สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้าสุทธาทิพยรัตน์ กรมหลวงศรีรัตนโกสินทร
สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้าสุทธาทิพยรัตน์ กรมหลวงศรีรัตนโกสินทร (14 กันยายน พ.ศ. 2420 – 2 มกราคม พ.ศ. 2466) เป็นพระราชธิดาในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ประสูติแต่พระนางเจ้าสุขุมาลมารศรี พระราชเทวี (ภายหลัง : สมเด็จพระปิตุจฉาเจ้า สุขุมาลมารศรี พระอัครราชเทวี) เป็นพระราชธิดาชั้นทูลกระหม่อม หรือ เจ้าฟ้าชั้นเอกพระองค์แรกในรัชกาลที่ 5[1] มีพระโสทรานุชา 1 พระองค์ คือ สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้าบริพัตรสุขุมพันธุ์ กรมพระนครสวรรค์วรพินิต กล่าวกันว่าพระองค์เป็นเจ้านายสตรีผู้มีพระสิริโฉมงดงามเป็นที่สุด และเป็นพระราชธิดาที่พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวโปรดปราน[1][2] พระประวัติพระชนม์ชีพช่วงต้นสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้าสุทธาทิพยรัตน์ กรมหลวงศรีรัตนโกสินทร เป็นพระราชธิดาพระองค์ที่ 19 ในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ประสูติแต่สมเด็จพระปิตุจฉาเจ้า สุขุมาลมารศรี พระอัครราชเทวี เมื่อเวลา 09.21 น. ของวันศุกร์ ขึ้น 7 ค่ำ เดือน 10 ปีฉลู นพศก จ.ศ. 1239 ตรงกับวันที่ 14 กันยายน พ.ศ. 2420[1] ได้รับพระราชทานพระนามจากสมเด็จพระชนกนาถเมื่อวันที่ 14 ตุลาคมปีเดียวกัน ดังปรากฏใน จดหมายเหตุพระราชกิจรายวันในรัชกาลที่ 5 ความว่า "เวลาบ่าย 5 โมงเศษไปสมโภชเดือนลูกฟ้าหญิง ให้ชื่อสุทธาทิพย์รัตนสุขุมขัติยกัลยาวดี..."[3] และรับพระราชทานพระสุพรรณบัตรเฉลิมพระนามเมื่อวันที่ 6 มกราคม พ.ศ. 2430[4] พระชนกนาถตรัสเรียกว่า "ลูกหญิง" ชาววังออกพระนามว่า "ทูลกระหม่อมหญิง" หรือ "ทูลกระหม่อมหญิงใหญ่" เนื่องจากพระองค์เป็นพระราชธิดาเจ้าฟ้าชั้นเอกพระองค์แรกในรัชกาล[1] เล่ากันว่าก่อนที่พระองค์จะประสูตินั้น มีเจ้านายสตรีคือพระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าอาภาพรรณี พระธิดาในพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหลวงพิชิตปรีชากร ยังเป็นทาริกาอยู่ เล่าขานนิยมชมชื่นกันในหมู่ชาววังและเจ้านายว่ามีพระรูปโฉมสวยงามนัก ครั้นพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวมีพระราชธิดาพระองค์นี้ ความที่ทูลกระหม่อมหญิงมีพระรูปโฉมงดงาม ถึงกับพระบิดารับสั่งกับพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหลวงพิชิตปรีชากร ว่า "ฉันไม่แพ้เธอแล้ว กรมพิชิต" หมายความว่าทรงมี "ลูกสาว" สวยไม่แพ้พระธิดากรมหลวงพิชิตฯ[5] แต่ที่สำคัญคือพระองค์มีพระพักตร์และพระรูปโฉมคล้ายคลึงกับสมเด็จพระเทพศิรินทราบรมราชินี พระบรมราชชนนีในพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เพราะเคยตรัสว่า "หน้าลูกหญิงเหมือนย่า พ่ออยากจุดธูปเทียนบูชาเหลือเกิน" และพระราชทานพระธำมรงค์ให้[6] หม่อมเจ้ามารยาตรกัญญา ดิศกุล ทรงเล่าประทานไว้ว่า สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้าสุทธาทิพยรัตน์ กรมหลวงศรีรัตนโกสินทร เมื่อทรงพระเยาว์นั้น ผิวพรรณขาวผุดผ่องไม่มีร่องรอยใด ๆ บนพระวรกายเลย จนเป็นที่เกรงกันในเวลานั้นว่าจะมีพระชนม์ไม่ยืน เมื่อมีพระชันษาได้หนึ่งปี วันหนึ่งขณะพระพี่เลี้ยงเชิญเสด็จขึ้นเฝ้าพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ขณะที่ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงรับพระองค์ส่งพระราชทานต่อสมเด็จพระปิตุจฉาเจ้า สุขุมาลมารศรี พระอัครราชเทวี ปลายพระขนงของพระองค์ได้กระแทกกับขอบพานจนเกิดแผลเป็น ทำให้ชาววังโล่งใจว่าทรงมีแผลเป็น และคงจะมีพระชนม์ยืน สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้าสุทธาทิพยรัตน์ กรมหลวงศรีรัตนโกสินทรทรงเข้ารับการศึกษาอย่างกุลสตรีชาววังตามโบราณราชประเพณีที่โรงเรียนราชกุมารีในพระบรมมหาราชวัง ทรงศึกษาวิชาภาษาไทยจากพระมารดา และพระยาศรีสุนทรโวหาร (น้อย อาจารยางกูร)[7] และทรงศึกษาวิชาภาษาอังกฤษจากครูมีทินและครูทิมจนแตกฉาน[6] หลังโสกันต์เมื่อพระชันษาได้ 11 ปี พระองค์ได้เข้าพระพิธีโสกันต์ เมื่อทรงเครื่องสวมชฎาแล้วพระบิดาถึงกับตรัสว่า "ลูกพ่องามปานเทวดา" และเมื่อมีขบวนแห่โสกันต์นั้นมีเกร็ดเชิงซุบซิบเล่าต่อกันมาว่า บรรดาชาวบ้านที่ได้มาเฝ้าชมขบวนแห่ครั้งนั้นต่างก็ออกปากว่า "ลูกท่านงามนัก เลยต้องแห่กันถึงเย็น" อันที่จริงแล้ว สมเด็จพระนางเจ้าเสาวภาผ่องศรี พระวรราชเทวีทรงพระประชวรพระโรคปัจจุบันและได้บรรทมหนุนที่พระเพลาของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวไว้ ทำให้พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวเสด็จไปในพระราชพิธีไม่ได้ จึงทำให้พิธีแห่โสกันต์นั้นต้องเลื่อนไปถึงค่ำ[2] หลังพระราชพิธีโสกันต์ พระองค์ต้องงดเสด็จออกจากพระราชฐานฝ่ายในและทรงสะพักอย่างขัตติยราชนารี แต่สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้าสุทธาทิพยรัตน์ กรมหลวงศรีรัตนโกสินทรทรงกันแสง และทูลขอพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวให้รับสั่งให้พระองค์เป็นเด็กต่อ เพื่อที่จะถวายงานราชเลขานุการิณีรับใช้เบื้องพระยุคลบาทพระชนกนาถที่ฝ่ายหน้าได้ต่อไป ซึ่งพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวก็โปรดให้เป็นตามนั้น แต่ทรงตรัสไว้ว่า "เมื่ออายุครบ 18 เมื่อใดพ่อจะไม่ยอมลูกหญิงอีก"[5][6] หลังจากนั้นเป็นต้นมา สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้าสุทธาทิพยรัตน์ กรมหลวงศรีรัตนโกสินทร ทรงปฏิบัติตนเป็นเจ้านายฝ่ายในตามอย่างโบราณราชประเพณีอย่างเคร่งครัด ครั้นเจ้าคุณจอมมารดาสำลี ในรัชกาลที่ 4 ซึ่งเป็นขรัวยายพิราลัยเมื่อ พ.ศ. 2443 พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวพระราชทานให้บำเพ็ญกุศลศพของเจ้าคุณจอมมารดาภายในพระบรมมหาราชวัง เพราะ "เพื่อความสะดวกแก่ลูกหญิงไม่ต้องข้ามฟาก"[6] ในราชสำนักยุโรปมักเรียกพระองค์ซึ่งเป็นพระราชธิดาพระองค์ใหญ่ว่า "ปรินเซสรอยัล" ซึ่งเทียบกับพระอิสริยยศ "สยามบรมราชกุมารี" ในปัจจุบัน[6] ครั้นวันที่ 9 สิงหาคม พ.ศ. 2446 พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ สถาปนาสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสุทธาทิพยรัตน์ สุขุมขัตติยกัลยาวดี ขึ้นเป็นสมเด็จเจ้าฟ้าต่างกรมฝ่ายในมีพระนามว่า สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสุทธาทิพยรัตน์ สุขุมขัตติยกัลยาวดี กรมหลวงศรีรัตนโกสินทร[8] เป็นสมเด็จพระเจ้าลูกเธอพระองค์เดียวในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวที่ได้รับพระราชทานกรมสูงสุดถึงกรมหลวง และพระนามกรมยังหมายความถึงกรุงรัตนโกสินทร์ซึ่งเป็นนามของเมืองหลวง[6] การประชวรและการสิ้นพระชนม์สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้าสุทธาทิพยรัตน์ กรมหลวงศรีรัตนโกสินทร ประชวรพระโรคที่พระปัปผาสะและสิ้นพระชนม์เมื่อเวลา 16.12 น. ของวันที่ 2 มกราคม พ.ศ. 2465 (นับแบบปัจจุบันเป็น พ.ศ. 2466) สิริพระชันษา 45 ปี เวลา 17.30 น. ของวันถัดมา พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว เสด็จฯมาพระราชทานน้ำหลวงสรงพระศพที่วังบางขุนพรหม เจ้าพนักงานเชิญพระศพลงพระลอง ประดิษฐานบนแว่นฟ้า 3 ชั้น ประกอบพระโกศกุดั่นใหญ่ยอดพุ่มเฟื่อง ตั้งเครื่องสูง 8 ชุมสาย 2 และเครื่องราชอิสริยาภรณ์ แล้วทรงทอดผ้าไตรเสร็จ พระสงฆ์สวดสดับปกรณ์แล้วถวายอนุโมทนา โปรดให้มีพระพิธีธรรมสวดพระอภิธรรมทั้งกลางวันกลางคืนมีกำหนด 2 เดือน[9] ถึงวันที่ 2 ธันวาคม พ.ศ. 2466 เจ้าพนักงานเปลี่ยนพระโกศเป็นพระโกศทองใหญ่ เวลา 17.00 น. พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวเสด็จฯ มาบำเพ็ญพระราชกุศล พระเทพมุนี (เผื่อน ติสฺสทตฺโต) แสดงพระธรรมเทศนาหนึ่งกัณฑ์ วันที่ 4 ธันวาคม เวลา 13.00 น. เจ้าพนักงานเปลื้องพระโกศออก เชิญพระลองทรงพระศพขึ้นพระวอวิมานเทียมม้าออกจากวังบางขุนพรหมไปหยุดหน้าวัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม เชิญพระศพขึ้นพระเวชยันตราชรถ พระญาณวราภรณ์อ่านพระอภิธรรมนำขบวนเชิญพระศพไปยังพระเมรุท้องสนามหลวง ประกอบพระโกศจันทน์ พระเจ้าวรวงศ์เธอ กรมหลวงชินวรสิริวัฒน์ สมเด็จพระสังฆราชเจ้า แสดงพระธรรมเทศนาหนึ่งกัณฑ์ เวลา 17.50 น. จึงพระราชทานเพลิงพระศพ[10] ชีวิตส่วนพระองค์พระจริยวัตรหม่อมราชวงศ์สุดใจ บรรยงกะเสนา ผู้ที่ได้มาพึ่งพระบารมีทูลกระหม่อมหญิงมาตั้งแต่อายุ 11 ปี จนถึงสิ้นพระชนม์ ได้เขียนเล่าถึงทูลกระหม่อมหญิงว่า "ยังมิได้เล่าถึงพระรูปพระโฉมที่งดงามยิ่ง เมื่อทรงพระเจริญพระชันษาแล้ว ทูลกระหม่อมแดง (สมเด็จพระมหิตลาธิเบศร อดุลยเดชวิกรม พระบรมราชชนก) ยังทรงชมว่า "พี่หญิงช่างงามจริง แม้ท่าบ้วนน้ำหมากก็ไม่เหมือนใคร" ส่วนพระมรรยาท พระอิริยาบถ ก็ได้ยินแต่คนสรรเสริญ และยอพระเกียรติ ว่าด้วยพระกุศลที่ได้ทรงทำไว้แต่หนหลังบันดาลให้งามพร้อมทั้งพระรูปโฉม พระนิสัย และน้ำพระทัย เป็นยอดขัตติยนารี" หม่อมเจ้าจงจิตรถนอม ดิศกุล บันทึกไว้เมื่อคราวเกศากันต์ความว่า "ข้าพเจ้าพอใจจะอยู่กับสมเด็จเจ้าฟ้ากรมหลวงศรีรัตนโกสินทร เมื่ออยู่ในวังเคยทรงเล่าประทานว่า ข้าพเจ้าไปเดินตามทูลกระหม่อมหญิงติดอกต้องใจที่จะอยู่กับท่าน ไปงานในวังครั้งใดก็มุ่งที่จะไปเฝ้าทูลกระหม่อมนี้อยู่เสมอ"[6] ส่วนหม่อมเจ้ามารยาตรกัญญา ดิศกุล บันทึกเกี่ยวกับสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้าสุทธาทิพยรัตน์ กรมหลวงศรีรัตนโกสินทรไว้ว่า "ในชั่วชีวิต 5 ขวบของข้าพเจ้า ยังไม่เคยเห็นใครที่งามและน่ารักเหมือนพระองค์ท่านเลย"[6] แต่สำหรับในสายตาเด็ก ๆ อย่างพระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าจุลจักรพงษ์ ทรงมองว่าทูลกระหม่อมหญิงนั้น "งามมาก แต่ค่อนข้างน่ากลัว" เนื่องจากเป็นพระราชธิดาชั้นทูลกระหม่อมพระองค์ใหญ่จึงเป็นชั้น "พระปิตุจฉา" ของเจ้านายชั้นพระราชนัดดาในรัชกาลที่ 5 เป็นส่วนมาก เมื่อพระบิดาตรัสเรียกว่า ลูกหญิง และผู้อื่นตรัสเรียกและระบุถึงว่า ทูลกระหม่อมหญิง เจ้านายชั้นพระภาติยะบางพระองค์จึงเผลอพระองค์ตรัสเรียกว่า ทูลกระหม่อมป้าหญิง ดังเช่นพระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าจุลจักรพงษ์ทรงนิพนธ์ไว้ในหนังสือเรื่อง เกิดวังปารุสก์ เล่ม 1 ว่า "ทูลกระหม่อมหญิงนั้น ทรงงามมาก แต่ค่อนข้างน่ากลัว" และเมื่อวันหนึ่งพระองค์เจ้าจุลจักรพงษ์ ตรัสเรียกทูลกระหม่อมหญิงว่า ทูลกระหม่อมป้าหญิง ก็ทรงถูกตำหนิว่า "อะไร ทูลกระหม่อมป้าชายมีที่ไหน"[6] ความสนพระทัยสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้าสุทธาทิพยรัตน์ กรมหลวงศรีรัตนโกสินทรโปรดของสวยงาม พระองค์มีพระปรีชาสามารถด้านการถักนิตติง (Knitting) และแท็ตติง (Tatting) จนได้รับรางวัลประจำปีวัดเบญจมบพิตรดุสิตวนารามราชวรวิหาร นอกจากนี้พระองค์ยังโปรดการจัดดอกไม้ ร้อยดอกไม้[7] โดยทรงแปลงวิธีปักดอกไม้ขวดซึ่งแต่เดิมจะปักเสมอกันเป็นพุ่มมาแบบสูงข้างต่ำข้าง และปักใบไม้แซมหรือปล่อยให้ดอกห้อยลงมาบ้างกระจายกันไป พระองค์เป็นผู้ประดิษฐ์พวงมาลัยที่ผูกห้อยจากริบบินเป็นพระองค์แรก[6] พระองค์โปรดการถ่ายภาพ สามารถล้างและอัดภาพได้ด้วยพระองค์เอง[7] โดยภาพถ่ายของพระองค์ก็ได้รับรางวัลชนะเลิศในการประกวดประจำปีด้วยเช่นกัน[6] พระองค์มีพระนิพนธ์จำนวนหนึ่ง หนึ่งในนั้นคือ "ฉันท์เฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระเจ้าน้องนางเธอ เจ้าฟ้ากรมหลวงวิสุทธิกระษัตริย์" ในรูปแบบอินทรวิเชียรฉันท์ 11 ปรากฏในหนังสือ กลอนจารึกแต่งประทีปที่บางปะอิน เมื่องานรัชฎาภิเศกในรัชชกาลที่ 5 ตีพิมพ์เมื่อ พ.ศ. 2464[7] พระกรณียกิจสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้าสุทธาทิพยรัตน์ กรมหลวงศรีรัตนโกสินทรทรงรับราชการเป็นราชเลขานุการิณีในพระองค์พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวและได้มีโอกาสตามเสด็จประพาสต้นหลายครั้ง[11] รวมทั้งตามเสด็จประพาสชวา ซึ่งได้โดยเสด็จออกแขกเมืองร่วมกับพระบิดา เมื่อพระบิดากำลังเสวยเครื่องและทรงงานไปด้วย จะมีรับสั่งให้พระองค์ทรงอักษรตามพระราชดำรัสสั่งงาน[12] พระกรณียกิจด้านสาธารณกุศลนั้น พระองค์ทรงบริจาคทรัพย์ส่วนพระองค์เพื่อร่วมก่อตั้งสภาอุณาโลมแดงแห่งชาติสยาม (สภากาชาดไทย) และยังทรงดำรงตำแหน่งอุปนายิกาสภาอุณาโลมแดง ร่วมกับเจ้านายฝ่ายในอีกหลายพระองค์ เช่น สมเด็จพระปิตุจฉาเจ้า สุขุมาลมารศรี พระอัครราชเทวี, พระอรรคชายาเธอ พระองค์เจ้าอุบลรัตนนารีนาค กรมขุนอรรควรราชกัลยา, พระวิมาดาเธอ พระองค์เจ้าสายสวลีภิรมย์ กรมพระสุทธาสินีนาฏ ปิยมหาราชปดิวรัดา[13] นอกจากนี้ พระองค์ยังทรงบริจาคพระราชทรัพย์ส่วนพระองค์เป็นเงิน 200,000 บาท ในโอกาสคล้ายวันประสูติเมื่อวันที่ 15 กันยายน พ.ศ. 2460 ในการสร้างตึกสุทธาทิพย์ ภายในโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย[14] นับเป็นพระราชวงศ์ฝ่ายในพระองค์แรกที่ทรงบริจาคทรัพย์สร้างตึกถึง 200,000 บาท นอกจากนี้ พระองค์ยังทรงดำรงตำแหน่งสมาชิกพิเศษของสภากาชาดไทย เนื่องจากพระกรณียกิจที่พระองค์เป็นผู้อุปถัมภ์ช่วยเหลือกิจการสภากาชาดมาโดยตลอด[15] พระเกียรติยศ
พระอิสริยยศ
เครื่องราชอิสริยาภรณ์สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้าฯ กรมหลวงศรีรัตนโกสินทร ได้รับพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ชั้นสูงสุดของตระกูลต่าง ๆ ดังต่อไปนี้[9]
พระอนุสรณ์
พงศาวลีอ้างอิง
แหล่งข้อมูลอื่นวิกิมีเดียคอมมอนส์มีสื่อที่เกี่ยวข้องกับ สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้าสุทธาทิพยรัตน์ กรมหลวงศรีรัตนโกสินทร |