.ศ. 2538 พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร มีพระมหากรุณาธิคุณต่อชาวราชภัฏเป็นล้นพ้นด้วยทรงพระเมตตา ทรงรพระกรุณาโปรดกล้าฯ พระราชทานพระราชลัญจกรประจำพระองค์ให้เป็น “สัญลักษณ์ประจำสถาบันราชภัฏ” นับเป็นมหาสิริมงคลอันควรที่ชาวราชภัฏทั้งมวลจักได้ภาคภูมิใจ และพร้อมใจกันปฏิบัติหน้าที่สนองพระมหากรุณาธิคุณให้เต็มความสามารถในอันที่จะพัฒนาสถาบันราชภัฏให้เป็น สถาบันอุดมศึกษาเพื่อการพัฒนาท้องถิ่นอย่างแท้จริง สถาบันราชภัฏอุดรธานีได้เปิดสอนในสาขาวิชาการศึกษา สาขาวิชาวิทยาศาสตร์และสาขาวิชาศิลปศาสตร์ ตามหลักสูตรวิทยาลัยครู (ฉบับปรับปรุง พุทธศักราช 2536) และปรับปรุง พ.ศ. 2543 ในระดับอนุปริญญา ปริญญาตรี และบัณฑิตศึกษา และมีภารกิจตามพระราชบัญญัติสถาบันราชภัฏ พ.ศ. 2538
ยุคที่ 5 : มหาวิทยาลัยเพื่อการพัฒนาท้องถิ่นวันที่ 10 มิถุนายน พ.ศ. 2547[6] พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร รัชกาลที่ 9 ทรงลงพระปรมาภิไธย พระราชบัญญัติมหาวิทยาลัยราชภัฏ พ.ศ. 2547 และประกาศในราชกิจจานุเบกษา เมื่อวันที่ 14 มิถุนายน พ.ศ. 2547 ส่งผลให้สถาบันราชภัฏอุดรธานี ได้รับการยกฐานะและปรับเปลี่ยนสถานภาพเป็น “มหาวิทยาลัยราชภัฏอุดรธานี” ตั้งแต่วันที่ 15 มิถุนายน พ.ศ. 2547 เป็นต้นมา บนพื้นที่ทั้งหมด 237 ไร่ 3 งาน 37 ตารางวา ซึ่งเหลือจากการแบ่งส่วนให้หน่วยงานราชการอื่น ๆ โดยมหาวิทยาลัยราชภัฏอุดรธานี มีภารกิจและปณิธานตามพระราชบัญญัติมหาวิทยาลัยราชภัฏ พ.ศ. 2547
ยุคปัจจุบัน : ขยายการศึกษาเพื่อการพัฒนาท้องถิ่นอย่างแท้จริงมหาวิทยาลัยราชภัฏอุดรธานี ซึ่งรับผิดชอบการจัดการศึกษาในระดับอุดมศึกษาได้ตระหนักถึงบทบาทหน้าที่และพันธกิจในการพัฒนาบุคลากร ในสาขาอาชีพต่างๆ มหาวิทยาลัยได้คำนึงถึงการกระจายโอกาสทางการศึกษาในระดับอุดมศึกษา เพื่อตอบสนองความต้องการของชุมชน ทางมหาวิทยาลัยจึงได้ขยายการศึกษาเพื่อการพัฒนาท้องถิ่นอย่างแท้จริง กล่าวคือ เมื่อปี พ.ศ. 2547 [7]ได้มีการจัดตั้ง "ศูนย์การศึกษาบึงกาฬ" ในเขตอำเภอบึงกาฬ จังหวัดหนองคาย (ปัจจุบันเป็นอำเภอเมืองบึงกาฬ จังหวัดบึงกาฬ) โดยวัตถุประสงค์การจัดตั้งนั้น มหาวิทยาลัยราชภัฏอุดรธานีมีความจำเป็นอย่างยิ่งเพื่อให้การปฏิบัติภารกิจหน้าที่ดังกล่าวบรรลุเป้าหมายได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด และต่อมาปี พ.ศ. 2549 [8]สภามหาวิทยาลัยฯ ได้อนุมัติโครงการขยายมหาวิทยาลัยฯ บนพื้นที่ใหม่ ณ ตำบลสามพร้าว อำเภอเมือง จังหวัดอุดรธานี โดยมีเป้าหมายเพื่อเป็นศูนย์กลางการบริการความรู้ การฝึกอบรม การศึกษาวิจัย รวมถึงการขยายโอกาสทางการศึกษาในเขตพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบนและประเทศเพื่อนบ้าน โดยใช้ชื่อว่า "โครงการจัดตั้งศูนย์การศึกษาสามพร้าว มหาวิทยาลัยราชภัฏอุดรธานี" ตั้งอยู่บนพี้นที่สาธารณประโยชน์บริเวณโคกขุมปูน หมู่ที่ 1 บ้านสามพร้าว ตำบลสามพร้าว อำเภอเมือง จังหวัดอุดรธานี บนพื้นที่ 2,090 ไร่ ในความรับผิดชอบขององค์การบริหารส่วนตำบลสามพร้าว ซึ่งมีโครงการก่อสร้างอาคารและพัฒนาสถานที่ให้กลายเป็นศูนย์วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเพื่อการวิจัย และพัฒนาท้องถิ่น ซึ่งเป็นหน่วยงานวิจัย สร้างองค์ความรู้และวิทยาการสมัยใหม่ที่มีบทบาทต่อการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมให้แก่ท้องถิ่นชุมชน เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันกับตลาดโลกในอนาคต นอกจากนี้ ยังมีโครงการจัดตั้งอุทยานวิทยาศาสตร์ (Science Parks) เพื่อเป็นแหล่งความรู้ทางด้านวิทยาศาสตร์ สาธารณสุข การแพทย์และพยาบาล การเกษตรและเลี้ยงสัตว์ ศูนย์ศึกษาพันธุ์ไม้พื้นเมือง และอาคารโรงพยาบาล เพื่อเป็นศูนย์ศึกษาด้านวิทยาศาสตร์การแพทย์ของนักศึกษา และให้บริการท้องถิ่นชุมชนในอนาคต การศึกษาหน่วยงานภายใน
สำนักวิชาคณะ
โรงเรียนสาธิตศูนย์การศึกษาเป็นวิทยาเขตแห่งเดียวของมหาวิทยาลัยราชภัฏอุดรธานี ซึ่งมีที่ตั้งนอกเขตจังหวัดตั้งอยู่พื้นที่ จังหวัดบึงกาฬ การวิจัยมหาวิทยาลัยราชภัฏอุดรธานี [9]ได้นำผลงานวิจัยไปจัดแสดงในงาน “มหกรรมวิจัยแห่งชาติ 2559 (Thailand Research Expo 2016)” ซึ่งได้ขึ้น ระหว่างวันที่ 17 – 21 สิงหาคม 2559 ณ โรงแรมเซ็นทาราแกรนด์ และบางกอกคอนเวนชันเซ็นเตอร์ เซ็นทรัลเวิลด์ กรุงเทพฯ ภายใต้แนวคิด “วิจัยเพื่อพัฒนาประเทศสู่ความมั่นคง มั่งคั่ง และยั่งยืน” โดยสำนักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ (วช.) และหน่วยงานเครือข่ายในระบบวิจัยทั่วประเทศ โดยการจัดงานครั้งนี้ได้รับพระมหากรุณาจากสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จพระราชดำเนินเป็นประธานเปิดงานในวันที่ 17 สิงหาคม พ.ศ. 2559 เวลา 15.00 น. และทรงเสด็จพระราชดำเนินชมนิทรรศการภายในงาน โดยทรงให้ความสนพระทัยในบูทนิทรรศการแสดงผลงานวิจัยของมหาวิทยาลัยราชภัฏอุดรธานี สร้างความปลื้มปิติแก่ชาวราชภัฏอุดรธานีเป็นล้นพ้น โดยในครั้งนี้ทางมหาวิทยาลัยราชภัฏอุดรธานีได้นำผลงานวิจัยไปจัดแสดงรวม 2 ผลงาน ได้แก่
โดยคณะวิจัย ผศ.ดร.น.สพ.ฤทธิชัย พิลาไชย , สพ.ญ.ปราณปรียา คำมี , ผศ.สุดาวรรณ ชื่นปรีชา , ดร.น.สพ.ยศวริศ เสมามิ่ง และ น.สพ.ธีระกุล นิลนนท์ : สาขาวิชาเทคนิคการสัตวแพทย์ คณะเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยราชภัฏอุดรธานี
โดยคณะวิจัย ผศ.ดร.น.สพ.ฤทธิชัย พิลาไชย , ผศ.ดร.อนันต์ เพชรล้ำ , ผศ.ดร.นิราวรรณ กุนัน , ดร.วลัยลักษณ์ แก้ววงษา , ดร.ภัทยา นาประเสริฐ , อ.วีระชัย ทองดี และ อ.เยาวพล ชุมพล : สาขาวิชาเทคโนโลยีการผลิตสัตว์ , สาขาวิชาเทคโนโลยีการผลิตพืช , ศูนย์วิจัยและพัฒนาท้องถิ่น บ้านตาด คณะเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยราชภัฏอุดรธานี พื้นที่มหาวิทยาลัยพื้นที่เก่าในเมือง
อาคารเฉลิมพระเกียรติฯ มหาวิทยาลัยราชภัฏอุดรธานี เป็นการอาคารที่มีลักษณะเด่น เมื่อมองเข้ามายังมหาวิทยาลัยฯ จะมองเห็นเด่นชัด มีความสูง 15 ชั้น ปัจจุบันใช้เป็นอาคารสำหรับการบริหารงานของมหาวิทยาลัย และหอประชุมขนาดเล็กและปานกลางจำนวนหลายห้อง โดยเป็นที่ทำการของสำนักงานอธิการบดี
หอประวัติ มหาวิทยาลัยราชภัฏอุดรธานี เป็นสถานที่สำคัญของมหาวิทยาลัยฯ เป็นศูนย์การจัดการแสดงเกียรติประวัติของมหาวิทยาลัยฯ และความเป็นมาของมหาวิทยาลัย รวมทั้งความเป็นมาและความเป็นอยู่ อาชีพ รูปภาพเก่า ของจังหวัดอุดรธานีด้วย จะเปิดให้เข้าเยี่ยมชมได้เฉพาะเป็นกรณีพิเศษ เช่น จัดงานวันสถาปนา งานวันวิทยาศาสตร์-ราชภัฏอุดรธานีวิชาการ เป็นต้น
หอประชุม อเนกประสงค์ มหาวิทยาลัยราชภัฏอุดรธานี หรือเหล่านักศึกษานิยมเรียกว่า "อาคารกิจการนักศึกษา" เป็นอาคารขนาดใหญ่ 2 ชั้น โดยมีหอประชุมขนาดใหญ่ในบริเวณชั้น 2 ขนาดบรรจุได้ 5,000 ที่นั่ง ส่วนบริเวณชั้นล่างเป็นที่ทำการของส่วนงานกิจการนักศึกษา อาทิเช่น กองพัฒนานักศึกษา องค์การนักศึกษา เป็นต้น ลักษณะอาคารเป็นแบบบ้านชั้นเดี่ยวแต่มีหน้าจั่ง 2 ทิศทั้งด้านหน้าและด้านข้างด้านขาวหากมองด้านหน้าของตัวอาคาร โดยมีทางเข้า-ออกมหาวิทยาลัยฯ ไปสู่ตัวเมืองอุดรธานี ด้านข้างหอประชุมฯ ด้วย ส่วนหอประชุมชั้น 2 มีทางขึ้น-ลง 4 มุมอาคาร และทางลาดขนาดใหญ่สำหรับยานพาหนะทางด้านข้าง
สนามกีฬาใหม่ มหาวิทยาลัยราชภัฏอุดรธานี เป็นสนามฟุตบอลขนาดมาตรฐานและมีลู่วิ่งรอบสนาม เมื่อปี พ.ศ. 2560 สโมรสฟุตบอลจังหวัดอุดรธานี (อุดรธานี เอฟซี) ใช้เป็นสนามเหย้าของสโมสร[10] พื้นที่ใหม่สามพร้าว
หอประชุมใหญ่ มหาวิทยาลัยราชภัฏอุดรธานี (สามพร้าว) เป็นโครงการก่อสร้างหอประชุมนานาชาติและใช้เป็นสถานที่สำหรับจัดงานพิธีพระราชทานปริญญาบัตรแก่ผู้สำเร็จการศึกษาจากมหาวิทยาลัยราชภัฏอุดรธานี-มหาวิทยาลัยราชภัฏเขตภาคตะวันออกเฉียงเหนือ (ในอนาคต) และเพื่อให้ประชาชนพร้อมด้วยชุมชนใช้ประโยชน์ในการจัดสัมนาฯ หรือประชุม รวมถึงการจัดแสดงสินค้าต่างๆ การออกแบบได้รับแรงบันดาลใจจากดอกทองกวาว ซึ่งเป็นดอกไม้ประจำจังหวัดอุดรธานีและประจำมหาวิทยาลัยฯ เนื่องจากตัวอาคารมีความลาดโค้งหลายระดับ และปัจจุบันก่อสร้างแล้วเสร็จแล้วเมื่อปลายี พ.ศ. 2559 กิจกรรมที่จัดภายในหอประชุมใหญ่ ได้แก่ พิธีไหว้ครู ประจำปี 2563 และการแข่งขันกีฬามหาวิทยาลัยแห่งประเทศไทย ครั้งที่ 48
อาคาร 100 ปี มหาวิทยาลัยราชภัฏอุดรธานี ก่อสร้างแล้วเสร็จแล้วเมื่อปลายปี พ.ศ. 2559 เป็นอาคารเรียนรวมและตึกบริหารของมหาวิทยาลัย ที่จะย้ายออกไปทำการในพื้นที่ใหม่สามพร้าวในอนาคต เป็นอาคารที่มีเอกลักษณ์ของจังหวัดอุดรธานี โดยมีแรงบบันดาลใจมาจากไหบ้านเชียง แหล่งมรดกโลกของชาวจังหวัดอุดรธานี ปัจจุบันใช้เป็น "สำนักบริหารงานมหาวิทยาลัย ส่วนสามพร้าว" และห้องเรียนรวมของนักศึกษา
อาคารกลุ่มเทคโนโลยี หรือเรียกอีกอย่างว่า "อาคาร TB" อาคารกลุ่มเทคโนโลยี TB เหล่านี้เป็นอาคารที่ก่อสร้างขึ้นช่วงแรกๆ ในโครงการขยายพื้นที่มหาวิทยาลัยออกไปสู่ตำบลสามพร้าว โดยสร้างแล้วเสร็จประมาณราวปี พ.ศ. 2551 และรับนักศึกษาเข้าศึกษาในพื้นที่อาคารเมื่อปีการศึกษา 2553 และนิยมเรียกนักศึกษารุ่นนี้ว่า "ดอกเห็ดช่องที่ 1" ต่อมาเหล่านักศึกษารุ่นหลังก็ถูกนับเรียงชื่อดอกเห็ดเป็นรุ่นๆ ตามกันมา ปัจจุบันอาคารกลุ่มเทคโนโลยี TB มีทั้งหมด 6 อาคาร โดยกลุ่มตัวอาคารเป็นสีขาว คือ (1) อาคาร TB1 เป็นอาคารตึก 2 ชั้นอยู่ทางบริเวณด้านหลังอาคาร TB2 โดยมีทางเชื่อมไปมาถึงกันได้บริเวณทางด้านหลังของอาคาร TB2 ชั้น 2 ปัจจุบันอาคาร TB1 ใช้เป็นอาคารเรียนรวมของนักศึกษาพื้นที่ใหม่ ปัจจุบันใช้เป็นสถานทำการเรียนการสอนของชั้นปีที่ 1-4 คณะเทคโนโลยี (2) อาคาร TB2 เป็นอาคารตึก 4 ชั้นอยู่ทางทิศใต้ของถนนภายในมหาวิทยาลัยโดยมุ่งหน้าไปหอพักนักศึกษาชาย-หญิง ปัจจุบัน อาคาร TB2ใช้เป็นอาคารเรียนรวมของนักศึกษาพื้นที่ใหม่ เนื่องจากอาคารเรียนรวม ปัจจุบันใช้เป็นสถานทำการเรียนการสอนของชั้นปีที่ 1-4 คณะเทคโนโลยี (3) อาคาร TB3 เป็นอาคารขนาดใหญ่ 4 ชั้นกว้างขวาง อยู่ตรงข้ามอาคาร TB2 ทางทิศเหนือของถนนภายในมหาวิทยาลัยโดยมุ่งหน้าไปหอพักนักศึกษาชาย-หญิง ปัจจุบันชั้นล่าง เป็นศูนย์อาหารและเคยเป็นอดีตศูนย์บริหารงานของมหาวิทยาลัย อาทิเช่น งานคลัง งานทะเบียน งานบริหารมหาวิทยาลัย(ส่วยย่อย) เมื่อแรกเริ่มก่อตั้งขยายพื้นที่โดยเพื่ออำนวยความสะดวกแก่นักศึกษาที่ศึกษาอยู่ในพื้นที่ใหม่สามพร้าว โดยไม่ต้องเดินทางมาติดต่อที่พื้นที่เก่าในเมือง และส่วนด้านในยังเป็น "สำนักงานคณบดี" ของคณะเทคโนโลยีด้วย (ปัจจุบันย้ายไปที่อาคารวิศวกรรมศาสตร์ฯ) ส่วนชั้น 2 - 4 เป็นส่วนห้องเรียนขนาดใหญ่ และภายในชั้น 4 ยังแบ่งส่วนเป็นหอประชุมขนาด 300 ที่นั่ง (4) อาคาร TB4 เป็นอาคารตึก 4 ชั้น อยู่ทิศเหนือด้านหลังอาคาร TB3 โดยมีทางเชื่อมไปมาถึงกันได้บริเวณทางด้านหลังของอาคาร TB3 ทุกชั้น ปัจจุบันใช้เป็นอาคารสำหรับเรียนรวมในวิชาพื้นฐานและวิชาทั่วไปของคณะเทคโนโลยี (5) อาคาร TB5 เป็นอาคารตึก 2 ชั้น อยู่ทิศเหนือด้านหลังอาคาร TB3 ถัดจากอาคาร TB4ปัจจุบันใช้เป็นอาคารเรียนและสถานที่ฝึกปฏิบัติของนักศึกษาคณะเทคโนโลยีทุกสาขาวิชา (6) อาคาร TB6 เป็นอาคารตึก 2 ชั้น อยู่ทิศเหนือด้านหลังสุดของอาคาร TB4 ถัดจากอาคาร TB5 ไป ปัจจุบันใช้เป็นอาคารเรียนและสถานที่ฝึกปฏิบัติของนักศึกษากลุ่มวิชาวิศวกรรมศาสตร์ (7) อาคาร TB7 เป็นอาคารชั้นเดียว รูปทรงโมเดิร์น 2 หลังหันหน้าเข้าหากัน อยู่ทิศตะวันตกของอาคาร TB4 และ TB5 ปัจจุบันใช้เป็นอาคารเรียนของนักศึกษาสาชาวิชาโยธาสถาปัตยกรรม (8) อาคารเทคโนโลยีสื่อสาร เฉลิมพระเกียรติฯ เดิมชื่อว่า อาคารวิศวกรรมศาสตร์ เฉลิมพระเกียรติฯ ก่อสร้างแล้วเสร็จเมื่อปี พ.ศ. 2561 เป็นอาคารสีน้ำตาลเข้มพร้อมลวดลายผ้าหมี่ขิด ซึ่งเป็นลายผ้าประจำจังหวัดอุดรธานี ปัจจุบันอาคารปฏิบัติการและที่ตั้ง "สำนักงานคณบดี" ของคณะเทคโนโลยี (9) อาคารปฏิบัติการเทคโนโลยีการอาหาร เป็นอาคาร 4 ชั้น อยู่ทางทิศเหนือสุดของกลุ่มอาคารเทคโนโลยีหันหน้าตรงข้ามกับอาคารเทคโนโลยีสื่อสาร เฉลิมพระเกียรติฯ ปัจจุบันใช้เป็นอาคารเรียนและสถานที่ฝึกปฏิบัติของนักศึกษากลุ่มวิชาอาหารและบริการ (10) อาคารปฏิบัติการทางเกษตร เป็นอาคารชั้นเดียว ใช้สำหรับฝึกปฏิบัติงานของกลุ่มวิชาเกษตร ได้แก่ อาคารจรรยาบรรณสัตว์ทดลอง ศูนย์การเรียนรู้และฝึกอบรมฯ โรงเรือนฝึกปฏิบัติการธุรกิจการเกษตร โรงเรือนฝึกปฏิบัติการวิทยาศาสตร์ และฟาร์มฮัก (11) อาคารปฎิบัติการครุศาสตร์อุตสาหกรรม เป็นอาคารห้องโถงฝึกปฏิบัติการนักศึกษากลุ่มวิชาครุศาสตร์อุตสาหกรรม ที่ตั้งอยู่ใกล้กับอาคารเทคโนโลยีสื่อสาร เฉลิมพระเกียรติฯ ด้านซ้ายทอดยาวคู่ขนานกัน
อาคารกลุ่มวิทยาศาตร์ หรือเรียกอีกอย่างว่า "อาคาร ScB" อาคารกลุ่มวิทยาศาสตร์ ScB เหล่านี้เป็นอาคารที่ก่อสร้างขึ้นช่วงที่สองของโครงการขยายพื้นที่มหาวิทยาลัยออกไปสู่ตำบลสามพร้าว โดยเริ่มโครงการสร้างเมื่อประมาณปี พ.ศ. 2552 โดยสร้างอาคาร ScB1 ขนาดใหญ่ของกลุ่มขึ้นก่อนแล้วสร้างอาคารอื่นๆ ตามลำดับถัดมา ปัจจุบันอาคารอาคารกลุ่มวิทยาศาสตร์ ScB พวกนี้ก่อสร้างแล้วเสร็จเมื่อปี พ.ศ. 2555 โดยมีอาคารทั้งหมด 4 อาคารโดยกลุ่มตัวอาคารเป็นสีฟ้า-ขาว คือ (1) อาคาร ScB1 เป็นอาคารขนาดใหญ่ 6 ชั้นกว้างขวางมีพื้นทีมาก ติดถนนภายในทางด้านทิศตะวันออก นับถัดจากอาคาร ScB2 ถัดไป เป็นโครงการย้ายคณะวิทยาศาสตร์จากพื้นที่เก่าในเมืองที่คับแคบออกไปดำเนินการเรียนการสอน โดยในอนาคตจะเป็นที่ตั้งสำนักงานคณบดีคณะวิทยาศาสตร์ และเปิดสอนทางสายวิทยาศาสร์สุขภาพมากขึ้นในลำดับถัดไป โดยปัจจุบันเใช้เป็นอาคารเรียนรวมของนักศึกษาพื้นที่ใหม่ เนื่องจากอาคารเรียนรวมและที่ทำการ "สำนักงานคณบดี" คณะวิทยาศาสตร์ (2) อาคาร ScB2 เป็นอาคารตึก 6 ชั้นตรงสูง ติดถนนภายในทางด้านทิศตะวันออก จะเจอตัวอาคารนี้ก่อนตัวอาคารอื่นๆ ในกลุ่มทั้งหม โดยภายในมีห้องเรียนและอุปกรณ์ทางการวิจัย ทดลองและแหล่งเรียนรู้สำหรับด้านวิทยาศาสตร์ครบครัน ปัจจุบันใช้เป็นสถานทำการเรียนการสอนของชั้นปีที่ 1-4 คณะวิทยาศาสตร์ (3) อาคาร ScB3 เป็นอาคารตึก 5 ชั้น ตั้งอยู่บริเวณด้านหลังของตัวอาคาร ScB2 ถัดไปโดยมีทางเชื่อมระหว่างกันทุกๆชั้น และภายในมีห้องเรียนและอุปกรณ์ทางการวิจัย ทดลองและแหล่งเรียนรู้สำหรับด้านวิทยาศาสตร์ครบครัน ปัจจุบันใช้เป็นสถานทำการเรียนการสอนของชั้นปีที่ 1-4 คณะวิทยาศาสตร์ (4) อาคาร ScB4 เป็นอาคารตึก 5 ชั้น อาคารนี้ตั้งอยู่บริเวณด้านในสุดของกลุ่มอาคาร ซึ่งอยู่ด้านหลังของตัวอาคาร ScB3 ถัดไป ส่วนด้านหลังของอาคารนี้จะมองเห็นกลุ่มอาคารเทคโนโลยี TB ด้วย โดยอยู่ห่างกันไม่มากนัก ส่วนด้านภายในอาคารมีห้องเรียนและอุปกรณ์ทางการวิจัย ทดลองและแหล่งเรียนรู้สำหรับด้านวิทยาศาสตร์ครบครัน ปัจจุบันใช้เป็นสถานทำการเรียนการสอนและที่ทำการ "สำนักงานคณบดี" คณะพยาบาลศาสตร์
(1) อาคารศูนย์การเรียนรู้เทคโนโลยีและภาษาอาเซียน เป็นอาคารขนาดใหญ่ 5 ชั้น พร้อมอาคารลูกด้านหน้า 2 ชั้น ก่อสร้างเสร็จเมื่อปี พ.ศ. 2561 ติดถนนภายในมหาวิทยาลัยทางไปหอพักนักศึกษาชาย-หญิง โดยอาคารมีลักษณะเด่นคือตัวอาคารมีสีส้ม-ขาว เอกลักษณ์ลายลวดผ้าหมี่ขิดด้านหน้าอาคาร ปัจจับันใช้เป็นอาคารเรียนรวมของนักศึกษาและที่ทำการ "สำนักงานคณบดี" คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ (2) อาคาร PL หรือ ชื่อเต็มว่า "Public Administration and Law นิติรัฐประศาสนศาสตร์" ก่อสร้างแล้วเสร็จเมื่อปี พ.ศ. 2562 เป็นอาคารขนาด 4 ชั้นยกใต้ถุนสูง อยู่ถัดไปจากอาคารศูนย์การเรียนรู้เทคโนโลยีและภาษาอาเซียน โดยมีสีดำ-ขาว พร้อมลายลวดผ้าหมี่ขิดด้านหน้าอาคาร ปัจจุบันใช้เป็นอาคารเรียนของสาขาวิชานิติศาสตร์และสาขาวิชารัฐประศาสนศาสตร์ คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์
(1) บ้านพักคณาจารย์ (2) หอพักบุคลากร (3) หอพักนักศึกษา
เป็นพื้นที่ห้องสมุด สื่บค้นข้อมูลทางการศึกษา และห้องประชุมกลุ่มเล็กของนักศึกษา
สถนามกีฬากลาง มหาวิทยาลัยราชภัฏอุดรธานี (สามพร้าว) เป็นสถานที่ออกกำลังกายกลางแจ้งของนักศึกษาในพืนที่ใหม่สามพร้าว และยังเป็นที่จัดกิจกรรม นันทนาการต่างๆมากมาย เช่น การแข่งขันกีฬามหาวิทยาลัยแห่งประเทศไทย ครั้งที่ 48 วันสำคัญวันสถาปนาทุกวันที่ 1 พฤศจิกายน [11]ของทุกปี นับว่าเป็น "วันสถาปนามหาวิทยาลัยราชภัฏอุดรธานี" โดยมหาวิทยาลัยจะจัดพิธีทำบุญตักบาตรบริเวณลานหน้าหอประวัติ มหาวิทยาลัยราชภัฏอุดรธานี เพื่อความเป็นสิริมงคล และรำลึกถึงการก่อตั้งมหาวิทยาลัย ที่มีวิวัฒนาการมาจากโรงเรียนฝึกหัดครูกสิกรรมมลฑลอุดร เมื่อปี พ.ศ. 2466 จากนั้นได้รับการยกฐานะเป็นวิทยาลัยครูอุดรธานี สถาบันราชภัฏอุดรธานี จนกระทั่งเมื่อปี พ.ศ. 2547 พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ทรงลงพระปรมาภิไธย และประกาศในราชกิจจานุเบกษาให้สถาบันราชภัฏอุดรธานี ได้รับการยกฐานะและปรับเปลี่ยนสถานภาพในวันที่ 15 มิถุนายน พ.ศ. 2547 เป็น “มหาวิทยาลัยราชภัฏอุดรธานี” ตั้งแต่นั้นมา วันราชภัฏทุกวันที่ 14 กุมภาพันธ์ [12]ของทุกปี เป็น “วันราชภัฏ” สืบเนื่องจากวันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2535 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดชฯ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานนาม สถาบันราชภัฏแก่วิทยาลัยครูอุดรธานี และวิทยาลัยครูทั่วประเทศ และได้มีพระมหากรุณาธิคุณโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมพระราชทานพระบรมราชานุญาต ให้อัญเชิญตราพระราชลัญจกรส่วนพระองค์ เป็นตราประจำมหาวิทยาลัยราชภัฏอุดรธานีและมหาวิทยาลัยราชภัฏทั่วประเทศ นับเป็นพระมหากรุณาธิคุณล้นเกล้าล้นกระหม่อมหาที่สุดมิได้ เป็นสิ่งที่นำความภาคภูมิใจสูงสุดมาสู่ชาวมหาวิทยาลัยราชภัฏอุดรธานี และมหาวิทยาลัยราชภัฏทั่วประเทศ ซึ่งชาวมหาวิทยาลัยราชภัฏอุดรธานีในฐานะสถาบันอุดมศึกษาเพื่อการพัฒนาท้องถิ่น สมควรจะเทิดพระมหากรุณาธิคุณนี้ไว้เหนือเกล้าและจงรักภักดีด้วยการตั้งปณิธานที่จะประพฤติ และปฏิบัติหน้าที่เจริญรอยตามเบื้องพระยุคลบาท ในการพัฒนาประเทศและบำบัดทุกข์ บำรุงสุขแก่พี่น้อง ประชาชนชาวไทย ดังนั้น วันที่ 14 กุมภาพันธ์ ถือว่าเป็นวันราชภัฏ ซึ่งชาวมหาวิทยาลัยราชภัฏอุดรธานีจึงถือเป็นการสถาปนามหาวิทยาลัยราชภัฏอุดรธานีด้วยเช่นกัน[13] คำว่า “ราชภัฏ” ให้ความหมายที่กินใจความว่า “คนของพระราชา…ข้าของแผ่นดิน” หากตีความตามความรู้สึกยิ่งกินใจและตีความได้กว้างขวางยิ่งขึ้นไปอีกนั่นก็คือ “การถวายงานประดุจข้าราชบริพารที่รับใช้ใกล้ชิดเบื้องพระยุคลบาทที่ต้องถวายงานอย่างสุดความสามารถ สุดชีวิต และสุดจิตสุดใจ” ซึ่งการเป็นคนของใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาทย่อมเป็นข้าของแผ่นดินอีกด้วย เนื่องจากว่าใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาทผู้เป็นมิ่งขวัญของพวกเราชาวราชภัฏ ทรงเป็นแบบอย่างการทรงงานเพื่อบ้านเมือง และแผ่นดินอย่างที่มิเคยทรงหยุดพักแม้เพียงนิด แม้ยามที่ทรงประชวรก็ไม่เคยหยุดทรงงาน เพื่อความสุขของปวงชนชาวสยามของพระองค์นั้นเองด้วยเหตุผลเหล่าใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาทจึงได้พระราชทานพระราชลัญจกร อันเป็นเครื่องประกอบพระราชอิศริยยศ พระราชอิศริยศักดิ์ ลงมาเป็นตราสัญลักษณ์ประจำมหาวิทยาลัยราชภัฏ ประหนึ่งเครื่องเตือนความทรงจำว่าพวกเราชาวราชภัฏคือ “คนของพระราชา และข้าของแผ่นดิน” เนื่องในวันราชภัฎ[14] ในทุกๆ มหาวิทยาลัยราชภัฎอุดรธานี และมหาวิทยาลัยราชภัฏทั่วประเทศ จึงได้จัดกรรมต่างๆ ขึ้นอาทิ การทำบุญตักบาตร การจัดนิทรรศการ การเสวนาทางวิชาการ และการมอบรางวัลต่างๆ เป็นต้น ซึ่งเป็นกิจกรรมที่ดีต่อการสนับสนุนอุดมการณ์ของ “ชาวราชภัฎ” หนึ่งในรอบปีมีวาระสำคัญอย่างยิ่งที่พวกเราเลือดราชภัฎจะถือโอกาสในการทำงานเพื่อสนองแนวทางพระราชดำริสืบต่อพระราชปณิธานและสืบสานพระราชประสงค์ เหมาะสมกับการเป็น “ข้ารองพระยุคลบาทยิ่ง” และอย่างให้ชาวราชภัฏทุกท่านสำนึกอยู่เสมอว่า “มีหน้าที่อุทิศตนทำงานทุกอย่าง เพื่อเป็นบทพิสูจน์ความจงรักภักดิ์ดี และเทิดทูนใต้ฝ่าละอองธุรีพระบาท และล้นเกล้าล้นกระหม่อมทุกๆ พระองค์อย่างหาที่สุดมิได้ สำคัญนักเรียน นักศึกษา ครู คณาจารย์ เจ้าหน้าที่ พวกเราชาวราชภัฏต้องเทิดทูนไว้เหนือเกล้าเกศี ด้วยการปฏิบัติทึกภาระกิจที่ได้รับมอบหมายประหนึ่งทำถวายใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาทในทุกกรณี เพราะพวกเราชาวราชภัฎคือ “คนของพระราชา ข้าของแผ่นดิน” วันวิทยาศาสตร์ - ราชภัฏอุดรธานีวิชาการทุกปีสัปดาห์วิทยาศาสตร์ไทย ช่วงระหว่าง 15-20 สิงหาคมทุกปี มหาวิทยาลัยราชภัฏอุดรธานี จะจัดงานวันวิทยาศาสตร์ – ราชภัฏอุดรธานีวิชาการ[15] เป็นประจำเพื่อให้ความรู้และวิทยาการแก่ประชาชนในพื้นที่ อีกทั้งยังเป็นการกระตุ้นให้เยาวชนหันมาสนใจทางด้านวิชาการ เป็นการเปิดโลกทัศน์สู่คลังความรู้ทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี นอกจากนี้ ยังเป็นการเป็นการประชาสัมพันธ์ผลงานของมหาวิทยาลัยให้เป็นที่รู้จักและยอมรับของประชาชนในพื้นที่จังหวัดอุดรธานีและจังหวัดใกล้เคียง ภายในงานมีกิจกรรมที่น่าสนใจมากมาย อาทิ นิทรรศการ ผลงาน สิ่งประดิษฐ์ นวัตกรรมของนักศึกษา งานวิจัยต่างๆ การแนะนำสาขาวิชา การบรรยายทางวิชาการโดยผู้ทรงคุณวุฒิ การประกวดแข่งขันทักษะทางวิชาการ ประกวดสุนทรพจน์เฉลิมพระเกียรติฯ การตอบปัญหาอาเซียน การประกวดสุนัขไทยหลังอานและแมว ประกวดไก่พื้นเมืองเพื่อการอนุรักษ์ การออกร้านจำหน่ายสินค้า อาหาร การประกวดกล้วยไม้ การแสดงดนตรี ศิลปะและวัฒนธรรม นิทรรศการเทิดพระเกียรติ นิทรรศการผ้าไทย การเดินแฟชั่นผ้าไทย นิทรรศการจากศูนย์วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีฯ ,นิทรรศการคอมพิวเตอร์และเทคโนโลยีสารสนเทศ , คลินิกเทคโนโลยี , ประกวด Science Show , แข่งขันตอบปัญหา – ทักษะทางวิทยาศาสตร์ , สาธิตการใช้พลังงานทดแทน, จักรยานติดเครื่องยนต์ รถล้อเดียว , การประกวดหุ่นยนต์, บริษัททัวร์จำลอง Happiness Travel , บรรยาย-เสวนา ทางวิชาการ , การสอนผลิตสื่อการเรียนการสอนและโครงงานนักศึกษา , การแต่งกายชุดประจำชาติอาเซียน ประกวดร้องเพลง เทศกาลอาหารนานาชาติ เป็นต้น นอกจากนี้ ยังมีกิจกรรมการประกวด แข่งขัน ทักษะทางวิชาการต่างๆ อาทิ การแข่งขันตอบปัญหากฎหมาย , แข่งขันต่อศัพท์อักษรไขว้ภาษาอังกฤษ , แข่งขันเขียนโปรแกรมคอมพิวเตอร์ ,ประกวดวาดภาพ , เลือกซื้อหนังสือ สินค้าโอท็อป , กิจกรรมบันเทิงและการแสดงศิลปวัฒนธรรม ณ เวทีกลาง และกิจกรรมอื่นๆ อีกมากมาย ซึ่งบรรยากาศเป็นไปอย่างคึกคัก มีนักเรียน นักศึกษา ประชาชนจังหวัดอุดรธานี และจังหวัดใกล้เคียง ให้ความสนใจเข้าร่วมชมงานอย่างคับคั่ง ตลอดการจัดงาน พิธีพระราชทานปริญญาบัตร
ครุยวิทยฐานะครุยวิทยฐานะของมหาวิทยาลัยราชภัฏอุดรธานีมีลักษณะคล้าย ๆ ชุดครุยพระยาแรกนา หรือขุนนางสมัยโบราณหรือที่เรียกว่าครุยเทวดา ลักษณะเป็นครุยเนื้อผ้าโปร่งสีขาวมีแทบสีเขียว-เหลือง-ทอง-น้ำเงิน และแทบสีคณะอยู่ตรงกลาง สีแถบประจำคณะ
ลักษณะครุยวิทยะฐานะ
ทำเนียบผู้บริหาร
ทำเนียบนายกสภาฯ
การรับบุคคลเข้าศึกษาต่อในมหาวิทยาลัยดูเพิ่มเติม การรับบุคคลเข้าศึกษาในสถาบันอุดมศึกษา มหาวิทยาลัยราชภัฏอุดรธานี ได้กำหนดวิธีการรับบุคคลเข้าศึกษาในระดับปริญญาตรี ปริญญาโท และระดับปริญญาเอก ดังนี้ ระดับปริญญาตรี
ระดับปริญญาโทมหาวิทยาลัยราชภัฏอุดรธานี ได้กำหนดการรับสมัครบุคคลเข้าศึกษาในระดับปริญญาโท[45] โดยรับสมัครสอบคัดเลือกจากผู้สำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรี เพื่อเข้าศึกษาต่อในระดับปริญญาโทในสาขาวิชาต่างๆ ทั้งภาคปกติ และภาคพิเศษ ซึ่งทางมหาวิทยาลัยฯ จะดำเนินการรับสมัครและคัดเลือกโดยตรง ในช่วงเดือนมิถุนายนของทุกปี ระดับปริญญาเอกมหาวิทยาลัยราชภัฏอุดรธานี ได้กำหนดวิธีการรับบุคคลเข้าศึกษาในระดับปริญญาเอก[46] โดยคัดเลือกผู้สำเร็จการศึกษาระดับปริญญาโท เพื่อเข้าศึกษาต่อในระดับปริญญาเอกสาขาวิชาต่างๆ โดยการพิจารณาของมหาวิทยาลัยเอง ซึ่งจะรับสมัครสอบคัดเลือกพร้อมกันกับระดับปริญญาโท ในช่วงเดือนมิถุนายนของทุกปี การเดินทางสู่มหาวิทยาลัยการเดินทางมายังมหาวิทยาลัยราชภัฏอุดรธานี ถือว่าเป็นการเดินทางมาได้หลากหลายทาง[47] พื้นที่เก่าในเมือง
ขับมุ่งหน้าสู่จังหวัดอุดรธานี เข้าตัวเมืองมา มหาวิทยาลัยฯ จะอยู่ติดห้าแยกวงเวียนอนุสาวรีย์กรมหลวงประจักษ์ศิลปาคม (1) ถ้าหากมายังถนนหมายเลข 2 มิตรภาพ ฝั่งทิศเหนือ จ.หนองคาย ถึงห้าแยกวงเวียนกรมหลวงฯ ให้ตรงไป มหาวิทยาลัยฯ จะอยู่ขาวมือของท่าน (2) ถ้าหากมายังถนนหมายเลข 22 นิตโย ฝั่งทิศตะวันออก จ.สกลนคร ถึงห้าแยกวงเวียนกรมหลวงฯ ให้เลี้ยวขาวแล้วตรงไป มหาวิทยาลัยฯ จะอยู่ขาวมือของท่าน (3) ถ้าหากมายังถนนหมายเลข 2 มิตรภาพ ฝั่งทิศใต้ จ.ขอนแก่น ถึงสี่แยกเลี่ยงเมือง (สีแยกบ้านจั่น) ให้ตรงไป มหาวิทยาลัยฯ จะอยู่ขซ้ายมือของท่านก่อนถึงห้าแยกวงเวียนกรมหลวงฯ (4) ถ้าหากมายังถนนหมายเลข 210 ฝั่งทิศตะวันตก จ.หนองบัวลำภู ถึงสามแยกเลี่ยงเมืองก่อนถึงสนามบินนานาชาติอุดรธานี เลี้ยวขาวมาทางถนนเลี่ยงเมือง ถนนหมายเลข 216 เพื่อสะดวกต่อการเดินทางรถไม่หนาแน่นเท่าถนนเส้นภายในเมือง เมื่อถึงสี่แยกเลียงเมือง (สีแยกบ้านจั่น) ให้เลี้ยวซ้ายเข้าเมือง แล้วตรงไป มหาวิทยาลัยฯ จะอยู่ขซ้ายมือของท่านก่อนถึงห้าแยกวงเวียนกรมหลวงฯ
รถขนส่งสาธารณะ เส้นทางสาย บขส.เก่า จะจอดส่งผู้โดยสารก่อนเข้า บขส.เก่าทุกคัน บริเวรข้างมหาวิทยาลัยฯ ฝั่งวงเวียนกรมหลวงฯ
เดินทางมายถึงสถานีรถไฟอุดรธานี ซึ่งจะอยู่ใจกลางเมืองอุดรธานี ห่างจากมหาวิทยาลัยฯ ทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือไปประมาณ 3 กิโลเมตร แล้วต่อรถขนส่งสาธารณะซึ่งวิ่งผ่านหน้ามหาวิทยาลัยฯ อาทิเช่น รถสองแถวสาย 6, 12, 15 ,22, 41, 44 เป็นต้น
สามารถเดินทางมาลงที่สนามบินนานาชาติอุดรธานี ซึ่งอยู่ทางด้านทิศตะวันตกเฉียงใต้ของมหาวิทยาลัยฯ พื้นที่เก่าในเมือง ระยะห่างประมาณ 5 กิโลเมตร พื้นที่ใหม่สามพร้าว
ขับมุ่งหน้าสู่จังหวัดอุดรธานี เข้าตัวเมืองมา มหาวิทยาลัยฯ จะอยู่นอกตัวเมืองประมาณ 10 กิโลเมตร ทางด้านทิศตะวันออก บนทางหลวงชนบท หมายเลข 2410 (ถนนสามพร้าว-ดอนกลอย) (1) ถ้าหากมายังถนนหมายเลข 2 มิตรภาพ ฝั่งทิศเหนือ จ.หนองคาย ถึงสี่แยกเลี่ยงเมือง (สี่แยกรังสิณา) ให้เลี้ยวซ้ายตามถนนหมายเลข 216 ข้ามทางรถไฟมาจะถึงสี่แยกไฟแดงสามพร้าวให้เลี้ยวซ้ายไปตามถนนหมายเลข 2410 ให้ตรงไปผ่านสี่แยกอนามัยสามพร้าวไปประมาณ 6 กิโลเมตร มหาวิทยาลัยฯ จะอยู่ขาวมือของท่าน (2) ถ้าหากมายังถนนหมายเลข 22 นิตโย ฝั่งทิศตะวันออก จ.สกลนคร จะใช้เส้นทางมุงหน้าเข้าตัวเมืองแล้วเลือกใช้ตามที่กล่าวใน (3) ก็ได้ หรือใช้เส้นทางดังนี้ วิ่งมาถึงสี่แยกหนองหาน ให้เลี้ยงขาวเข้าตัวอำเภอหนองหาน ผ่านออกไปยังทางหลวงชนบท หมายเลข 2312 (ถนนหนองหาน-อำเภอเพ็ญ) โดยมุงหน้าไปยังอำเภอพิบูลย์รักษ์แต่ก่อนถึงตัวอำเภอพิบูลย์รักษ์ โดยเมื่อถึงสามแยกดอยกลอย (หมู่บ้านดอยกลอย) ให้เลี้ยวซ้ายไปยังทางหลวงชนบท หมายเลข 2410 (ถนนสามพร้าว-ดอนกลอย) มหาวิทยาลัยฯ จะอยู่ซ้ายมือของท่าน (3) ถ้าหากมายังถนนหมายเลข 2 มิตรภาพ ฝั่งทิศใต้ จ.ขอนแก่น ถึงสี่แยกเลี่ยงเมือง (สีแยกบ้านจั่น) ให้เลี้ยวขวาไปตามถนนหมายเลข 216 ข้ามทางรถไฟไป นับผ่านไปจนถึงไฟแดงที่ 3 จะถึงสี่แยกไฟแดงสามพร้าวให้เลี้ยวขวาไปตามถนนหมายเลข 2410 ให้ตรงไปผ่านสี่แยกอนามัยสามพร้าวไปประมาณ 6 กิโลเมตร มหาวิทยาลัยฯ จะอยู่ขาวมือของท่าน (4) ถ้าหากมายังถนนหมายเลข 210 ฝั่งทิศตะวันตก จ.หนองบัวลำภู ถึงสามแยกเลี่ยงเมืองก่อนถึงสนามบินนานาชาติอุดรธานี หากเลี้ยวซ้ายจะไปตามเส้นทางที่ (3) หากเลี้ยวซ้ายตรงไปจะเป็นไปตามเส้นทางที่กล่าวใน (1)
รถขนส่งสาธารณะ ให้ลงถึง บขส.เก่า แล้วเดินออกมาด้านหน้า บขส. จะมีรถขนส่งสาธารณะสีแดง สาย 9 ถึงมหาวิทยาลัยฯ (สามพร้าว)
เดินทางมายถึงสถานีรถไฟอุดรธานี ซึ่งจะอยู่ใจกลางเมืองอุดรธานี ต่อรถขนส่งสาธารณะมายังศูนย์การค้าเซ็นทรัลพลาซ่าอุดรธานี ถนนด้านหน้าศูนย์การค้าฯ จะมีรถขนส่งสาธารณะสีแดง สาย 9 ถึงมหาวิทยาลัยฯ (สามพร้าว)
สามารถเดินทางมาลงที่สนามบินนานาชาติอุดรธานี ซึ่งอยู่ทางด้านทิศตะวันตกเฉียงใต้ของมหาวิทยาลัยฯ พื้นที่ใหม่สามพร้าว ระยะห่างประมาณ 20 กิโลเมตร ชีวิตในมหาวิทยาลัยการเรียนในมหาวิทยาลัยราชภัฏอุดรธานีนั้นจะใช้เวลาในการเรียนต่างกันตามแต่ละหลักสูตรในแต่ละคณะ โดยส่วนใหญ่แล้วจะใช้เวลาในการเรียน 4 ปี และการเรียนการสอนของมหาวิทยาลัยฯ ยังแบ่งพื้นที่ออกเป็น 2 ส่วน ซึ่งนักศึกษาของมหาวิทยาลัยฯ จะต้องใช้ชีวิตที่แตกต่างกันมาก เพราะแต่ละพื้นที่สังคมโดยรอบต่างกันสิ้นเชิง
นักศึกษาที่ทำการเรียนและใช้ชีวิตในพื้นที่เก่าในเมือง จะใช้ชีวิตแบบสังคมเมือง เพราะพื้นที่นี้ตั้งอยู่ในกลางเมืองอุดรธานี
นักศึกษาที่ทำการเรียนและใช้ชีวิตในพื้นที่ใหม่สามพร้าว จะเป็นนักศึกษาที่ใช้ชีวิตแบบเรียบง่ายสังคมชนบท เพราะพื้นที่นี้เป็นพื้นที่ก่อสร้างใหม่ ในพื้นที่ป่าสาธารณะประโยชน์ ร่วมทั้งได้รับความร่มเย็นของพืชพรรณนาๆ ชนิดอีกด้วย บรรยากาศชวนให้รู้สึกสดชื่นแจ่มใสดีโดยพื้นที่นี้เป็นที่พื้นที่ขนาดกว้างใหญ่ พร้อมยังเป็นพื้นที่ที่ได้ให้บรรยากาศเอื้ออำนวยต่อการเรียนการสอนของนักศึกษาและคณาจารย์อีกด้วย กิจกรรมและประเพณีของมหาวิทยาลัยมหาวิทยาลัยฯ มีกิจกรรมต่างๆ ให้นักศึกษาได้เข้าร่วมเพื่อที่จะได้พบปะและทำความรู้จักกันในระดับคณะและทั้งระดับมหาวิทยาลัยด้วย ซึ่งมีการจัดหมุนเวียนกันตลอดทั้งปี
มหาวิทยาลัยราชภัฏอุดรธานี [48]ได้จัดกิจกรรมปฐมนิเทศนักศึกษาใหม่ เป็นประจำทุกปีในช่วงก่อนเปิดภาคเรียนที่ 1 ของทุกปีการศึกษาซึ่งจะจัดขึ้นในระหว่างช่วงเดือนกรกฎาคม โดยมีท่านอธิการบดี จะมากล่าวต้อนรับและให้โอวาทแก่นักศึกษาใหม่ ทั้งภาคปกติและภาคพิเศษด้วย โดยจะมีนักศึกษาใหม่เข้าปฐมนิเทศอย่างพร้อมเพรียงเพื่อเป็นการสร้างความคุ้นเคย และชี้แจงให้นักศึกษาใหม่ได้ทราบถึงแนวทางการปฏิบัติตนในระหว่างการศึกษา ตลอดจนข้อบังคับต่างๆ ของมหาวิทยาลัย
กิจกรรมการประกวดเฟรชชี่คณะ Faculty of Freshy นั้น เป็นการจัดประกวดเพื่อค้นหาตัวแทนของแต่ละคณะ เพื่อเป็นตัวแทนเข้าร่วมการประกวดดาว-เดือน มหาวิทยาลัย UDRU Freshy ซึ่งมีการจัดขึ้นในทุกๆ ปี ก่อนการมีการจัดประกวดดาว-เดือน มหาวิทยาลัย UDRU Freshy ขึ้น 2-3 สัปดาห์ ซึ่งเป็นงานระดับคณะ แต่ละคณะจะกำหนดการและสถานที่เองทั้งหมด โดยอยู่ในความดูแลของมหาวิทยาลัยฯ
กิจกรรมการประกวดขวัญใจน้องใหม่[49] UDRU เป็นกิจกรรมหนึ่งในโครงการรับน้องสร้างสรรค์ เพื่อส่งเสริมให้นักศึกษาได้มีส่วนร่วมในการทำกิจกรรม กล้าแสดงออกอย่างสร้างสรรค์ เกิดความรักสามัคคีระหว่างเพื่อน และรุ่นน้อง รุ่นพี่ นอกจากนี้ ยังเป็นการเสริมสร้างให้เกิดความรักและภูมิใจต่อสถาบันการศึกษาอีกทางหนึ่งด้วย เมื่อกิจกรรมรับน้องมาถึงวาระสุดท้ายแล้ว ทางมหาวิทยาลัยฯ จะมีการจัดประกวดขวัญใจน้องใหม่ UDRU Freshy ทุกๆ ปี โดยจัดแบ่งเป็น 2 รอบ รอบความสามารถพิเศษและรอบตัดสิน โดยในแต่ละรอบจัดแบ่งการจัดงานออกเป็น 2 ครั้งในพื้นที่เก่า-ใหม่ หมุนวงเวียนกันไปทุกๆ ปีไม่ซ้ำกัน โดยจะมีผู้ผ่านการประกวดขวัญใจน้องใหม่ ทั้งชายและหญิง ซึ่งมาจากตัวแทนคณะของแต่ละคณะ รวม 15 คู่ 30 คน เข้าประกวด แสดงความสามารถพิเศษเน้นวัฒนธรรมท้องถิ่น และการแสดงศิลปวัฒนธรรมต่อหน้าคณะกรรมการ และมีการตัดสินอีกครั้งในการจัดรอบตัดสิน รวมทั้งจัดมินิคอนเสริ์ตจากศิลปินต่าง ๆ มากมายแต่ละปีก็หมุนเวียนกันไปมา อาทิเช่น วง Tattoo Color วงของนักศึกษามหาวิทยาลัยฯ เป็นต้น ซึ่งบรรยากาศการประกวดเป็นไปอย่างคึกคัก มีนักศึกษารุ่นพี่รุ่นน้อง ร่วมเชียร์และให้กำลังใจผู้เข้าประกวดเป็นจำนวนมาก
มหาวิทยาลัยราชภัฏอุดรธานี [50]จัดพิธีไหว้ครูเป็นประจำทุกปี เพื่อรำลึกถึงพระคุณครูอาจารย์ที่อบรมสั่งสอนลูกศิษย์ และเพื่อความเป็นสิริมงคลแก่นักศึกษาใหม่ ตลอดจนทำให้เกิดความภาคภูมิใจในความเป็นมหาวิทยาลัยราชภัฏ ซึ่งเป็นสถาบันอุดมศึกษาที่ได้รับพระราชทานนาม “ราชภัฏ” ซึ่งแปลว่า “คนของพระราชา” และได้รับพระมหากรุณาธิคุณ พระราชทานพระราชลัญจกรให้เป็นตราสัญลักษณ์ประจำมหาวิทยาลัย โดยพิธีไหว้ครูจะเริ่มจาก ประธานในพิธีจุดธูปเทียนบูชาพระรัตนตรัย นายกองค์การนักศึกษา นำกล่าวไหว้ครูและกล่าวคำปฏิญาณตน หลังจากนั้นตัวแทนนักศึกษา นำพานดอกไม้ธูปเทียนเข้าบูชาครูอาจารย์ หลังจากนั้น อธิการบดีเจิมหนังสือ เพื่อความเป็นสิริมงคล ตัวแทนนักศึกษานำขับบทกลอนบูชาครู และร่วมกันร้องเพลงพระคุณที่สาม แลยังได้มอบรางวัลประกาศเกียรติคุณแก่คณาจารย์ ที่สร้างชื่อเสียงให้กับมหาวิทยาลัย ที่ได้รับการตีพิมพ์และเผยแพร่ผลงานวิจัยทั้งในระดับประเทศและนานาชาติ รวมทั้งนักศึกษาที่ได้รับรางวัลและสร้างชื่อเสียงให้แก่มหาวิทยาลัย จากนั้นเป็นพิธีมอบทุนการศึกษา ให้แก่นักศึกษาที่เรียนดี ความประพฤติเรียบร้อย แต่ขาดแคลนทุนทรัพย์ เป็นประจำทุกปี
โดยกิจกรรมรับขวัญน้องใหม่ ลอดซุ้มอัญเชิญตราพระราชลัญจร และประดับตรามหาวิทยาลัยประกอบด้วย ประธานในพิธีจุดธูปเทียนบูชาพระรัตนตรัย อัญเชิญตรามงคลมอบให้นายกองค์การนักศึกษา เพื่ออัญเชิญเข้าสู่ขบวน ขบวนอัญเชิญตราพระราชลัญจรเคลื่อนเข้าสู่สนามกีฬาเพื่อประดิษฐานหน้าพระบรมฉายาลักษณ์ วงประสานเสียงเพลงมาร์ชมหาวิทยาลัย และเพลงราชภัฏสดุดี ตัวแทนถือธงคณะ ไปวางบนปะรำพิธี นักศึกษาใหม่ถวายบังคมพระบรมฉายาลักษณ์ และพระราชลัญจกร ประธานในพิธีกล่าวถวายราชสดุดีและมอบเข็มให้นักศึกษาใหม่ จากนั้นเป็นการแสดงฟ้อนเทิดพระเกียรติ และจุดเทียนชัยถวายพระพร และปิดท้ายด้วยการบูม UDRU ของนักศึกษาใหม่[51] สำหรับกิจกรรมรับขวัญน้องใหม่ เป็นการเสริมสร้างความรัก ความภาคภูมิใจในสถาบันการศึกษา ส่งเสริมความรักสามัคคีระหว่างนักศึกษารุ่นพี่กับรุ่นน้อง และเป็นกิจกรรมหนึ่งในโครงการ กิจกรรมรับน้องเชิงสร้างสรรค์ ซึ่งมีการจัดกิจกรรมหลากหลายรูปแบบในเชิงสร้างสรรค์ เพื่อให้นักศึกษาได้ทำกิจกรรม สานสัมพันธ์ รุ่นพี่-รุ่นน้อง แบบไร้แอลกอฮอล์ สร้างภูมิคุ้มกัน ถ่ายทอดกระบวนการเป็นนักศึกษาที่ดี มีความรู้คู่คุณธรรม รู้จักปรับตัวจากนักเรียนสู่การเป็นนักศึกษาในสถาบันอุดมศึกษาอย่างสมบูรณ์แบบ และสามารถอยู่ร่วมกับผู้อื่นในสังคมได้อย่างเป็นสุข ซึ่งบรรยากาศเป็นไปด้วยความอบอุ่น และความสามัคคี ถึงแม้ว่าระหว่างที่ทำพิธีจะมีพายุฝนกระหน่ำลงมาอย่างหนัก แต่ก็ไม่ได้เป็นอุปสรรคต่อการจัดกิจกรรมแต่อย่างใด ปรากฏการณ์โลกโซเซียว เมื่อปีการศึกษา 2559 [52]กิจกรรมรับขวัญน้องใหม่ ลอดซุ้มอัญเชิญตราพระราชลัญจร และประดับตรามหาวิทยาลัย ได้เป็นที่ฮือฮ่าในโลกโซเซียวเป็นอย่างมาโดยสำนักข่าวแห่งหนึ่ง ได้ตีพิมพ์ข่าวการจัดกิจกรรมดังกล่าว โดยทางมหาวิทยาลัยได้ออกมาชี้แจ้งแล้วว่ากิจกรรมดังกล่าวเป็นไปตามความสมัครใจของนักศึกษาทุกคน โดยไม่ได้มีการบังคับให้ทำกิจกรรมดังกล่าว จึงทำให้โลกได้รู้ถึงความเป็น ราชภัฏ "คนของพระราชา" มากขึ้น
เนื่อด้วยมหาวิทยาลัยราชภัฏอุดรธานี [53]อยู่ในเขตภาคตะวันออกเฉียงเหนือ จึงได้สืบสานประเพณีและวัฒนธรรมให้แก่นักศึกษาทราบและร่วมงานด้วย จึงได้จัดงานทอดกฐินเป็นประจำทุกปีขึ้นในทุกๆ ปี เพื่อสืบสานประเพณีบุญเดือนสิบสองหรือบุญกฐิน ตามประเพณีฮีต 12 ของชาวอีสาน และเป็นกิจกรรมส่งเสริมให้นักศึกษาได้ร่วมอนุรักษ์ประเพณีวัฒนธรรมอันดีงาม ซึ่งมหาวิทยาลัยได้ตั้งองค์กฐินให้ผู้มีจิตศรัทธา ร่วมบริจาคทำบุญ และได้รวบรวมปัจจัยจากคณาจารย์ บุคลากร นักศึกษา และผู้มีจิตศรัทธาโดยได้บริจาคเงินเพื่อส่งเสริมด้านการศึกษาให้แก่โรงเรียนในเขตจังหวัดอุดรธานีแลใกล้เคียงและเพื่อใช้ในงานสาธารณกุศล อาทิ ทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา วัดวาอาราม สวนสาธารณะประโยชน์ เป็นต้น โดยในงานแบ่งออกเป็น 2 วัน วันที่ 1 จะมีคณะผู้บริหาร คณาจารย์ บุคลากร และนักศึกษา ร่วมพิธีสวดสมโภชองค์กฐิน และถวายเครื่องไทยธรรมแด่พระภิกษุสงฆ์ 9 รูป จากนั้นได้ร่วมรับประทานอาหารเย็น โดยมีการออกโรงทานของคณะอาจารย์ นักศึกษา หน่วยงานภายในมหาวิทยาลัยฯ วันที่ 2 คณะผู้บริหาร คณาจารย์ บุคลากร และนักศึกษา ร่วมพิธีทอดกฐินสามัคคี ณ สถานที่กำหนดตามกำหนดการของทุกๆ ปี
ประชาชนชาวอุดรธานีทุกหมู่เหล่า ร่วมงานวันที่ระลึกการก่อตั้งเมืองอุดรธานีเป็นประจำทุกๆ ปี วันที่ 18 มกราคม ของทุกปี จังหวัดอุดรธานีมีการจัดงานวันที่ระลึกการตั้งเมืองเมืองอุดรธานีที่บริเวณวงเวียนพระอนุสาวรีย์ พลตรีพระเจ้าบรมวงศ์เธอกรมหลวงประจักษ์ศิลปาคม (ข้างหน้ามหาวิทยาลัยฯ พื้นที่เก่าในเมือง) โดยมีองคมนตรี มาเป็นประธาน พร้อมด้วยราชนิกูล “ทองใหญ่” และผู้ว่าราชการจังหวัดอุดรธานี นำข้าราชการทุกภาคส่วน องค์กรภาคเอกชน คหบดี และชาวอุดรธานี เข้าร่วมในพิธีเป็นจำนวนมาก ทั้งนี้ ในพิธีวันที่ระลึกการก่อตั้งเมืองอุดรธานี ในช่วงเช้าได้จัดให้มีพิธีทำบุญตักบาตรพระสงฆ์จำนวนรุ่นของการครบปีก่อตั้ง บริเวณรอบพระอนุสาวรีย์ฯ การถวายพานพุ่มดอกไม้สด พิธีบายศรีสู่ขวัญบ้าน สู่ขวัญเมือง และรำบวงสรวง จากนั้นประธานในพิธี ได้อ่านประกาศสดุดีเฉลิมพระเกียรติ พลตรีพระเจ้าบรมวงศ์เธอกรมหลวงประจักษ์ศิลปาคม
การเลือกตั้งนายกองค์การนักศึกษา [54]มหาวิทยาลัยราชภัฏอุดรธานี จัดขึ้นเป็นประจำทุกปี เพื่อส่งเสริมให้นักศึกษาได้มีส่วนร่วมในการเลือกผู้บริหารนายกองค์การนักศึกษาของมหาวิทยาลัย นอกจากนี้ ยังเป็นการกระตุ้นให้เกิดกระบวนการระบอบประชาธิปไตยในสถาบันการศึกษา เพื่อวางรากฐานไปสู่การมีส่วนร่วมในการเลือกตั้งระดับท้องถิ่นและประเทศ ซึ่งเป็นหน้าที่ของประชาชนต่อไป ซึ่งได้จะมีการกำหนดวันเลือกตั้งนายกองค์การนักศึกษาขึ้นมาก่อนสิ้นปีการศึกษา โดยให้มีนักศึกษาออกมาใช้สิทธิ์เลือกตั้งผู้นำของตนในปีการศึกษาถัดไปเพื่อเป็นการวางแผนล่วงหน้า โดยจะมีการจัดตั้งแต่ช่วงเช้า 08.30 – 15.00 น. และไม่ให้กระทบต่อการเรียนการสอนด้วย
คณะกรรมการส่งเสริมกิจการมหาวิทยาลัย ร่วมกับ กองพัฒนานักศึกษา [55]จะมีการจัดกิจกรรมปัจฉิมนิเทศให้แก่ผู้กำลังจะสำเร็จการศึกษาในทุกๆ ปี เพื่อเป็นการเตรียมความพร้อมให้นักศึกษาที่กำลังจะก้าวออกจากรั้วมหาวิทยาลัย ออกไปทำงานรับใช้สังคม โดยมีกิจกรรมการบรรยายให้ความรู้ เรื่องการปรับตัวจากวัยเรียนสู่วัยทำงาน รวมทั้งแนะแนวทางการสมัครงานอย่างไรให้ได้งาน และหลักในการดำรงชีวิตในสังคมปัจจุบัน และการเตรียมพร้อมสู่ตลาดแรงงานหลังเข้าสู่ประชาคมอาเซียน งานกีฬามหาวิทยาลัย
"วังแดง" เป็นอาคารหลังแรกของ “โรงเรียนฝึกหัดครูกสิกรรมมณฑลอุดร” ตั้งแต่แรกอาคารหลังนี้ได้ถูกใช้เป็นอาคารอำนวยการหลักของโรงเรียน ภายในประกอบไปด้วยห้องหับต่าง ๆ ซึ่งเคยถูกใช้ประโยชน์มาหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นห้องเรียน ห้องทำงาน กระทั่งบางครั้งก็เป็นที่พักสำหรับครู ด้วยความที่มีห้องเหลือเฟือ ประกอบกับสมัยนั้นบริเวณนี้ยังเป็นพื้นที่เปลี่ยว ไม่เจริญดังเช่นทุกวันนี้ การได้พักอยู่ในที่เดียวกับที่ทำงานคงเป็นการดีและปลอดภัย ส่วนที่มาของชื่อ “วังแดง” นี้ไม่ทราบแน่ชัด สันนิษฐานว่าคงเรียกตามความใหญ่โตของอาคาร และความสลับซับซ้อนของห้องหับ อีกทั้งเรียกตามสีเนื้อไม้ที่ใช้ทำผนังอาคารก็เป็นได้ อย่างไรก็ตาม ชื่อวังแดงนี้มิได้เป็นชื่ออย่างเป็นทางการ บางครั้ง ก็มีการเรียกว่า “อาคารกลาง” หรือ “อาคารขุนประสม” ด้วยเช่นกัน[56] งานกีฬาวังแดงเกมส์ เป็นงานกีฬาที่จัดขึ้นโดยองค์การนักศึกษา และสโมสรนักศึกษาคณะต่างๆ พร้อมนักศึกษาของมหาวิทยาลัยฯ ซึ่งจะจัดขึ้นในทุกๆ ปี เพื่อส่งเสริมให้นักศึกษาใช้เวลาว่างให้เกิดประโยชน์ ห่างไกลยาเสพติด ด้วยการหันมาเล่นกีฬา เสริมสร้างสุขภาพร่างกายให้แข็งแรง อีกทั้งเป็นการเสริมสร้างความสามัคคีในหมู่คณะ และปลูกฝังความมีน้ำใจเป็นนักกีฬา[57] โดยมีการแข่งขันกีฬา 8 ชนิดกีฬา[58] ได้แก่ ฟุตบอล ฟุตซอล วอลเลย์บอล เปตอง ตะกร้อ บาสเกตบอล วอลเลย์บอลชายหาด และกีฬาพื้นบ้าน โดยพิธีเปิดอย่างเป็นทางการในช่วงเช้าจะมีกิจกรรมการเดินขบวนพาเหรด ขบวนกองทัพนักกีฬา การแข่งขันกองเชียร์และเชียร์ลีดเดอร์ การแข่งขันฟุตบอลรอบชิงชนะเลิศ พิธีมอบเหรียญรางวัล และพิธีปิดการแข่งขันในช่วงเย็น
การแข่งขันกีฬานักศึกษามหาวิทยาลัยราชภัฏกลุ่มภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และกีฬาอาจารย์และบุคลากรมหาวิทยาลัยราชภัฏกลุ่มภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ได้หมุนเวียนกันเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันมาอย่างต่อเนื่อง มีวัตถุประสงค์เพื่อสืบสานสายใย ความรักสามัคคี มีมิตรภาพและความสมานฉันท์ ระหว่างนักศึกษา, อาจารย์และบุคลากร ในกลุ่มมหาวิทยาลัยราชภัฏกลุ่มภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ซึ่งจะแบ่งออกเป็น 2 งานในแต่ละปี และจัดในสถานที่เดียวกันเป็นเจ้าภาพ โดยทางกีฬานักศึกษาจะมีการจัดขึ้นก่อนงานกีฬาอาจารย์บุคลากร 2-3 สัปดาห์ ซึ่งมหาวิทยาลัยฯ ส่งทัพนักกีฬาราชภัฏอุดรธานี เข้าร่วมชิงชัยในการแข่งขันกีฬานักศึกษามหาวิทยาลัยราชภัฏภาคตะวันออกเฉียงเหนือ[60] และการแข่งขันกีฬาอาจารย์และบุคลากร[61] มหาวิทยาลัยราชภัฏกลุ่มภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ทุกๆ ครั้งตลอดมา
มหาวิทยาลัยราชภัฏอุดรธานี ส่งทัพนักกีฬาเข้าชิงชัยในการแข่งขันกีฬามหาวิทยาลัยแห่งประเทศไทยทุกๆ ปี[62] และการแข่งขันกีฬามหาวิทยาลัยแห่งประเทศไทย ครั้งที่ 48 ได้รับเป็นเจ้าภาพในการแข่งขันรอบชิงชนะเลิศ ณ สนามกีฬาใหม่และสนามกีฬาในจังหวัดอุดรธานี การจัดอันดับNature Index จัดโดยวารสารในเครือ Nature Publishing Group ซึ่งเป็นวารสารทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีที่มีชื่อเสียงชั้นนำของโลก โดยการนับจำนวนบทความที่ตีพิมพ์ต่อปีในวารสารที่ในเครือ Nature Publishing Group จัดให้มหาวิทยาลัยราชภัฏอุดรธานี อยู่ในอันดับที่ 12 ของประเทศไทย ปี 2016 [63] ศิษย์เก่าที่มีชื่อเสียงนักการเมือง
ครู/อาจารย์
นักร้อง/นักแสดง
อ้างอิง
|