ข้าวดอกราย
ข้าวดอกราย หรือ ข้าวราหมัย[1] เป็นอาหารชนิดหนึ่ง มีลักษณะเป็นข้าวคลุกกับน้ำพริกและเนื้อปลาทะเลย่าง พร้อมเครื่องเคราและเครื่องปรุงรสอีกเล็กน้อย[1][2] พบได้เฉพาะในชุมชนชาวสะกอม ในตำบลสะกอม อำเภอจะนะ และตำบลสะกอม อำเภอเทพา จังหวัดสงขลา และต้องใช้ครกแบบพิเศษสำหรับทำอาหารนี้โดยเฉพาะ[3] ประวัติข้าวดอกรายเป็นอาหารเฉพาะกลุ่มของชาวสะกอม พวกเขายึดอาชีพประมงพื้นบ้านบริเวณชายฝั่ง โดยใช้วัตถุดิบที่หาได้ง่ายในท้องถิ่นมาประกอบอาหาร[3] เชื่อกันว่าอาหารชนิดนี้มีมานานแล้ว[4] มีเรื่องราวมุขปาฐะประจำชุมชนว่า หากมีครอบครัวที่พี่น้องมีปัญหาทะเลาะเบาะแว้ง หรือผิดใจกันแม้จะเพียงเล็กน้อย พ่อแม่จะชวนลูก ๆ ล้อมวงรับประทานข้าวดอกรายเพื่อพูดคุยปรับความเข้าใจกัน บางคนให้สมญาว่า ข้าวสามัคคี[1][5] เพราะเป็นสิ่งที่เรียกว่า "กินข้าวครกเดียวกัน" หมายถึง การพึ่งพาช่วยเหลือซึ่งกันและกัน[4] การทำข้าวดอกรายแต่ละครั้ง ชาวบ้านจะนำวัตถุดิบในการทำมาคนละอย่างสองอย่างเพื่อทำและล้อมวงรับประทานด้วยกัน[5] ส่วนที่ใช้ชื่ออาหารชนิดนี้ว่า "ข้าวดอกราย" เพราะมีส่วนผสมที่หลากหลาย หาได้ง่ายจากในครัวเรือน โดยเฉพาะข้าวเย็น ซึ่งเป็นข้าวที่กินเหลือจากอาหารมื้อก่อน[4] ส่วมผสมวัตถุดิบสำหรับทำข้าวดอกราย ประกอบไปด้วย ข้าวสวย เนื้อปลาทะเลสุก (จากการย่างหรือต้ม ตามชอบ)[5] ตะไคร้ หอมแดง พริกสด กะปิเคย กุ้ง และน้ำมะขามเปียก[1][3] มีกรรมวิธีทำไม่ยาก เบื้องต้นต้องตำน้ำพริกลงในครก ด้วยการใส่ตะไคร้ซอย หอมแดงซอย พริก เนื้อปลาทะเลสุกแกะเนื้อ กะปิ ตำทุกอย่างให้เข้ากัน แต่งรสด้วยน้ำมะขามเปียก (หรือมะขามสด) ก่อนคดข้าวเย็นลงไปคลุกกับน้ำพริกที่ตำไว้ในครกให้เข้ากัน[1] โดยปรุงให้ได้รสเปรี้ยวนำ เค็มและเผ็ดตาม[3] รับประทานเคียงกับผักสด ปลาเส้นทอด หรือปลาแห้งทอด จะยิ่งทำให้ข้าวดอกรายมีรสชาติที่ดีขึ้น[1][4] ข้าวที่ใช้จะเป็นข้าวเย็นที่กินเหลือจากอาหารมื้อก่อน เพื่อให้เมล็ดข้าวคงรูปไม่เละ[1] บ้างก็ว่าเป็นกุศโลบายให้ใช้อาหารกินเหลือให้เกิดประโยชน์[3][4] กะปิควรใช้กะปิสดใหม่ จะให้รสสัมผัสและความหอมที่ดี[1] ส่วนครกที่ใช้ในการทำข้าวดอกรายจะมีลักษณะพิเศษ มีเฉพาะในชุมชนสะกอมเท่านั้น กล่าวคือเป็นครกไม้ที่มีปากครกใหญ่พอที่จะทำหน้าที่เป็นเขียงได้ทั้งสองด้าน[1] โดยจิรณรงค์ วงษ์สุนทร ให้คำอธิบายไว้วว่า "...ครกไม้ที่ใช้สำหรับตำข้าวดอกรายโดยเฉพาะ เป็นไม้ท่อนใหญ่ท่อนเดียว ขุดเป็นหลุม ที่ปากหลุมมีปีกที่กว้างออกไปพอที่จะใช้พื้นที่หั่น ซอย สับเครื่องน้ำพริกต่าง ๆ แทนเขียง แล้วปาดทุกอย่างลงไปในหลุมแล้วตำให้เข้ากัน"[3] ซึ่งครกไม้นี้ทำจากไม้ตะเคียนไม่ค่อยขึ้นรา หากขึ้นราให้ล้างด้วยน้ำส้มสายชู ขัดกับน้ำเกลือ และนำไปตากแดด[1] อ้างอิง
|