ทับทิมกรอบ
ทับทิมกรอบ เป็นขนมไทยที่สามารถรับประทานได้ทุกฤดูกาล นิยมมากที่สุดในฤดูร้อน รับประทานแล้วหอมหวานเย็นอร่อยชื่นใจคลายร้อนได้ดี ประกอบด้วยเม็ดทับทิมกรอบสีแดงและเม็ดทับทิมกรอบสีชมพู เมื่อเคี้ยวแล้วกรอบมันด้วยรสชาติของแห้ว มีน้ำเชื่อมที่ทำจากน้ำตาลทราย ลอยด้วยดอกมะลิ มีกะทิสดจากการคั้นมะพร้าว น้ำแข็งบดละเอียดหรือน้ำแข็งทุบให้เป็นเม็ดเล็ก ๆ[1][2] รวมทั้งมีการแต่งกลิ่นให้หอมจากน้ำเชื่อมลอยดอกไม้ หรือใช้กะทิอบควันเทียน ทำให้มีรสชาติอร่อย และมีกลิ่นหอมชื่นใจเพิ่มขึ้นอีกประการ[3] ประวัติทับทิมกรอบเป็นของหวานที่ไทยรับจากอาหารเวียดนาม ในเวียดนามตัวทับทิมกรอบจะทำจากแห้ว มันแกว เผือก และมะพร้าวทึนทึก จากนั้นใส่ตัวลอดช่อง วุ้นขูดเส้น สาคูเม็ดใหญ่ ลอยน้ำเชื่อม ใส่กะทิ และใส่น้ำแข็ง ใกล้เคียงกับของไทย ทางเวียดนามระบุว่าอาหารชนิดนี้เป็นอาหารที่รับอิทธิพลจากอาหารจีนอีกต่อหนึ่ง[3] ในราชสำนักไทยมีการปรับปรุงทับทิมกรอบเป็น ทับทิมลอยแก้ว โดยพระวิมาดาเธอ พระองค์เจ้าสายสวลีภิรมย์ กรมพระสุทธาสินีนาฏ ปิยมหาราชปดิวรัดา โดยมีเรื่องเล่าของบรรดาข้าหลวงในห้องเครื่อง เล่าลือถึงพระอัจฉริยภาพของกรมพระสุทธาสินีนาฏไว้ว่า เมื่อครั้งพระองค์ยังไม่เกศากันต์ มีนางข้าหลวงชื่อยายญวน เป็นหญิงชาวกุฎีจีน ทำทับทิมกรอบ แต่ว่าหวงสูตรมาก ไม่ยอมเปิดเผยให้ใคร ด้วยเหตุนี้กรมพระสุทธาสินีนาฏทรงลักลอบทอดพระเนตรยายญวนผ่านช่องประตู รวมทั้งเคยขอเป็นลูกมือยายญวนด้วย เพื่อจดจำว่าใส่อะไร และทำอย่างไรบ้าง แล้วนำมาบอกเล่าต่อ จากนั้นพระองค์ก็มาทดลองทำอย่างเด็กเล่นขายของ[3] และปรับปรุงสูตรให้เป็นแบบเฉพาะพระองค์ได้สำเร็จ[4][5] สอดคล้องกับ ศรุตานุสรณ์ ของเจ้าจอมหม่อมราชวงศ์สดับ ในรัชกาลที่ 5 ที่ระบุเนื้อหาไว้ใกล้เคียงกัน ความว่า[6]
ขณะที่กัมพูชาก็มีการรับทับทิมกรอบจากไทยไปอีกทอดหนึ่ง เรียกว่า ทูทิมกรอบ หรือเรียกโดยย่อว่า ทูทิม นิยมรับประทานกับน้ำกะทิ ใส่วุ้นมะพร้าว และขนุน[7] และเวียดนามก็รับทับทิมกรอบของไทยกลับไปอีกครั้ง เรียกว่า เจ่ท้าย (เวียดนาม: Chè Thái) อ้างอิง
วิกิตำรามีคู่มือในหัวข้อ ทับทิมกรอบ |