วิบูลย์ แช่มชื่น
วิบูลย์ แช่มชื่น เป็นอดีตอาจารย์ประจำคณะศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ และอดีตสมาชิกวุฒิสภาจังหวัดกาฬสินธุ์ ประวัติศาสตราจารย์ ดร.วิบูลย์ แช่มชื่น เกิดที่อำเภอท่าคันโท จังหวัดกาฬสินธุ์ บิดาเป็นครูประชาบาล มารดาเป็นแม่บ้าน มีพี่น้อง 7 คน สำเร็จการศึกษาจากโรงเรียนท่าคันโทวิทยายน ระดับชั้นมัธยมศึกษาจากโรงเรียนกาฬสินธุ์พิทยาสรรพ์ และโรงเรียนทรัพย์อุดมวิทยา ได้รับคัดเลือกให้เป็นผู้แทนเยาวชนไทย เข้าร่วมโครงการ เอ เอฟ เอส ไปศึกษา ณ Chariton High School, Chariton, Iowa, USA (1966-67), สำเร็จการศึกษาระดับอนุปริญญา จากวิทยาลัยครูมหาสารคาม (มหาวิทยาลัยราชภัฏมหาสารคาม) ด้วยทุนคุรุสภา และปริญญาตรี จากมหาวิทยาลัยมหาสารคาม (ทุนกระทรวงศึกษาธิการ) ปริญญาโท ด้านการศึกษา จากมหาวิทยาลัยปันจาบ (ทุน Indian Government Cultural Scholarship) และปริญญาเอก สาขาารบริหารและการวิจัย จากมหาวิทยาลัยฮิโรชิมา (ทุนรัฐบาลญี่ปุ่น) การศึกษาระดับหลังปนิญญา (post-graduate) ได้รับประกาศนียบัตร สำเร็จหลักสูตรการเมืองการปกครองในระบอบประชาธิปไตย และ หลักสูตรกฎหมายมหาชน จากสถาบันพระปกเกล้า (ปรม.๑ และ ปปร.๗) ในปี พ.ศ. 2531 วิบูลย์ แช่มชื่น ได้รับคัดเลือกจากรัฐบาลไทยให้เป็น Congressional Fellow/Legislative Researcher ปฏิบัติหน้าที่ด้านการเมือง ประจำ ณ รัฐสภาอเมริกัน The US Congess, Washington D.C., สหรัฐอเมริกา โดยการสนับสนุนของ Asia Foundation วิบูลย์ เคยรับราชการที่วิทยาลัยครูอุดรธานี (มหาวิทยาลัยราชภัฏอุดรธานี) วิทยาลัยครูพระนคร (มหาวิทยาลัยราชภัฏพระนคร) และ วิทยาลัยนานาชาติ มหาวิทยาลัยมหิดล ศาลายา การเมืองดร.วิบูลย์ แช่มชื่น ได้รับเลือกตั้งเป็นสมาชิกวุฒิสภา จังหวัดกาฬสินธุ์ (2543-2549) ในการเลือกตั้งสมาชิกวุฒิสภาไทยเป็นการทั่วไป พ.ศ. 2543 ซึ่งเป็นการเลือกตั้ง ส.ว. ครั้งแรกในประเทศไทย เคยทำหน้าทีเป็นรองประธานคณะกรรมาธิการการต่างประเทศ เป็นประธานคณะกรรมาธิการการศึกษา วุฒิสภา เป็นผู้ริเริ่มและร่วมก่อตั้งสมาคมสมาชิกรัฐสภาระหว่างประเทศด้านสารสนเทศ (Inter-Parliamentary Association for Information Technology - IPAIT) เป็นผู้แทนรัฐสภาไทยในองค์การรัฐสภาระหว่างประเทศ (AIPO และ IPU) ในปี 2552 ได้เป็นต้นเรื่องร้องเรียนต่อสหภาพรัฐสภาที่กรุงเจนีวา (IPU) เกี่ยวกับการละเมิดสิทธินักการเมืองของไทย โดยมิชอบ กรณีรัฐไทยใช้กฎ คปค.ตัดสิทธิทางการเมือง 5 ปี กรรมการบริหารพรรคไทยรักไทย 111 คน โดยมิชอบเมื่อปี 2550 และ ตัดสิทธิกรรมการบริหาร 3 พรรคการเมืองอีก 109 คน เมื่อปี 2551 สุดท้าย IPU ได้ลงมติประณามประเทศไทย เมื่อ 19 ตุลาคม 2554 เมื่อหมดวาระหน้าที่สมาชิกวุฒิสภาได้ทำงานด้านสื่อมวลชนทางโทรทัศน์ และเป็นผู้อำนวยการ และผู้เขียนบทบรรณาธิการ นสพ.ไทยเรดนิวส์ รายสัปดาห์ ทำงานสื่อหนังสือพิมพ์ระหว่างการชุมนุมทางการเมืองของกลุ่ม นปช. และสือทีวีทาง MV iNews รายการ Thai Today, www.youtube.com/thaitodaytv และ MV-Stars-Bangkok วิบูลย์เขียนหนังสือทางการเมืองเพื่อให้ความรู้ประชาธิปไตยชื่อ "ทางออกประเทศไทยต้องปฏิวัติประชาธิปไตย" พิมพ์โดยสำนักพิมพ์ปัญญาชน หลังจากรัฐบาลอภิสิทธิ์ยุบสภา มีการเลือกตั้งทั่วไปเมื่อ 3 กรกฎาคม 2554 ได้ลงสมัครรับเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. 2554 ในระบบบัญชีรายชื่อ ลำดับที่ 99[1] สังกัดพรรคเพื่อไทย แต่ไม่ได้รับเลือกตั้ง เมือพรรคเพื่อไทยได้จัดตั้งรัฐบาล เขาได้รับแต่งตั้งเป็นผู้ช่วยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ในปี พ.ศ. 2554 และได้รับแต่งตั้งเป็นผู้ช่วยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ในปี พ.ศ. 2555 ในการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรไทยเป็นการทั่วไป พ.ศ. 2557 เขาได้สมัครรับเลือกตั้งในระบบบัญชีรายชื่อ สังกัดพรรคเพื่อไทย[2] ต่อมาในการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรไทยเป็นการทั่วไป พ.ศ. 2562 เขาได้สมัครรับเลือกตั้งในระบบบัญชีรายชื่อ สังกัดพรรคเพื่อไทย ลำดับที่ 71[3] แต่ไม่ได้รับเลือกตั้ง เนื่องจากพรรคเพื่อไทยมีจำนวนสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรมากกว่าจำนวนสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรพึงมีตามที่กำหนดไว้ในรัฐธรรมนูญ เครื่องราชอิสริยาภรณ์
อ้างอิง
|